Vogue Thailand

FASHION

ฝรั่งเศสเดินหน้าร่างกฎหมายใหม่สกัด fast fashion เพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืนในอนาคตแห่งวงการแฟชั่น

ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 337 ต่อ 1 โดยสะท้อนถึงความเห็นร่วมกันของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

โดย Ramita Naungtongnim
16 มิถุนายน 2568

     เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2025 วุฒิสภาฝรั่งเศสลงมติผ่านร่างกฎหมายใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ผลิตสินค้าอย่างรวดเร็วหรือที่รู้จักกันในชื่อ “fast fashion” โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่ถูกระบุว่าเป็น “ultra-fast fashion” ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 337 ต่อ 1 โดยสะท้อนถึงความเห็นร่วมกันของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและบริโภคเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและฟุ่มเฟือย

     แก่นของกฎหมายฉบับนี้คือการลดจำนวนสินค้าราคาถูกที่ผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่งมักจะมีคุณภาพต่ำ ใช้งานได้ไม่นาน และกลายเป็นขยะในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีของแบรนด์ต่างชาติที่ใช้กลยุทธ์ลดต้นทุนสูงสุดเพื่อให้สามารถผลิตและส่งสินค้าได้ภายในเวลาไม่กี่วัน แนวทางที่กำหนดไว้ในกฎหมายรวมถึงการห้ามโฆษณาสินค้าจากแบรนด์ ultra-fast fashion และการบังคับให้ระบุคะแนนผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของสินค้าแต่ละชิ้นบนฉลากหรือแพลตฟอร์มที่จำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมในรูปแบบค่าปรับต่อชิ้นสินค้า โดยเริ่มจาก 5 ยูโรในปี 2025 และจะเพิ่มเป็น 10 ยูโรภายในปี 2030 หรือคิดเป็นไม่เกิน 50% ของราคาขายปลีกสินค้า

     ทั้งนี้แม้ว่าบางแบรนด์จะออกมาโต้แย้งว่าโมเดลการผลิตของบริษัทนั้นยั่งยืนกว่ารูปแบบ fast fashion ดั้งเดิม โดยใช้ระบบผลิตตามคำสั่งจริงเพื่อลดของเหลือ ทว่าผู้ร่างกฎหมายฝรั่งเศสยังคงแสดงความกังวลต่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินค้าราคาถูกคุณภาพไม่สูงมากที่มักผลิตจากแรงงานราคาถูกและกระทบต่อธรรมชาติอย่างรุนแรง ทางฝั่งนักสิ่งแวดล้อมและกลุ่มผู้สนับสนุนแฟชั่นยั่งยืนกลับแสดงความผิดหวังเนื่องจากร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายมีการปรับลดเงื่อนไขหลายประการเพื่อให้แบรนด์ยุโรปรายใหญ่บางแบรนด์ได้รับการยกเว้นจากมาตรการบางส่วน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและทำให้กฎหมายอ่อนแอลง

     ในขั้นตอนถัดไปร่างกฎหมายนี้ยังต้องถูกเสนอให้คณะกรรมาธิการยุโรปตรวจสอบ ก่อนจะถูกนำกลับมาพิจารณาร่วมกันระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสเพื่อปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกัน คาดว่ากฎหมายฉบับสมบูรณ์จะมีความชัดเจนก่อนสิ้นฤดูร้อนปีนี้(ของฝรั่งเศส) ซึ่งหากบังคับใช้ได้จริงก็จะถือเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการใช้กฎหมายเข้ามาจัดการกับปัญหาการบริโภคอย่างล้นเกินและกระบวนการผลิตที่ไม่ยั่งยืนของวงการแฟชั่นทั่วโลก

 

ภาพ : iStock