เมื่อโลกเปลี่ยนไปความงามจึงเปลี่ยนตาม โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เส้นผมกลายมาเป็นศูนย์กลางของการสื่อสารความเป็นตัวเอง ผมแต่ละทรงอาจมีความหมายลึกมากกว่าเพียงเรื่องแฟชั่นหรือเฉดสี แต่คือการนิยาม ‘ตัวตน’ ใหม่ในสังคมที่ความหลากหลายเป็นหัวใจสำคัญของโลกแห่งความงาม เส้นผมจึงเป็นมากกว่าองค์ประกอบของรูปลักษณ์ และกลายมาเป็นเครื่องมืองทรงพลังที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ ทันศคติ และความงามในแบบที่ไม่ตายตัว
Schwarzkopf Professional แบรนด์ผู้นำระดับโลกด้าน Hair Professional จึงเลือกสื่อสารจุดยืนสำคัญผ่านแคมเปญล่าสุดอย่าง ‘FOR EVERY YOU’ แฮร์คอลเล็กชั่นที่ไม่ได้หยุดแค่การโชว์ศักยภาพด้านเทคนิคการทำสีผมระดับสูง แต่เป็นการประกาศว่าความงามไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบใดๆ เพราะทุกเรื่องราวบนเส้นผมคือเรื่องราวเฉพาะตัวที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง
คอลเล็กชั่น 'FOR EVERY YOU' ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Every hair story is unique & personal’ ซึ่งไม่เพียงเป็นถ้อยแถลงเชิงแนวคิด แต่คือพันธกิจของแบรนด์ในการยกระดับวงการผมไทยให้ก้าวเข้าสู่อนาคตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ทั้งในด้านการศึกษา การสนับสนุนแฮร์สไตลิสต์ และการเปลี่ยนสีผมให้กลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของงานศิลปะที่มีความหมายและเรื่องราว แล้ว ‘สีผม’ จะบอกเล่าเรื่องราวได้มากแค่ไหน Schwarzkopf Professional ไขคำตอบผ่านความร่วมมือกับ 4 Schwarzkopf Professional Color Ambassador ที่ต่างเผยมุมมอง ทักษะ รสนิยม และสไตล์เฉพาะตัวที่มีความแตกต่างและหลากหลาย จนทำให้ 'FOR EVERY YOU' กลายเป็นภาพพาโนราม่าของความงามที่ไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง
“โอ๋เริ่มจากการทำงานอยู่กองถ่ายแต่ไม่เคยทิ้งงานซาลอน เราชอบทดลอง เวลาอยู่ในซาลอนก็ชอบเอาปอยผมมาเทสสี ทำให้เรารู้สึกส่าเราครีเอตหรือสนุกกับการทำสีผม พอทำ Curly Pop รู้สึกว่าน่าจะเป็นผมหยิกที่เข้ากับคนผิวสี บวกกับเล่นคู่สีที่เป็นสีม่วง-ชมพู เรารู้สึกว่ามันดูสนุกและดูน่าค้นหา” ‘โอ๋-อารดี จันทร์เกตุ‘ จาก ADAY SALON ที่นำเสนอผลงาน Curly Pop ด้วยแรงบันดาลใจจากความงามของผู้หญิงผิวสี ถ่ายทอดพลัง ความกล้า และความสดใสผ่านโทนสีม่วงและชมพูที่เปล่งประกาย ช่วยปลดปล่อยทุกการเคลื่อนไหวของลอนผมให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความมั่นใจ และเสน่ห์ที่ไม่จำกัดนิยามเดิมของความสวย
“ตอนแรกไม่ได้ชอบแต่พอเริ่มทำก็รู้สึกสนุกกับการทำสีผมมากค่ะ มันเป็นงานศิลปะที่เราได้ครีเอตงานใหม่ๆ ปกติแล้วก็ชอบดูภาพดูงานศิลปะ ดึงสีที่เป็นจุดเด่นของงานนั้นมาครีเอตบนเส้นผมให้เป็นผลงานของตัวเอง” ‘แอน-อรไพลิน วงษ์ประเสริฐ‘ จาก SALON DIO นักเล่าเรื่องผ่านโทนสีที่หลอมรวมโลกศิลปะเข้ากับโลกของเส้นผมอย่างกลมกลืน ด้วยการหยิบโทนสีที่หลงใหลในผลงานศิลป์มาสร้างสรรค์เป็นสีผมที่มีชีวิต เต็มไปมิติ และสะท้อนบุคลิกเฉพาะของแต่ละคน เพราะสำหรับเธอ ‘สีผม’ เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และทัศนคติได้อย่างทรงพลังไม่แพ้พู่กับและผืนผ้าใบ
“แบล็คต้องการให้ลูกค้าสวยด้วยมือเรา พอลูกค้าสวย เขาก็จะมีความสุขบวกรอยยิ้ม และแบล็คก็จะมีความสุขบวกรอยยิ้มเช่นกันค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะวัยเด็ก วัยกลางคน หรือวัยสูงอายุ ส่วนมากจะมีผมขาวกัน ผมขาวเหล่านี้อาจจะกวนใจ จะมีเทคนิคพรางผมขาวได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ มันเป็นความแตกต่างที่สวยงามและดูมีเอกลักษณ์มากๆ มันไม่ใช่ปัญหาแต่มันคือแฟชั่น” ‘แบล็ค-เอริตรา ขุนอาจ‘ จาก BLACKHAIR SALON ที่เลือกเริ่มต้นการสร้างสรรค์จากความเข้าใจใน insight ของลูกค้า และแปลความรู้สึกออกมาเป็นสีผมที่ทั้งแฟชั่นและทรงพลัง ผ่านเทคนิคการไล่โทนที่ดูร่วมสมัยและเหนือกาลเวลา สะท้อนว่าความงามไม่ควรถูกผูกติดกับเพศ วัย หรือกรอบใดๆ ทั้งสิ้น
“แรงบันดาลใจคือเราอยากจะเห็นคนสวยคนหล่อถึงได้ทำอาชีพนี้ อยากเป็นส่วนหนึ่งของความสวยความหล่อ และมีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ รวมถึงตอนที่รังสรรค์ผลงานให้ลูกค้า สำหรับผลงานที่นำเสนอในครั้งนี้แรงบันดาลใจมาจากตอนไปเที่ยวอังกฤษที่สก็อตแลนด์ ได้ไปดูพระอาทิตย์ตกตอนสี่ทุ่มเลยได้ผลงาน Sunkiss Ombre” ‘โจ้-ประสิทธิ์ เชื้อหงษ์‘ จาก THE GRAY SALON ผู้ที่นำประสบการณ์ชีวิตและการเดินทางในต่างประเทศมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ นำเสนอ Sunkiss Ombre โทนสีอบอุ่นที่แฝงความละเมียดละไม เหมือนเก็บแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันไว้บนเส้นผม ถ่ายทอดทั้งความทรงจำ ความรู้สึก และมิติของอารมณ์ลงในแต่ละช่อผมอย่างประณีต
นั่นจึงเป็นการไขข้อสงสัยว่าทำไมเส้นผมจึงกลายมาเป็นภาษาของตัวตนในโลกยุคใหม่ ซึ่งในแคมเปญนี้ตั้งใจจะสื่อสารไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ลุค’ แต่เป็น ‘เสียง’ ของแต่ละคนในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด และเมื่อแบรนด์อย่าง Schwarzkopf Professional เลือกยืนหยัดเคียงข้างทุกสไตลิสต์และลูกค้า ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ นวัตกรรม และเวทีของการแสดงออกอย่างเสรี ดั่งการแสดงจุดยืนว่า ความงามในยุคนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตาม แต่คือสิ่งที่ต้องสร้างในแบบของตัวเอง FOR EVERY YOU จึงเป็นดั่งเป็นเครื่องยืนยันว่า Schwarzkopf Professional พร้อมเปิดทางให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองความงามในแบบตัวเอง
























