อะไรที่ทำให้พืชเหล่านี้มีราคาแพงลิ่วเกินที่จะจินตนาการ นักเขียนชาวอเมริกันนาม Og Mandino ได้เคยกล่าวไว้ว่า “ฉันเป็นสิ่งหายาก และมีค่าในความหายากทั้งหมด ฉันจึงมีค่า” มันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มีจำนวนน้อย ของที่เป็นแรร์ไอเท็ม เมื่อมาคู่กับความต้องการที่มากกว่า สิ่งนั้นจึงเลอค่า และจบท้ายด้วยราคาที่สูง ซึ่งมันใช้ได้กับความหายากของพืชเหล่านี้ เชื่อว่าพืชแต่ละต้นมีลักษณะเฉพาะตัว เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่นสำหรับที่ไหนสักแห่ง เราจะพาไปดู 5 ต้นไม้ราคาแพงที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก แค่มีธนบัตรหลายใบเท่าจำนวนรากฝอยเท่านั้นเอง

 

 

Old Pine Bonsai Tree (ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 50 – 1,300,000 เหรียญสหรัฐฯ)

     ต้นสนเก่าแก่ที่ทำเป็นบอนไซ ราคาที่สูงนั้นเนื่องจากอายุของมันนั่นเอง บางต้นมีอายุมากกว่า 200 ปี โดยต้นสนเหล่านี้ผ่านการดูแลเป็นพิเศษอย่างใกล้ชิด และทำการปลูกซ้ำบ่อยๆ เพื่อจัดการกับทุกสัดส่วนแม้กระทั่งรากของมันเอง โดยบอนไซต้นสนขาวญี่ปุ่น ต้นที่รอดพ้นจากการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาใช้เวลากว่า 400 ปี รวมเป็นหกชั่วอายุคนในการดูแลจนอยู่รอดมาได้อย่างปลอดภัย และต่อมาได้ถูกบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์บอนไซในวอชิงตัน ซึ่งตามรายงานได้บอกว่า บอนไซอายุ 800 ปีนี้มีราคาประเมินอยู่ที่ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว ซึ่งถูกขายในงาน International Bonsai Convention ในเมืองทากามัตสึ ประเทศญี่ปุ่น

 

 

Philodendron Spiritus-Sancti (ราคาเฉลี่ยนอยู่ที่ 4,995 – 9,600 เหรียญสหรัฐฯ)

     พืชราคาแรงแพงทะลุยอดไม้อีกชนิดหนึ่งคือพืชในตระกูลฟิโลเดนดรอน สปิริตัส ซันซ์ติ ความหมายของสายพันธุ์นี้ตามชื่อมีความหมายว่า 'วิญญาณแห่งพระวิญญาณอันบริสุทธิ์' ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ และหายากเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ แค่ชื่อและความหายากก็ไขข้อสงสัยในเรื่องราคาได้อย่างกระจ่าง ซึ่งฟิโลเดนดรอนสายพันธุ์นี้มักพบได้ไม่บ่อยนัก เนื่องจากเป็นพืชที่เป็นที่ต้องการเฉพาะตัวสูงมีเพียงนักสะสมพันธุ์ไม้ และผู้ชื่นชอบไม้ประดับในบ้านเท่านั้นที่เป็นเจ้าของความงามที่หายากนี้ ลักษณะใบนั้นเป็นรูปหัวใจยาวๆ และแคบ เรียวยาว มีถิ่นกำเนิดจากบราซิลเช่นเดียวกับพืชในร่มราคาแพงอื่นๆ ถึงกระทั่งมีคนยอมซื้อต้นไม้ประดิษฐ์ที่ทำจากกระดาษ และมีการขายเสื้อยืดที่สกรีนรูปใบของต้นนี้ออกมาขาย

 

 

Variegated Philodendron Minima (ราคาเฉลี่ยนอยู่ที่ 50 – 8,150 เหรียญสหรัฐฯ)

     อันดับ 3 ยังคงอยู่กับพืชในตระกูลฟิโลเดนดรอน Variegated Philodendron Minima มีถิ่นกำเนิดในบางส่วนของเอเชีย ซึ่งรวมถึงมาเลเซียและไทย มีรูปแบบใบที่สวยงามเฉพาะตัว เป็นต้นไม้ในร่มหรือแดดรำไรที่มีใบสีเหลืองและสีเขียวสดมีเป็นเอกลักษณ์ สายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องสีสันที่เรียบง่ายและชัดเจน แม้ว่าต้นที่มีขนาดเล็กจะสนนราคาที่จับต้องได้ง่าย แต่หากเป็นต้นขนาดใหญ่อาจมีราคาสูงหลายพันเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากความยากลำบากในการขยายพันธุ์ และเป็นพืชที่โตช้า อีกทั้งยังควบคุมความด่างและสีสันได้อย่างไม่แน่นอน เรียกว่าหากมีความด่างที่สวยลงตัวขึ้นมาวันไหน วันนั้นก็อาจจะสามารถขายได้ในราคาที่สูงลิ่วได้ไม่ยาก

 

 

Monstera Obliqua (ราคาเฉลี่ยนอยู่ที่ 200 – 7,000 เหรียญสหรัฐฯ)

     ต้นนี้เป็นสายพันธุ์มอนสเตล่าที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูงเป็นอย่างมาก เรียกกันทั่วไปว่าเป็นพืชที่มี 'รูมากกว่าใบ' เป็นรูตรงใบที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติล้วนๆ เป็นสายพันธุ์ที่เกิดตามธรรมชาติแท้ๆ โดยไม่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรม Monstera หลากหลายชนิด จำเป็นต้องอาศัยการปลูก การดูแลจากผู้มีประสบการณ์เท่านั้น และใช้เวลาการเติบโตค่อนข้างนาน เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในอเมริกากลางและใต้ ราคาอาจสูงถึง 7,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับไม้กระถาง ใครที่ชื่นชอบความแปลกตาของธรรมชาติ Monstera Obliqua น่าจะเป็นพืชปลูกในบ้านที่ตอบโจทย์ และทำให้ผ่อนคลายได้ทุกเวลาที่ได้ดูแล หรือแม้กระทั่งได้มองก็รู้สึกสดชื่นแล้ว

 

 

Hoya Carnosa Compacta (ราคาเฉลี่ยนอยู่ที่ 40 – 6,500 เหรียญสหรัฐฯ)

     โฮย่าพันธุ์ Carnosa compacta เป็นพันธุ์ไม้เลื้อยที่มีเอกลักษณ์ที่ใบสีเขียวเข้มเนื้อแน่น และม้วน เรียกอีกอย่างว่า The Hindu Rope Plant บางครั้งก็มีใบที่ด่าง เพิ่มดีกรีความแพงและความสวยไปอีกหนึ่งเสต็ป ดอกเสีสวย น่ารัก ส่วนมากเป็นสีชมพูอ่อน ราคาของมันขึ้นอยู่กับความหายากและฟอร์มต้นที่เติบโตออกมา ซึ่งรวมถึงโฮย่าพันธุ์อื่นๆ อีก 2-3 สายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในบางส่วนของเอเชียตะวันออกและประเทศออสเตรเลีย