Vogue Thailand

FASHION

VOGUE SCOOP | สรุปรวบยอดเดือนแห่งความคึกคักที่เริ่มตั้งแต่แฟชั่นวีกระดับโลกจนถึงประเทศไทย

แฟชั่นวีกฝั่งยุโรป งานสัปดาห์นาฬิกา งานสัปดาห์แฟชั่นในกรุงเทพ เรื่อยไปจนถึงการมาถึงของเกมเก้าอี้ดนตรีฉบับ 2.0 ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเพียงเดือนเดียวเท่านั้น!

โดย Nattanam Waiyahong
22 ตุลาคม 2568

     ช่วงเดือนกันยายนต่อยอดจนถึงเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นช่วงเวลาแห่งความคึกคักของแวดวงแฟชั่น นา​ฬิกา และความบันเทิง แต่สำหรับปี 2025 นั้นได้รับการจับตามองเป็นพิเศษเพราะถือเป็น ‘MADNESS MONTH’ ที่ทุกสิ่งแทบจะเกิดขึ้นพร้อมหรือต่อเรื่องกันไปตลอดราวๆ 1 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารอเหล่าดีไซเนอร์ที่รับงาน ณ แบรนด์ใหม่ โชว์นางฟ้าวิกตอเรีย ไปจนถึงงานสำคัญที่ถือเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นและนาฬิกาของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งราวกับการเปิดฉากช่วงเวลาแห่งเก้าอี้ดนตรีเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน วันนี้ #VOGUESCOOP พร้อมรวบรวมเรื่องราวประเด็นหลักสำคัญที่ให้คำตอบว่าทำไมมันเป็นถึงช่วงเวลาแห่งความบ้าคลั่งในอุตสาหกรรมแห่งนี้

Article

FASHION WEEK OF DEBUTANTS

อย่างที่กล่าวไปว่าเหล่าดีไซเนอร์จำนวนไม่น้อยผลัดเปลี่ยนเมซงกันเป็นว่าเล่นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 แม้จะมีการเดบิวต์กันไปบางส่วน ไม่ว่าจะเป็น Sarah Burton กับ Givenchy หรือจะเป็น Glenn Martens กับ Maison Margiela ทว่ายังมีดีไซเนอร์ชื่อดังอีกจำนวนไม่น้อยที่รอช่วงเวลาเปิดตัวอันยิ่งใหญ่กับแฟชั่นวีกประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2026 เน้นปักหมุดไปที่มิลานและปารีสกันแทบทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ Demna กับการเปิดปฐมบทในยุคสมัยของตัวเองด้วยการฉายภาพยนตร์สั้นรอบปฐมทัศน์กับแบรนด์ Gucci ต่อเนื่องกับการเดบิวต์คอลเล็กชั่นแรกของ Simone Bellotti กับ Jil Sander ที่หยิบยกเรื่องราวความคลาสสิกและมินิมัลมาผสมผสานกับยุคโมเดิร์น ก่อนจะปิดท้ายมิลานแฟชั่นวีกด้วยผลงาน Bottega Veneta ของ Louise Trotter ที่สร้างความตะลึงงันกับมิติความงดงามที่ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงปารีสแฟชั่นวีกที่สาวกแฟชั่นรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ เริ่มตั้งแต่ Jonathan Anderson กับ Dior ที่พลิกโฉมแฟชั่นบนรันเวย์และวิธีการนำเสนอแทบจะใหม่ทั้งหมด เขย่าเมซงระดับตำนานและกลุ่มลูกค้าจนตื่นตะลึงไปไม่น้อย นอกจากนี้ยังมี Mark Thomas กับการเข้ามาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์ Carven ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Miguel Castro Freitas กับการพา Mugler เข้าสู่มิติความสง่างามที่แฟนพันธุ์แท้อาจไม่คุ้นตานัก หรือจะเป็นดีไซเนอร์คู่อย่าง Lazaro Hernandez และ Jack McCollough จาก Proenza Schouler ที่มานั่งบังเหียน Loewe และเสิร์ฟความสดร้อนฉบับใหม่เช่นกัน ปิดท้ายด้วย Pierpaoli Piccioli กับ Balenciaga ที่เนรมิตเรื่องราวจากอาร์ไคฟ์เก่ามาเล่าใหม่ พร้อมเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านแบบค่อยเป็นค่อยไปพร้อมสอดแทรกลายเซ็นตัวเองลงไปอย่างชัดเจน และ Matthieu Blazy กับโชว์ปิดท้ายค่ำคืนอันแสนงดงามของ Chanel ที่สร้างข้อถกเถียงถึงวิถีของเมซง กลุ่มตลาด วิสัยทัศน์ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดถือเป็นการเดบิวต์ของเหล่าดีไซเนอร์ที่ทำให้แฟชั่นวีกครั้งนี้คึกคักยิ่งกว่าเดิม (ติดตามอ่านบทวิเคราะห์การเดบิวต์ของดีไซเนอร์ทุกคนได้แล้วตามลิงก์นี้เลย Gucci, Jil Sander, Bottega Veneta, Dior, Carven, Mugler, Loewe, Balenciaga และ Chanel)

Article

VICTORIA’S SECRET SHOW

ค่ำคืนแห่งความเซ็กซี่ระดับตำนานคงต้องยกให้แฟชั่นโชว์จากแบรนด์ Victoria’s Secret ที่ถ่ายทอดมิติความเซ็กซี่เย้ายวนและสร้างกระแสนิยมมากมายตลอดหลายทศวรรษ การกลับมาอีกครั้งในปี 2024 สอดแทรกประเด็นเรื่องความหลากหลาย วิสัยทัศน์ยุคใหม่ และผสมผสานกับความคลาสสิกได้เป็นอย่างดี ในปี 2025 แฟนๆ จึงคาดหวังและติดตามรอคอยโชว์ประจำปีที่น่าตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ในปีนี้ไฮไลต์ของโชว์มีทั้งการกลับมาเดินแบบบนรันเวย์นางฟ้าของ Gigi Hadid การเดินอุ้มทองมาบนรันเวย์ของ Jasmine Tookes นางฟ้าวิกตอเรียคนโปรดของใครหลายคน เรื่อยไปจนถึงการแสดงที่สร้างกระแสการพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น Madison Beer หรือวง TWICE ที่ทำให้ยอดขายบรา Push-Up พุ่งทะลุเพดาน ขายหมดภายใน 24 ชั่วโมง ถึงแม้จะมีดราม่าเกี่ยวกับผลงานการแสดงอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ถือเป็นชุดการแสดงที่ทำให้คนทั่วโลกติดตามจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ยังซูเปอร์สตาร์คนไทยอย่าง ‘ใหม่-ดาวิกา’ ก็ยังร่วมเป็นแขกรับเชิญที่ได้นั่งดูโชว์ติดขอบรันเวย์ด้วยเช่นกัน

Article

BANGKOK WATCH WEEK

ระหว่างที่มิลานแฟชั่นวีกกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น สัปดาห์นาฬิกากลางกรุงเทพมหานครก็เริ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นี่ถือเป็นครั้งแรกของการจัดงานสัปดาห์นาฬิกาที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมรูปแบบการจัดงานที่ชวนให้จินตนาการว่านี่คือ Watches & Wonders ขนาดย่อม จุดเด่นสำคัญของงานคือการถ่ายทอดเรื่องราวของเรือนเวลาจากเมซงชั้นนำอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Touch & Feel อย่างที่คอนาฬิกาหลายคนคุ้นเคย เวิร์กช็อปพิเศษจากแบรนด์ต่างๆ ที่หยิบยกจุดเด่นมาให้หลายคนได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบมู้ดบอร์ด การร่างต้นฉบับงานศิลปะเพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาดีไซน์นาฬิกา การประกอบชิ้นส่วนนาฬิกา และอื่นๆ อีกมากมาย บูติกต่างๆ ก็เปิดรับสื่อและลูกค้าเพื่อเยี่ยมชมผลงานเรือนเวลาโฉมใหม่ประจำปี 2025 บางเรือนอาจเป็นผลงานเด่นมาตั้งแต่ช่วง Watches & Wonders บางเรือนเปิดตัวไปไม่กี่เดือน หรือบางเรือนอาจเป็นนาฬิกาโฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Symposium ซึ่งเชิญบุคคลสำคัญของแบรนด์มาพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ จากแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก เรื่อยไปจนถึงนิทรรศการนาฬิกาที่จัดแสดงนาฬิการุ่นใหม่ และนิทรรศการนาฬิกาหายากของเหล่านักสะสมที่บางเรือนอาจผลิตเพียงเรือนเดียวในโลก นับเป็นอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงที่คึกคักที่สุด

Article

BIFW 2025

เมื่อแฟชั่นวีกของฟากฝั่งตะวันตกจบลง ประเทศไทยเองก็มีการจัดสัปดาห์แฟชั่นอันยิ่งใหญ่ประจำปีเช่นกัน โดย Bangkok International Fashion Week หรือ BIFW ประจำปี 2025 คือเวทีสำหรับดีไซเนอร์ไทยได้นำเสนอผลงานกันอย่างคึกคัก ไม่เพียงแต่ดีไซเนอร์ระดับหัวแถวเท่านั้น แต่สัปดาห์ก่อนหน้าจัดเวทีใหญ่ยังเปิดพื้นที่ให้เหล่านิสิตนักศึกษาแฟชั่นได้นำเสนอผลงานท่ามกลางบรรยากาศฉบับแฟชั่นวีกเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเวทีใหญ่เปิดพื้นที่สำหรับคอแฟชั่นชาวไทยอย่างยิ่งใหญ่ มีแบรนด์เข้าร่วม 11 แบรนด์ ประกอบด้วย Issue, Greyhound Original, Patinya, 37°c Thirty-seven degrees Celsius, Fundao, Asava, Painkiller Atelier, Leisure Projects, Nagara, Fri27Nov และ Flynow ซึ่งแต่ละโชว์นำเสนอกลิ่นอายแฟชั่นในแบบฉบับของตัวเองได้อย่างชัดเจน และดึงดูดสาวกแฟชั่นชาวไทย รวมถึงแฟนคลับของแบรนด์ให้มารวมตัวกัน ณ สยามพารากอนอย่างคึกคัก นอกจากโชว์ยังหมายถึงบรรยากาศความสนุก การรวมตัวของคนรักแฟชั่น และการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในหลากมิติอย่างมีนัยสำคัญ โว้กก็ไม่พลาดเก็บภาพแบ็กสเตจจากโชว์ต่างๆ มาให้ชมกัน สามารถคลิกเพื่อเลื่อนชมภาพแบ็กสเตจที่โว้กเก็บมาฝากทุกคนได้แล้ว ที่นี่

Article

EXTENDED CHAPTER OF MUSICAL CHAIR

การละเล่นเก้าอี้ดนตรีแห่งวงการแฟชั่นยังไม่จบแม้จะมีการเดบิวต์อย่างคึกคักดังที่กล่าวไปในข้อแรก เพราะหลังแฟชั่นวีกจบลงไม่นาน มีการเปลี่ยนแปลงดีไซเนอร์ของแบรนด์ระดับแถวหน้าถึง 2 แบรนด์ติดต่อกัน ทั้งการโบกมือลาของ Silvia Venturini Fendi จากแบรนด์​ Fendi ปิดตำนานดีไซเนอร์ผู้สืบทอดแบรนด์ประจำตระกูลมาอย่างยาวนาน และ Maria Grazia Chiuri ที่โบกมือลา Dior ไปไม่นานก็เข้ามารับตำแหน่งแทนที่แทบจะทันที ถือเป็นการสลับเก้าอี้ที่ชวนติดตามไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่เรื่องแฟชั่นบนรันเวย์หรือแคมเปญต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเกมกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ LVMH กำลังดำเนินต่อไปในช่วงปลายปี 2025 เรื่อยไปจนถึงปี 2026 และในอนาคตต่อจากนี้ ด้านแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Hermès ก็แยกทางกับ Véronique Nichanian ที่กุมบังเหียนฝ่ายเสื้อผ้าบุรุษนมายาวนานถึง 37 ปี และ Grace Wales Bonner จากแบรนด์ Wales Bonner จะเข้ามารับตำแหน่งแทนและมีแผนจะเดบิวต์คอลเล็กชั่นอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคม 2026 ถือเป็นข่าวความเคลื่อนไหวแห่งวงการแฟชั่นที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการเปลี่ยนแปลงยังไม่จบ แต่เป็นเพียงปฐมบทการเริ่มต้น ไม่แน่เก้าอี้ดนตรีอาจมีภาคต่อให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง