LIFESTYLE

Bella Hadid เปิดใจเรื่องศัลยกรรม พร้อมเผยความรู้สึกที่ต้องสมบูรณ์แบบในจุดที่ทุกคนคาดหวัง

การทำศัลยกรรมจมูกเมื่ออายุ 14 ปี กลายเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้

     ศัลยกรรมเป็นเรื่องแสนละเอียดอ่อนที่จะหยิบมาพูดถึงกันแต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก โดยเฉพาะเซเลบริตี้ระดับโลกที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบเมื่อพูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง เมื่อโลกเดินหน้าเข้าสู่ยุค 2022 เรื่องศัลยกรรมถือเป็นสิ่งปกติในสังคมมากขึ้น ผู้คนเข้าใจและให้เกียรติกับการตัดสินใจของผู้ทำศัลยกรรมอย่างเปิดกว้าง เรื่องสิทธิ์ส่วนบุคคลก็ก้าวเข้ามามีบทบาทสอดประสานกันอย่างลงตัว ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมามีดารา นักแสดง เซเลบริตี้ หลายคนถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาและการทำศัลยกรรม ซึ่งสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย บางคนอาจพลิกให้เป็นเรื่องตลก บางคนก้าวขึ้นมาแสดงจุดยืนเรื่องสิทธิ์ส่วนบุคคลชัดเจน หรือบางคนก็เลือกจะเปิดเผยและแสดงให้เห็นถึงความอัดอั้นตันใจที่สังคมสร้างพลังลบให้กับพวกเธอ อย่างที่ Bella Hadid เปิดเผยความลับที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน...

 

     หลังจากเบลล่าเพิ่งขึ้นปกโว้กอเมริกาเดือนเมษายน 2022 ไปหมาดๆ หลายคนก็ได้อ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นสุดละเอียดอ่อนอย่างการทำศัลยกรรม ซึ่งเธอเปิดเผยต่อโว้กอเมริกาถึงเรื่องราวที่แทบไม่มีใครเคยรู้มาก่อน นางแบบสาวเบอร์ต้นของโลกเผยว่าเธอเคยทำศัลยกรรมจมูกตั้งแต่อายุ 14 ปี และการตัดสินใจครั้งนั้นเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เธอเสียใจจนถึงทุกวันนี้ “ฉันหวังว่าฉันจะเก็บรูปจมูกเดิมจากที่บรรพบุรุษให้มา” เธอกล่าวถึงความรู้สึกที่ย้อนนึกถึงประสบการณ์การทำศัลยกรรมในครั้งนั้น แต่ต้องบอกว่านางแบบสาวคนนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตามาโดยตลอด และวันนี้เธอก็พร้อมเผยความในใจที่อาจทำให้ทุกคนตระหนักถึงความรู้สึกผู้อื่นบ้าง

ภาพ: @bellahadid

     ตลอดการทำอาชีพนางแบบเบลล่าถูกวิจารณ์เกี่ยวกับการทำศัลยธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำศัลยกรรมตาและจมูก หลายคนมองว่ารูปหน้าของเธอเปลี่ยนไปเพราะการยกตารวมถึงปรับรูปจมูก แต่เบลล่าออกมาปฏิเสธข่าวนี้พร้อมทั้งกล่าวอย่างชัดเจนว่า “ผู้คนคิดว่าฉันทำอะไรบนใบหน้าเต็มไปหมด เพราะมีรูปภาพตอนวัยรุ่นที่ฉันดูอ้วน” และยังโยนคำถามกลับว่า “ฉันมั่นใจเลยว่าคุณ(ตอนนี้)ไม่ได้ดูเหมือนตอนอายุ 13 หรอกจริงไหม” นี่นับเป็นครั้งแรกๆ ที่เธอออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้และระบายความอัดอั้นในใจแบบไม่มีกั๊ก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเลิกวิจารณ์เบลล่าหรือใครก็แล้วแต่เรื่องการทำศัลยกรรม

 

     เท่านี้ยังไม่พอ...ประเด็นเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมของเบลล่ายังไม่หมด เธอกล่าวถึงเรื่องการใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีหลัง มีคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับเบลล่าที่พูดถึงรูปหน้าอันเรียวบาง มีการคาดเดาว่าเธอพึ่งพาฟิลเลอร์ แต่ในทางกลับกันเบลล่าเปิดเผยอย่างชัดเจนว่า “สำหรับคนที่คิดว่าฉันศัลยกรรมยกตาหรือทำอะไรก็แล้วแต่ สิ่งนี้เรียกว่า Face Tape เทคนิคแสนเบสิกที่ใช้กันมานานแล้ว” พร้อมทั้งเสริมด้วยว่า “ฉันไม่เคยใช้ฟิลเลอร์ ฉันไม่มีปัญหากับสิ่งนี้นะ เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ใช่สำหรับฉัน”

ภาพ: Victoria's Secret

     หลายครั้งที่เบลล่ากลายเป็นเป้าวิจารณ์และเกิดความเข้าใจผิดมากมาย เธอเผยว่าเธอเคยเผชิญกับสถานการณ์ Impostor Syndrome อาการที่ไม่มั่นใจในตัวเองหรือคิดว่าตัวเองไม่ดีพอก็เพราะข่าวลือเรื่องทำศัลยกรรม เซเลบริตี้สาวผู้ดูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจกล่าวว่า “ฉันรู้สึกเหมือนผู้คนมากมายกำลังบอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่เหมาะกับหน้าตา” ความรู้สึกนี้ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าอย่างหนักถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นเธอก็เข้ารับการบำบัด อีกทั้งยังมีความรู้สึกหมดไฟในการทำงาน จากเหตุการณ์ดังกล่าวเธอเลือกที่จะลุกขึ้นสู้โดยตั้งต้นด้วยการกลับไปหาแม่เพื่อเยียวยาจิตใจ ก่อนจะเริ่มเดินทางบนเส้นทางอาชีพอย่างสดใหม่อีกครั้ง

 

     สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูจิตใจ ครอบครัวของเบลล่าสนับสนุนและให้กำลังใจสาวคนนี้อยู่เสมอ แม่เป็นเหมือนที่พักพิงด้านจิตใจที่ดีที่สุด แสดงให้เห็นว่าครอบครัวคือปัจจัยขั้นพื้นฐานที่หล่อหลอมความรู้สึกดีๆ ให้เกิดขึ้นแม้กำลังเผชิญความลำบาก แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการพัฒนาด้านสังคม ทุกคนควรตระหนักถึงสิทธิ์ส่วนบุคคลเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม ไม่สิต้องบอกว่าทุกคนต้องรู้จักเคารพและก้าวผ่านการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาผู้อื่น ในวันที่เบลล่ากำลังถูกคาดหวังความสมบูรณ์แบบ เธอกลับถูกปฏิเสธว่าเนื้อแท้จริงๆ เธอไม่ใช่แบบนั้น โดนป้อนข่าวเรื่องทำศัลยกรรมใส่สารพัด คำถามคือแล้วผิดอะไรที่เธอหน้าตาสวยตามที่ทุกคนคาดหวัง เธอต้องผ่านมีดหมอมาเท่านั้นเหรอ หรือถ้าเธอทำจริง ก็ต้องย้อนถามอีกว่าแล้วผิดเหรอที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเธอเอง สุดท้ายการเคารพมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งที่ควรเกิดขึ้นในทุกสังคม ทุกคนแตกต่างแล้วความแตกต่างนั้นกำลังทำลายสังคมอยู่หรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่ แต่เป็นมนุษย์ที่ยึดถือการขีดเส้นแบ่งความแตกต่าง และสร้างมายาคติ อีกทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ก้าวก่ายบุคคลอื่นในสังคมนั่นล่ะที่กำลังจุดชนวนระเบิดให้สังคมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ถึงเวลาแล้วหรือยังที่มนุษย์จะก้าวผ่านอะไรแบบนี้อย่างสมบูรณ์เสียที



WATCH




WATCH

คีย์เวิร์ด: #BellaHadid