Vogue Thailand

LIFESTYLE

‘BLACKPINK’ ทวงคืนบัลลังก์ K-pop พร้อมตอกย้ำความสำเร็จใน ‘Deadline World Tour’

เวิลด์ทัวร์ครั้งนี้อาจหมายถึงจุดจบสำหรับบางคน แต่สำหรับแบล็กพิงก์มันคือเส้นตายที่เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้น และโลกก็ยังต้องเงยหน้ารอพวกเธอในทุกเวทีที่กำลังจะมาถึงต่อไป

โดย Ramita Naungtongnim
09 กรกฎาคม 2568

     หลังจากห่างหายจากการโปรโมตร่วมกันในฐานะวง BLACKPINK นานกว่า 2 ปี ทั้ง 4 สาวอย่าง ‘ลิซ่า-ลลิษา’ , ‘Jennie’ , ‘Rose’ และ ‘Jisoo’ กลับมาอีกครั้งพร้อมกับทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ในชื่อ ‘Deadline World Tour’ ซึ่งเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2025 ที่ Goyang Stadium ประเทศเกาหลีใต้ แม้จะมีเรื่องราวโกลาหลเกี่ยวกับสถานที่จัดผังที่นั่งในบางส่วนที่ผู้ชมอาจมองเห็นเวทีไม่ชัดเจน ทว่าการปรากฏตัวพร้อมกันของทั้งสี่คนในครั้งนี้นั้นถือเป็นจุดสนใจและสร้างความน่าตื่นเต้นให้แฟนคลับไปทั่วโลก เพราะนี่ไม่ได้เป็นเพียงการขึ้นเวทีตามหน้าที่ แต่มันคือการประกาศว่า BLACKPINK ยังอยู่ และพร้อมจะเขย่าโลกแห่งดนตรีอีกครั้ง

 

จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา

     การกลับมาครั้งนี้ของแบล็กพิงก์ไม่ได้กลับมาพร้อมแค่เวทีที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียงสุดอลังการ ทว่ายังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแสดงเพลงใหม่ที่ไม่เคยเผยที่ไหนมาก่อนแม้กระทั่งช่องทางสตรีมมิ่งออนไลน์หรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ อย่าง ‘Jump’ ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของทั้งแฟนเพลงและสื่อทั่วโลก การเลือกเปิดตัวเพลงใหม่เฉพาะบนเวทีสดแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่นำสิ่งนี้เป็นการทดลองเสียงตอบรับแบบเรียลไทม์ก่อนจะนำเพลงไปต่อยอดในระดับตลาดโลกต่อไป หากสังเกตโชว์ในวันเปิดทัวร์ Jump เป็นเพลงที่มีจังหวะทันสมัย ผสมผสานพลังของฮิปฮอปกับเมโลดี้อิเล็กทรอนิกส์ และมีเนื้อหาที่ชวนให้รู้สึกถึงการปลดปล่อย การไม่ยอมแพ้ และการก้าวข้ามความกลัว ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็น ‘Meta Message’ ของแบล็กพิงก์ต่อโลกว่าแม้จะมีความเงียบ ความคาดหวัง หรือคำวิจารณ์ พวกเธอยังคงพร้อมจะกระโดดกลับขึ้นสู่เวทีร่วมกันเสมอ

 

เมื่อความดังกลายเป็นดาบสองคมกับกรณีดราม่าของ ‘เจนนี่ คิม’

     ความสนใจจากสาธารณชนย่อมมีทั้งด้านบวกและลบโดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างในวันเปิดทัวร์คือคลิปที่เจนนี่เรียกทีมงานมาช่วยผูกเชือกรองเท้าให้ สำหรับบางคนนี่คือการแสดงออกถึงความไม่เหมาะสมหรือความหยิ่งในฐานะคนดัง แต่สำหรับแฟนเพลงจำนวนมากนี่คือภาพของ ‘มืออาชีพ’ ที่อยู่บนเวทีระดับโลก และต้องการการซัปพอร์ตเพื่อให้โชว์ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ดราม่านี้อาจเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ ทว่าสะท้อนถึงความท้าทายของแบล็กพิงก์ที่ต้องบาลานซ์ระหว่างความมั่นใจกับภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรอย่างละเอียดอ่อน

 

เซ็ตลิสต์เพลงเก่า แต่ยังทรงพลังจริงหรือ?

     แม้จะมีเสียงสะท้อนจากบางกลุ่มจากแฟนๆ ว่าเพลงส่วนใหญ่ที่ใช้ในคอนเสิร์ตยังเป็นเพลงเดิมจากทัวร์ก่อนหน้าอย่าง ‘Born Pink Tour’ และไม่มีเพลงใหม่มากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงเหล่านี้ยังคงมีพลังในการสร้างบรรยากาศระดับเวทีโลกให้น่าสนใจอยู่เสมอ อีกมุมหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่าแบล็กพิงก์กำลังเตรียมปล่อยลูกเล่นใหม่กลางทัวร์ อาทิ การเปิดตัวเพลงใหม่แบบไม่ประกาศล่วงหน้า หรือการใช้เวทีเหล่านี้เป็นช่องทางทดลองงานใหม่ก่อนนำไปสู่โปรเจกต์ใหญ่อย่างอัลบั้มเต็มในอนาคตก็เป็นได้

 

การกลับมาในเวลาที่เหมาะสม

     เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว การกลับมาของแบล็กพิงก์ในช่วงกลางปี 2025 ถือเป็น ‘ช่วงเวลาทอง’ อย่างแท้จริง เพราะตลาดแห่งอุตสาหกรรมเคป๊อปขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาใต้ รวมถึงขณะเดียวกันกลุ่มแฟนเพลงรุ่นใหม่ของวงก็เติบโตพร้อมซัปพอร์ตผ่านบัตรคอนเสิร์ต เมิร์ชสินค้า หรือแพลตฟอร์มต่างๆ และในโลกเคป๊อปที่การแข่งขันดุเดือด พร้อมด้วยวงรุ่นใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา หลายวงเลือกจะโปรโมตถี่ ปล่อยเพลงเร็ว และยึดพื้นที่สื่ออย่างต่อเนื่อง แต่แบล็กพิงก์กลับใช้กลยุทธ์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง การหายหน้าไปในช่วงที่ผ่านมากลับกลายเป็น การสร้างแรงรอคอยที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ด้วยฐานแฟนคลับระดับโลกที่เหนียวแน่นและชื่อเสียงที่ไปไกลกว่าขอบเขตวงการเพลง อาทิแวดวงแฟชั่น และการแสดงระดับฮอลลีวู้ด เวิลด์ทัวร์ครั้งนี้อาจหมายถึงจุดจบสำหรับบางคน แต่สำหรับแบล็กพิงก์มันคือเส้นตายที่เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้น และโลกก็ยังต้องเงยหน้ารอพวกเธอในทุกเวทีที่กำลังจะมาถึงต่อไป

 

ภาพ : Courtesy of YG Entertainment