ภาพความหรูหราของอุตสาหกรรมแฟชั่นถือเป็นฉากหน้าที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกมาตลอดนับศตวรรษ ความสวยงามของมันเป็นเหมือนสิ่งสะท้อนอารยธรรมมนุษย์ที่พ่วงมากับเรื่องความอู้ฟู่และเงินตรา สำหรับใครหลายคนเหมือนกับแฟชั่นเป็นสิ่งเข้าถึงยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลสำคัญที่สรรสร้างแฟชั่นชั้นสูงมักกลายเป็นผู้คลุกคลีกับชนชั้นนำทางสังคม แต่สำหรับดีไซเนอร์บางคนเขาสร้างสมดุลระหว่างไลฟ์สไตล์สุดเวอร์วังกับการเล็งเห็นตัวตนของตัวเองในอดีต และไม่เคยละทิ้งความตั้งมั่นในการทำความเข้าใจและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

Rudolph กับคุณแม่ Else Moshammer / ภาพ: The Allee Willis Museum of Kitsch

     ชื่อของ Rudolph Moshammer อาจจะไม่ใช่ชื่อของดีไซเนอร์ที่ทุกคนจำได้เท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีอายุไม่ถึงยุคสมัยโลกออนไลน์ แต่ตัวตนของเขามันช่างโดดเด่นและมีเรื่องราวให้เล่าขานกันมาจวบจนปัจจุบัน มากไปกว่านั้นแม้ชื่อเขาจะไม่โด่งดังเทียบเท่าดีไซเนอร์ระดับตำนาน แต่เขาก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ในดีไซเนอร์สัญชาติเยอรมันที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล อยู่ในทำเนียบรายชื่อเดียวกับ Karl Lagerfeld, Jil Sander และ Wolfgang Joop ทว่าเรื่องราวของเขาไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น เพราะเรื่องรูปแบบการใช้ชีวิตก็โดดเด่นไม่แพ้กัน วันนี้เราจะย้อนชีวิตของรูดอล์ฟหรือที่ทุกคนตั้งเรียกกันว่า “Mosi” ว่าความจัดจ้านเรื่องไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานกับความอบอุ่นในการมอบความรัก ความห่วงใยให้กับผู้อื่นนั้นเป็นอย่างไร

Rudolph Moshammer ถ่ายภาพบริเวณหน้าร้านในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน / ภาพ: Die Zeit

     “จากจุดสูงสุดของครอบครัวสู่ความลำบากแบบที่ไม่มีใครคาดคิด” จุดเริ่มต้นของชีวิตโมซี่เหมือนจะสวยหรู เพราะพ่อของเขาเคยเป็นถึงผู้นำในด้านธุรกิจประกันของเยอรมันช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวเขาคือครอบครัวชนชั้นสูงที่มีฐานะร่ำรวย แต่แล้วช่วงกลางยุค ‘50s เหมือนโชคชะตาเล่นตลก พ่อของเขาตกงานและสูญเสียรายได้มหาศาล อีกทั้งยังปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้ครอบครัวรู้ ยังคงใช้ชีวิตราวกับว่าชีวิตปกติสุขเช่นเคย จนกระทั่งเขาเริ่มเครียดและติดสุราอย่างหนัก ของมึนเมาเป็นเหตุให้เขาทำร้ายร่างกายภรรยาจน Else Moshammer ต้องหอบลูกชาย (รูดอล์ฟ) หนีออกจากบ้าน จากสวรรค์วิมานอันเลิศหรู เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมีชีวิตกลับตาลปัตรอย่างน่าเหลือเชื่อ และพ่อของเขาก็มีบั้นปลายชีวิตเป็นคนไร้บ้านอยู่ข้างถนน

Rudolph Moshammer ขณะเดินผ่านหน้าร้านกลายเป็นที่จับตามองของคนระแวกนั้น / ภาพ: BILD

     ด้านเอลเซ่ก็มีชีวิตที่ไม่ได้ดีขึ้นนักหลังจากพาลูกออกมา ข้อมูลระบุว่าเธอไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าไฟช่วงฤดูหนาวด้วยซ้ำ นั่นทำให้คู่แม่ลูกต้องทนทุกข์ทรมานกับลมหนามของแคว้นบาวาเรีย และบริโภคมันเพื่อประทังชีวิต แต่โมซี่มีความฝันและไม่คิดยอมแพ้ เขาเริ่มฝึกฝนและทำงานกับร้านตัดเย็บเสื้อผ้า แต่เขามองว่าอนาคตตรงนี้ไม่น่ารุ่ง และผลงานออกแบบของตัวเองสามารถทำเงินได้มากกว่า ช่วงแรกเขาขายหมวกและเสื้อโค้ตให้กับเพื่อนแม่ นอกจากนี้เขายังหาความรู้เพิ่มเติมจากการฝึกฝนด้านธุรกิจในร้านขายผ้า ซึ่งเขานำความรู้ในจุดนี้มาพัฒนาและพร้อมเปิดร้าน Carnaval de Venise ของตัวเอง

คลังเนกไทของ Rudolph Moshammer ที่เขาเผยว่าทำเงินได้หลักล้านเหรียญสหรัฐฯ / ภาพ: Mittelbayerische

     หลังจากนั้นชีวิตเป็นเหมือนความฝัน โมซี่สามารถทำเงินได้มหาศาล ครองสถานะดีไซเนอร์คนโปรดของบุคคลสำคัญมากมาย อีกทั้งยังมีคาแรกเตอร์อันน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นหนวด ทรงผม และการแต่งกาย เขาหยิบจับเอาแฟชั่นของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ความอู้ฟู่หรูหราที่สร้างภาพจำให้คนทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองมิวนิก กราฟชีวิตเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เพราะดีไซเนอร์คนนี้สามารถทำรายได้จากชุดสั่งตัดพิเศษและเนกไท ซึ่งอย่างหลังเขาเคลมว่าสามารถขายได้มากกว่าหลักล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งความมั่งคั่งนี้สร้างรากฐานสำคัญให้โมซี่กลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นมากในประเทศ

Rudolph Moshammer ในรถ Rolls-Royce คันหรูของเขา / ภาพ: T-Online

     “Rolls-Royce & Flamboyant Styles” หากเห็นโมซี่ปรากฏตัวที่ไหนจะต้องเห็นรถหรู 1 ใน 3 คันของเขาอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่พลาดจะแต่งตัวด้วยความจัดจ้านอยู่เสมอ เขาถูกยกย่องให้เป็นดีไซเนอร์คนแรกๆ ที่สร้างแบรนดิ้งให้ตัวเองและสรรสร้างความจัดจ้านเพื่อสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง เขาโดดเด่นถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า “หากงานกาล่าหรือโอเปร่าไม่มีโมซี่ งานนั้นจะตีตราว่าสมบูรณ์แบบไม่ได้เลย” โมซี่กำลังก้าวไปสู่ชีวิตที่หรูหราที่สุด แต่เขาไม่เคยลืมจุดเริ่มต้นความลำบากที่ต้องตรากตำในช่วงวัยรุ่นเลยแม้แต่น้อย...

Rudolph Moshammer กับ Daisy สุนัขคู่ใจแสนน่ารัก / ภาพ: BILD

     โมซี่จัดตั้ง Licht für Obdachlose หรือ Light for the Homeless องค์กรการกุศลที่จัดงานคริสต์มาสสุดหรูหราให้กับคนยากจนในเมืองมิวนิกและสนับสนุนเงินทุนก้อนโตเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง เขาคือพ่อพระในมาดแฟนซีที่ทุกคนจำได้ หลายครั้งเขาหาช่องทางช่วยเหลือการกุศลเพิ่มเติม เช่นการขายของสะสมชิ้นสำคัญอย่างเสื้อที่นโปเลียนสวมใส่จริงในสมรภูมิวอเตอร์ลู ซึ่งมีมูลค่าการประมูลมากกว่า 81,000 เหรียญสหรัฐฯ และเขาก็นำเงินทั้งหมดไปมอบแก่การกุศลตามความตั้งใจ ซึ่งเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของโมซี่

ภาพนี้แสดงตัวตนของด้านความหรูหราของ Rudolph Moshammer อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องแฟชั่นของตัวเองคุณแม่ น้องหมาขนสวยเงางาม และรถ Rolls-Royce / ภาพ: Producers at Work

     ไม่ใช่แค่เรื่องคนไร้บ้านหรือคนด้อยโอกาสเท่านั้น แต่โมซี่ยังย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่พ่อของเขาเป็นคนติดสุราอย่างหนัก เขาไม่รอช้าที่จะสนับสนุนช่วยเหลือบำบัดคนเหล่านั้นอย่างจริงจัง โดยเขาขาย BISS สื่อสิ่งพิมพ์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาสังคม และยังออกโฆษณาให้คนร่ำรวยของแคว้นบาวาเรียและทั่วประเทศเยอรมันสนับสนุนการซื้อสื่อสิ่งพิมพ์นี้เพื่อช่วยเหลือสังคมอีกด้วย ด้วยพลังของโมซี่ทำให้โปรเจกต์นี้ดำเนินไปได้ดีจนกลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์การกุศลที่ผู้คนจดจำชื่อโมซี่ได้เป็นอย่างดี

เจ้าหน้าที่ขนศพ Rudolph Moshammer ออกจากที่พักหลังพบว่าเขาเสียชีวิตจากการฆาตกรรม / ภาพ: California18

     แม้เขาจะร่ำรวยล้นฟ้า มีคฤหาสน์ และรถหรู อีกทั้งยังมีไลฟ์สไตล์จัดจ้านดูเป็นเซเลบริตี้ที่ปรากฏตัวในงานกาล่าสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายมุมมองที่เขามีต่ออดีตของตัวเองและความลำบากในปัจจุบันของผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเขามีความสุขบนความพยายามของตัวเอง และแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับผู้คนที่เผชิญชะตากรรมเดียวกันกับเขาในอดีต ช่วงบั้นปลายชีวิตเขายังสร้างบ้านพักที่สามารถอาศัยได้ถึง 60 คนให้กับคนไร้บ้านอีกด้วย ถ้ามีเวลามากกว่านี้เราคงได้เห็นโปรเจกต์การกุศลอีกมากมายที่เขาสรรสร้างให้กับสังคมแคว้นบาวาเรีย น่าเสียดายที่เขาจากไปอย่างน่าเศร้าเพราะโดนฆาตกรรมเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2005 ผู้เขียนจึงต้องการบอกเล่าเรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้รับรู้และรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ทางจิตใจของดีไซเนอร์ไลฟ์สไตล์อู้ฟู้ผู้ใจบุญ “รูดอล์ฟ โมแชมเมอร์” ติดตามเรื่องราวคดีฆาตกรรมของรูดอล์ฟได้ในบทความต่อไปเร็วๆ นี้

 

ข้อมูล:

theneweuropean.co.uk

discogs.com

outdooractive.com