FASHION

#VogueMore สัมผัสตัวตนและเส้นทางชีวิตของ ‘จูเน่-เพลินพิชญา’ จากไอดอลสู่การเป็นนักแสดงที่น่าจับตามอง

“หนูมีความฝันและมีเป้าหมายที่อยากทำ แต่อยากขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนเพราะจริงๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองมีความกดดันและมีสิ่งคาดหวังไว้อยู่แล้ว ถ้าหากบอกให้ทุกคนรู้ก่อน พวกเขาก็จะจับตามองมาที่เรา หนูเลยอยากทำมันให้ประสบความสำเร็จจากนั้นค่อยบอกทุกคนค่ะ”

ช่างภาพ: ธาเกียรติ ศรีวุฒิชาญ 
สไตลิสต์: สลาลี สมบัติมี 
นางแบบ: เพลินพิชญา โกมลารชุน 
แต่งหน้า: ชนิดาภา กุลเมธีศิริภัค
ทำผม: หฤษฏ์ ปัญญาอ้าย
อาร์ตไดเร็กเตอร์: วิวาน วรศิริ 
กราฟิกดีไซเนอร์: บพิตร วิเศษน้อย 
เสื้อผ้า: Ferragamo
เรื่องและสัมภาษณ์: วรเมธ คำเงิน

      ว่าด้วยเรื่องของ “อุตสาหกรรมบันเทิงของไทย” นั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่อัดแน่นไปด้วยกลุ่มคนที่มากความสามารถ ตั้งแต่เหล่าศิลปิน ดารา นักร้องและไอดอลที่เป็นดั่งผู้อยู่เบื้องหน้า ตลอดจนเหล่าคนทำงานเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยทักษะที่พร้อมส่งเสริมให้กับเหล่าคนเบื้องหน้าได้เฉิดฉาย ด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจเเละน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเส้นทางการเติบโตของศิลปินเเต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร พวกเขาเเละเธอต้องผ่านอะไรมาบ้านกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะฉะนั้น #VOGUEMORE ในครั้งนี้ เราจึงพาแฟนๆ ทุกคนไปร่วมพูดคุยกับ “จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน” อดีตไอดอลสาวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีต และถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เธอจะก้าวเข้ามาเติบโตในเส้นทางของการเป็นนักแสดงแล้ว กระแสความนิยมของเธอกลับยังไม่ห่างหายไป ทว่าในขณะเดียวกันกลับกลายเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่หลายคนกำลังจับตามอง ด้วยเรื่องของทักษะความสามารถที่เธอแสดงให้เราได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ผ่านผลงานการแสดงของเธอมามากมาย หรือแม้แต่บุคลิกและลักษณะนิสัยของเธอที่ทำให้ใครหลายคนต่างเอ็นดูและคอยให้กำลังใจเธอเสมอมา

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ในโททัลลุคจาก Ferragamo คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023



WATCH




     เรื่องราวของจูเน่เริ่มต้นขึ้นในบ้านคนจีน เติบโตมาพร้อมกับพี่สาวและน้องสาวอีก 2 คน โดยเธอได้บอกกับโว้กว่าช่วงเวลาที่เธอเติบโตมากับพี่น้องของเธอนั้น ทำให้หวนนึกถึงกลิ่นอายของความเป็นโรงเรียนหญิงล้วนก็ไม่ปาน แต่พอเมื่อชีวิตเริ่มเติบโตขึ้นและเธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีทั้งชายและหญิงเธอจึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วนั้น ตัวของเธอเองเป็นคนมีคาแร็กเตอร์ที่ค่อนข้างจะดูแมนๆ เสียมากกว่า “จริงๆ หนูก็ใช้ชีวิตวัยเรียนมาเรื่อยๆ นะคะ ตั้งแต่เด็กเลยก็จะชอบทำกิจกรรม มีส่วนร่วมกับงานโรงเรียนตลอดไม่ว่าจะเป็น การเต้น การร้องเพลง การแสดง งานพิธีกร หรือแม้แต่ไปเป็นผู้กำกับละครเวทีที่ก็งงๆ อยู่บ้าง(หัวเราะ) ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราชอบทำจะกลายมาเป็นอาชีพที่เราได้ทำในปัจจุบันนี้” จูเน่พูดพร้อมท่าทีและน้ำเสียงสบายๆ ที่ชวนให้เราได้นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาวัยเด็กพร้อมกับเธอ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังได้เล่าต่อไปถึงโมเมนต์สำคัญที่ได้เข้าร่วมกับ BNK48 ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการเดินทางบนอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยอีกด้วย “ในใจลึกๆ หนูรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นคนที่อยากหาเงินด้วยตัวเองได้ ประจวบกับช่วงนั้นมีการออดิชั่นเข้า BNK หนูเลยลองคุยกับเพื่อนว่าไปดีไหม เราจะเข้าได้หรือไม่ และเขาจะรับเราไหม แต่ท้ายที่สุดก็ผ่านเข้ามาได้ทีละขั้นๆ จนได้เป็นสมาชิก BNK ในท้ายที่สุด”

     แม้การก้าวเดินบนเส้นทางของไอดอลนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นและถือได้ว่าเป็นประตูบานใหญ่ที่จูเน่ได้เปิดออก แต่นั่นกลับไม่ใช่เส้นทางเดียวที่จะพาเธอก้าวไปสู่ขั้นบันไดแห่งความสำเร็จเท่านั้น “อันที่จริงหนูรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ตอนนั้นได้โอกาสจาก GDH มาทำโปรเจกต์ร่วมกับ BNK และหนูก็ได้ไปลองแคสต์บทจนผ่านและได้รับเลือกให้เล่นละครเรื่อง ‘365วัน บ้านฉันบ้านเธอ’ ซึ่งพอได้มาลองจริงๆ ก็พบว่ามันไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก ต้องไปเรียนการแสดง ต้องไปทำเวิร์กช็อป ไม่ใช่แค่เราเข้ามาแล้วก็ทำได้เลย” ไม่เพียงการแบ่งปันประสบการณ์ของการเป็นนักแสดงเท่านั้นที่จูเน่เผยให้เราได้เห็น แต่ในขณะเดียวกันเธอเองยังได้เล่าต่อไปกับเราอีกว่าอาชีพนักแสดงนั้นเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันและยังไม่มีโอกาสได้ลองทำในอดีต จนเมื่อเธอได้รับโอกาสและเติบโตบนเส้นทางการเป็นนักแสดง เธอจึงมั่นใจแล้วว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดในความฝันของเธอ

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ในโททัลลุคจาก Ferragamo คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023

    แน่นอนว่าทุกการเปลี่ยนผ่านจากเส้นทางหนึ่งไปสู่อีกเส้นทางนั้นมักเต็มไปด้วยความยากลำบาก ตั้งแต่การเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดจนการปรับตัวให้เข้ากับเส้นทางที่เราเลือกเดิน และแม้ว่าเบื้องหน้าเราจะเห็นจูเน่แสดงแต่ละบทบาทออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ทว่าเบื้องหลังของเธอนั้นยังคงเต็มไปด้วยการเรียนรู้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ตลอดจนความท้าทายใหม่ๆ ที่พุ่งเข้ามาหาเธอตลอดเวลา “จริงๆ แล้วโลกของ BNK ต้องบอกว่าเป็นโลกที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม มันเหมือนเป็นการนำเอาคนที่มีความชอบคล้ายกันมารวมกันไว้ตรงนี้ ในส่วนของการทำงานก็จะมีระบบที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม การสร้างผลงาน การทำการตลาด แต่ในขณะเดียวกันโลกของการแสดงก็จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องระบบการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับคนเบื้องหลัง ซึ่งเราเองก็ต้องให้ใจพวกเขามากๆ เช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีวิธีการทำงานต่างๆ ที่หนูต้องเรียนรู้ตลอดเวลาด้วยค่ะ”

     และหากพูดถึงเรื่องราวของเส้นทางการแสดงแล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเส้นทางของจูเน่นั้น ยังคงเป็นเส้นทางที่ยาวไกลและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก ทั้งจากผลงานที่ผ่านมาซึ่งได้รับความนิยมและได้รับคำชมจากคอหนังและเหล่าแฟนคลับอยู่ไม่น้อย โว้กเลยถามเธอต่อไปว่าสำหรับเส้นทางการแสดงแล้วจูเน่มองไว้ไกลแค่ไหน โดยเธอก็ได้ตอบว่า “หนูมีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากทำ แต่ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน เพราะจริงๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองมีความกดดันและมีสิ่งที่หนูคาดหวังไว้อยู่แล้ว และถ้าบอกให้ทุกคนรู้ พวกเขาก็จะจับตามองมาที่เรา หนูเลยอยากทำมันให้ประสบความสำเร็จก่อนแล้วค่อยบอกทุกคนค่ะ” ถึงแม้นักแสดงสาวมากความสามารถคนนี้จะยังเก็บเป้าหมายของตัวเองในอนาคตไว้รอเซอร์ไพรส์แฟนๆ แต่เธอก็ไม่วายจะบอกกับโว้กว่าจริงๆ ความฝันของเธอบนเส้นทางการแสดงคือการไปให้ไกลที่สุด ได้ทำงานที่หลากหลาย เจอความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งตัวเธอเองก็หวังไว้ว่าจะได้รับโอกาสดีๆ ในช่วงปีนี้อีกด้วย

     ไม่เพียงแต่การเป็นนักแสดงจะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันไว้แล้วเท่านั้น แต่บนเส้นทางชีวิตของเธอเองก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เธอนั้นชื่นชอบและหลงใหลไม่แพ้กัน “นอกจากการแสดงหนูก็ชอบอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายใน (Interior Design) หรือแม้กระทั่งโลกแฟชั่น เพราะในใจหนูค่อนข้างอินเรื่องของแฟชั่นตั้งแต่เด็กๆ แต่พอต้องเลือกตอนเรียนมหาวิทยาลัยหนูกลับรู้สึกว่าหนูอยากเอาความชื่นชอบตรงนี้ไปประยุกต์เข้ากับศาสตร์ความรู้อื่นๆ เช่น สิ่งแวดล้อมหรือความยั่งยืน เพราะถ้าเกิดหนูเรียนในสิ่งที่หนูชอบเพียงอย่างเดียวแน่นอนว่าเราก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ แต่ตัวหนูเองยังต้องการความหลากหลายอยู่เลยเรียนอย่างอื่นเพื่อเอาความชอบมารวมกับสิ่งที่สนใจได้ในอนาคตค่ะ” แน่นอนว่าความชอบและความหลงใหลในงานศิลปะนั้นเป็นสิ่งที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงสาวมากความสามารถคนนี้ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงวิ่งตามอีกหนึ่งความฝันของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งด้วย “จริงๆ ที่หนูเลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะช่วงหนึ่งหนูทำห้องที่บ้าน หนูได้ออกแบบเอง มีภาพในจินตนาการค่อนข้างเยอะ แต่พอถึงจุดหนึ่งหนูก็รู้ว่าการออกแบบมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันมีทั้งเรื่องของสัดส่วนที่พอดีและต้องใช้ได้จริง ตอนนั้นเลยมีความคิดว่าเรียนในด้านนี้เพิ่มดีไหม เพราะที่อยู่อาศัยเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ซึ่งเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว บวกกับหนูอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากออกแบบบ้านของตัวเองเลยทำให้หนูตัดสินใจเรียนในด้านนี้ค่ะ”

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ในโททัลลุคจาก Ferragamo คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023

    อย่างที่เราได้รู้จักตัวตนของเธอกันไปบ้างแล้วโว้กยังชวนจูเน่คุยต่ออีกว่าในแง่ของการแสดง การออกแบบ และโลกแฟชั่น มีสิ่งใดที่เธอคิดว่าเชื่อมโยงกันอยู่หรือไม่ “อย่างแรกเลยทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นศิลปะค่ะ และสำหรับหนูศิลปะคือสิ่งที่ไร้กรอบ มันคือโลกแห่งอิสรภาพ สามารถสร้างสรรค์อะไรก็ได้ มันเหมือนเป็นพื้นที่ที่รวบเอาไว้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และวิทยาศาสตร์ค่ะ สะท้อนภาพตอนที่เราได้ทดลองวิทยาศาสตร์ช่วงเด็กๆ ให้อารมณ์เหมือนกับการริเริ่มความคิดอะไรสักอย่างและเราได้กระโจนลงไปทำมันเลย แต่นอกจากนี้ทั้ง 3 อย่าง ต้องอาศัยการเรียนรู้และแรงผลักดันในการขับเคลื่อนที่สูงมากๆ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด”  

     “ภาพแรกที่นึกถึง Ferragamo เลย คือความเป็น ‘Craftmanship’ จริงๆ ต้องเล่าย้อนไปถึงตอนที่หนูไปโครงการแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศค่ะ ช่วงนั้นก็มีเพื่อนเป็นคนอิตาลีและได้มีโอกาสในการลองถามเกี่ยวกับแบรนด์แฟชั่นอิตาลีว่ามันออกเสียงอย่างไร ครั้งแรกที่ได้ยินก็รู้สึกว่าชื่อแบรนด์นี้เท่มาก หลังจากนั้นก็ได้เริ่มศึกษามาเรื่อยๆ และได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกัน พอได้มาเห็นของจริงเลยรู้สึกว่างานฝีมือของเฟอร์รากาโม่มีเอกลักษณ์มากๆ มีรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์และการคัตติ้งที่ค่อนข้างเนี้ยบ แต่ยังคงให้ความสบายและสามารถสวมใส่ได้ทุกๆ วัน” คำตอบจากจูเน่ที่ได้พูดถึงการร่วมงานกับเฟอร์รากาโม่ในการถ่ายแฟชั่นเซ็ตร่วมกับ โว้กประเทศไทย ซึ่งการคอแลบอเรชั่นในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของโว้กและจูเน่อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นคอลเล็กชั่นที่เธอได้สวมใส่ยังถือได้ว่าเป็นเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นแรกของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนล่าสุดของเฟอร์รากาโม่อย่าง แม็กซิมิเลียน เดวิส (Maximilian Davis) ที่เขาได้หยิบนำเอาความรุ่งเรืองของแบรนด์ที่เคยมีบทบาทบนโลกฮอลลีวู้ดในอดีต กลับมารังสรรค์และถ่ายทอดตัวตนฉบับใหม่ผ่านคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ประจำปี 2023 ให้เราได้สัมผัสอีกด้วย

จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ในโททัลลุคจาก Ferragamo คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023

     เราคงต้องรอติดตามกันต่อไปในอนาคตว่าเส้นทางของนักแสดงสาวมากความสามารถคนนี้จะเติบโตไปเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการได้หรือไม่ ตลอดจนเรื่องราวของความฝันที่เธอได้วาดไว้จะมีอะไรรอเซอร์ไพรส์เราอยู่ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่โว้กเชื่อว่าจูเน่จะกลายมาเป็นดาวอีกหนึ่งดวงของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่สามารถเฉิดฉายได้อย่างสง่างามอย่างแน่นอน

WATCH

คีย์เวิร์ด: #VogueMore #Junei #Ferragamo