FASHION

ร่วมสืบสาน ต่อยอดผ้าไทยในนิทรรศการ 'Weaving the Way: A Journey of Thai Silk' โดยกระทรวงการต่างประเทศ

โว้กประเทศไทยพาแฟนๆ ย้อนชมเรื่องราวการอนุรักษ์ผ้าไทย ในนิทรรศการ “Weaving the Way: A Journey of Thai Silk” พร้อมพบกับไอเท็มแฟชั่นที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาจาก "ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ" โดยแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยชื่อดัง!

     นับเป็นช่วงเวลากว่า 7 ทศวรรษที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทุ่มเททั้งพระวรกายและพระราชหฤทัยในการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอันสะท้อนถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย โดยเฉพาะการทรงงานด้านการอนุรักษ์ “ผ้าไทย” ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยฝีมือของคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าลายขิด ผ้ายก ผ้าจก ผ้าลายน้ำไหล มัดหมี่ ตลอดจนผ้าพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด

     ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 กระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกับโว้ก จัดนิทรรศการ “Weaving the Way: A Journey of Thai Silk” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวการเดินทางของผ้าไทยให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ถึงที่มาและความสำคัญของผ้าไทยทั้งในเวทีระดับประเทศจนถึงเวทีระดับโลก

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดงาน “Weaving the Way: A Journey of Thai Silk” ณ เจริญนครฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม



WATCH




      นิทรรศการ “Weaving the Way: A Journey of Thai Silk” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ เจริญนครฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม โดยได้รับพระกรุณธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยนี้ โดยภายในงานยังพบกับบุคคลสำคัญที่มีส่วนช่วยในการแผ่ขยายผลงานผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์เเละข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนเหล่าคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยที่ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงานในครั้งนี้

     โว้กประเทศไทยเลยอาสาพาแฟนๆ ทุกคนย้อนกลับไปสัมผัสบรรยากาศในงาน ตลอดจนพาชมไอเท็มชิ้นไฮไลต์ต่างๆ ที่ถูกยกมาจัดเเสดงในครั้งนี้ โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับผ้าไทยถึงสามส่วน เริ่มต้นกันที่โซนแรกที่เผยให้เราได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่เริ่มแรกของการทรงงานด้านผ้าไทย ซึ่งต้องย้อนกลับไปถึงปี พ.ศ. 2513 ครั้งเมื่อตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม โดยการเสด็จเยือนครั้งนั้นพระองค์ ทรงประทับพระราชหฤทัยเข้ากับซิ่นไหมมัดหมี่ที่หญิงชาวบ้านได้สวมใส่มาเพื่อรอรับเสด็จ ด้วยความน่าสนใจของเนื้อผ้าทำให้สมเด็จพระพันปีหลวงทรงมีรับสั่งถามจนได้ความว่าชาวบ้านในพื้นที่แห่งนี้ต่างทอผ้าไหมมัดหมี่ไว้ใช้กันเองในทุกครัวเรือน ตลอดจนการเผยแพร่ผลงานผ้าไทยบนเวทีระดับโลกที่สมเด็จพระพันปีหลวงได้ทรงสวมฉลองพระองค์ ซึ่งถูกออกแบบเเละถักทอจากผ้าไทย ให้นานาประเทศได้ยลโฉมอยู่บ่อยครั้ง

     ด้วยลวดลายอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาจากชาวบ้าน สมเด็จพระพันปีหลวงจึงทรงพระราชดำริว่าควรส่งเสริมให้เหล่าราษฎรทอผ้าไหมมัดหมี่ไว้เป็นอาชีพ เพื่อให้ครอบครัวได้มีรายได้ที่ยั่งยืน จนในช่วงเวลาต่อมาพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2519 ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้อนุรักษ์ผลงานอันเป็นภูมิปัญญาของไทย ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือพสกนิกรทั่วประเทศให้มีรายได้จากงานหัตถกรรมทอผ้า รวมถึงงานหัตถกรรมอื่นๆ เรื่อยมา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้รวมถึงภาพพระฉายาลักษณ์ในฉลองพระองค์ชุดผ้าไทยอันวิจิตรจากทั้งดีไซเนอร์ไทยและต่างประเทศ ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ก็ถูกนำมาจัดแสดงบนพื้นที่นิทรรศการของงานในครั้งนี้

     ถัดมากับโซนนิทรรศการที่ 2 กับพื้นที่จัดแสดงผลงานและเรื่องราวในการสืบสาน รักษา เเละต่อยอดงานอนุรักษ์ผ้าไทย ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยและทรงทุ่มเทพระวรกายเช่นเดียวกับสมเด็จพระพันปีหลวงในการพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมผ้าไหมไทย ดังพระดำรัสจากงานเสวนา “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2022 – 2023” ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา  โดยใจความสำคัญที่พระองค์ได้ทรงถ่ายทอดให้กับเหล่านักศึกษาผู้เข้าร่วมงานคือการมุ่งเน้นการแบ่งปันความรู้ในเรื่องผ้าไทย ทั้งยังมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยให้กับผู้คนทั่วไปอีกด้วย

     โดยพื้นที่จัดนิทรรศการโซนนี้ยังคงมีการจัดแสดง ผลงานอันล้ำค่าของผ้าไทยกับ “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่เหล่าไทยดีไซเนอร์ได้นำไปสร้างสรรค์จนกลายเป็นผลงานแฟชั่น ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า ตลอดจนไอเท็มแอ็กเซสเซอรี่ที่เต็มไปด้วยลวดลายจากผ้าไทย โดยได้ดีไซเนอร์มากฝีมือจากแบรนด์ระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น SIRIVANNAVARI BANGKOK, ISSUE, ASAVA, VATIT ITTHI, WISHAWISH และ THEATRE มาเป็นผู้รังสรรค์ไอเท็มเหล่านี้ พร้อมนำมาจัดเเสดงให้ชมกันอย่างใกล้ชิด

   อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานในครั้งนี้ที่ไม่ควรพลาดคงต้องยกให้พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการส่วนที่ 3 ที่ได้รวบรวมผลงานแฟชั่นชิ้นพิเศษ ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ดีไซเนอร์ระดับโลกทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นถูกตัดเย็บโดยใช้วัสดุหลักคือ “ผ้าไทย” จนออกมาเป็นไอเท็มชิ้นต่างๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ โดยความพิเศษของไอเท็มชิ้นเอ็กซ์คลูซีฟนี้ยังพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงวลาแห่งความอบอุ่นในงาน "Vogue Gala" งานประมูลสินค้าที่ออกแบบโดยผ้าไทย ซึ่งมีการจัดมาเป็นประจำในทุกๆ ปี โดยนับเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่คืนชีพให้เหล่าผ้าไทยได้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง

WATCH