Vogue Thailand

FASHION

วิเคราะห์ JW Anderson โฉมใหม่กับแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่อาจกำลังกลายเป็น New Loewe

Jonathan Anderson เปลี่ยนแปลงแบรนด์ภายใต้ชื่อตนเองให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์และงานคราฟต์ ชวนให้นึกถึงลายเซ็น ณ Loewe ที่เขารังสรรค์มานานร่วมทศวรรษ

โดย Nattanam Waiyahong
14 กรกฎาคม 2568

     ตลอดช่วงปี 2024 ต่อเนื่องจนถึงปี 2025 ข่าวอึกกระทึกคึกโครมคงหนีไม่พ้นการหมุนเวียนผัดเปลี่ยนดีไซเนอร์ของแบรนด์แฟชั่นระดับแถวหน้าของโลก หนึ่งในดีไซเนอร์ที่เนื้อหอมที่สุดคงต้องพูดถึง Jonathan Anderson ที่เป็นข่าวพัวพันกับทุกการเปลี่ยนแปลง จนสุดท้ายก็ก้าวลงจากตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของ Loewe และรับงาน Dior ฝั่งเสื้อผ้าบุรุษ ก่อนที่อีกไม่นานหลังจากนั้นก็ขึ้นแท่นดิออร์ฝั่งเสื้อผ้าสตรีแทนที่ Maria Grazia Chiuri ถือเป็นการควบรวมบทบาทเบ็ดเสร็จของเมซงฝรั่งเศสอันยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว และหากรวมกับแบรนด์ JW Anderson ของตนเองแล้ว เขาอาจต้องทำผลงานมากถึง 18 คอลเล็กชั่นต่อปีเลยทีเดียว


     ประเด็นสำคัญที่จะนำเสนอวันนี้อาจไม่ใช่เรื่องจำนวน แต่เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ต่างๆ ภายใต้ยุคสมัยใหม่อย่างเป็นทางการ ดิออร์คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าบุรุษ ผลงานเดบิวต์ของโจนาธานได้รับคำชื่นชมและเป็นที่สนใจอย่างมาก การหยิบรวมผลงานเก่าผสมผสานกับแนวทางการออกแบบของตัวเองสร้างกระแสนิยมมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งเป็นตัวจุดชนวนความสนใจให้เหล่าคนแฟชั่นเฝ้ารอคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสตรีชนิดอดใจไม่ไหว ทว่าอีกหนึ่งผลงานที่ต้องไม่ลืมเลยคือแบรนด์ส่วนตัวภายใต้ชื่อตนเอง เพราะเขากำลังเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่อาจไม่หวือหวาแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

     เมื่อโจนาธานละตำแหน่งจากโลเอเว่ เชื่อว่าแฟนๆ คงคิดถึงแนวทางงานคราฟต์และการนำเสนอความสร้างสรรค์ในแบบฉบับของแบรนด์เดิมของโจนาธานเป็นอย่างมาก และนั่นเป็นช่องที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงแบรนด์ภายใต้ชื่อตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เริ่มตั้งแต่การปรับโลโก้และแพ็กเกจใหม่ทั้งหมด เดิมทีตัว ‘W’ จะถูกขยับไปอยู่ด้านบนเล็กน้อย แต่ครั้งนี้ถูกปรับให้มีขนาดและแนวระนาบเดียวกับตัวอักษรอื่นๆ อย่างชัดเจน กล่องสีเขียวผสมโลโก้และขอบสีทองสร้างมิติความหรูหราและแสดงภาพของวิสัยทัศน์เชิงศิลป์ที่มุ่งเน้นเรื่องงานคราฟต์และความเนี้ยบประณีตมากยิ่งขึ้น มันชวนให้หลายคนมองว่าแบรนด์กำลังจะเข้าสู่สถานะ ‘New Loewe’

     ‘การยึดถือตัวตนและรักษาลายเซ็น’ นิยามนี้อาจเป็นเหตุผลสำคัญในการสรรสร้างผลงานครั้งใหม่ให้กับแบรนด์ส่วนตัว เพราะก่อนหน้านี้โจนาธานเลือกขีดเส้นแบ่งระหว่าง 2 แบรนด์อย่างชัดเจน โดยโลเอเว่ที่แม้จะมีมิติความสร้างสรรค์และการทดลองเชิงแฟชั่นที่น่าสนใจ แต่ยังตั้งอยู่บนรากฐานงานคราฟต์อันเนี้ยบประณีต ในทางกลับกันเขาเลือกจะทดลองความสนุกสุดเหวี่ยง เลือกใช้สีสัน แพตเทิร์น หรือแม้แต่การฉีกกรอบไอเดียเดิมๆ สู่การสรรสร้างแฟชั่นเหนือจินตนาการในแบบที่เหมือนยกความคิดชวนฝันในหัวมาสร้างเป็นผลงานแฟชั่นในโลกความจริงอย่างไรอย่างนั้น

     การรักษาลายเซ็นของโจนาธานจึงถึงจุดที่มีการปรับเปลี่ยน เมื่อเขากุมบังเหียนดิออร์ แนวทางการออกแบบอาจไม่ได้มีอิสระไร้กรอบเท่าไหร่นัก เพราะด้วยรากฐานของเมซงที่มีประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์อันแข็งแกร่ง ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษต้องปรับตัวและผสมผสานแนวทางของตัวเองเข้ากับแบรนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การย้ายอัตลักษณ์ดั้งเดิมในการนำเสนอผลงานโลเอเว่สู่แบรนด์ตนเองคือการโยกย้ายลายเซ็นเพื่อกำกับแนวทางเชิงศิลป์และชูสัญลักษณ์ว่า ‘นี่คือผลงานของโจนาธาน’ และแน่นอนว่าเป็นการสร้างโจทย์ปัญหาระดับโอลิมปิกให้กับ Lazaro Hernandez และ Jack McCollough ผู้ที่จะมาสานต่อความสำเร็จ ณ โลเอเว่ เพราะถ้าดีไซเนอร์คู่นี้นำเสนอแฟชั่นแบบเดิมอาจถูกมองว่ากำลังเดินทับรอยของโจนาธานไปโดยปริยาย

     หลังจากเผยโฉมกล่องและโลโก้ใหม่ แบรนด์ยังเผยแคมเปญคอลเล็กชั่นรีสอร์ตประจำปี 2026 “การคัดสรรกลายเป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณกลายเป็นตัวตน JW Anderson ถูกจินตนาการใหม่ให้เป็นพื้นที่สำหรับแฟชั่น สิ่งของ และศิลปะ ที่เปี่ยมด้วยความเป็นส่วนตัว ความขี้เล่น และงานฝีมืออันประณีต” บทบัญญัตินี้ถูกใช้เป็นคำบรรยายใต้ภาพทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีกลิ่นอายให้ความรู้สึกเหมือนแบรนด์เบนเข็มสู่แนวทางโลเอเว่โดยโจนาธานอย่างไรอย่างนั้น และยิ่งมองภาพประกอบแม้จะยังสัมผัสได้ถึงความสนุกแบบไร้ขีดจำกัด แต่ก็มีกลิ่นอายของความเนี้ยบประณีตและมิติของงานคราฟต์ มีไปจนถึงรูปภาพสิ่งของที่ชวนให้นึกถึงวิธีการนำเสนอของโลเอเว่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างไรอย่างนั้น

     คู่สี ซิลูเอต แพตเทิร์นการตัดเย็บ และองค์ประกอบต่างๆ ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและผลผลิตของงานคราฟต์มากยิ่งขึ้น เสื้อโค้ตอันเนี้ยบกริบ ชุดเดรสที่มีเลเยอร์น่าสนใจ หรือจะเป็นงานนิตแวร์ที่มาพร้อมคุณภาพงานฝีมือชั้นยอด ถึงจุดนี้โจนาธานเหมือนกำลังประกาศตัวตนใหม่ให้กับแบรนด์ของตัวเอง เมื่อโลเอเว่โดยโจนาธานไม่มีอยู่อีกต่อไป วันนี้แบรนด์ของตัวเองจะเข้ามาทดแทนช่องว่างที่ขาดหายไป และที่สำคัญมันกลั่นกรองมาจากมันสมองของผู้อยู่เบื้องหลังผลงานเหล่านั้น คำว่า ‘New Loewe’ จึงอาจไม่ใช่นิยามที่เกินจริง เพราะถ้าใครถวิลหาโลเอเว่ในรูปแบบตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เชื่อว่าโจนาธานพร้อมเสิร์ฟศิลปะในแบบเดียวกันผ่านแบรนด์ของตนเองอย่างแน่นอน ถึงจะไม่ใช่การยกยอดมาแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกคนจะได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ที่ตามหาอย่างแน่นอน


(สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โจนาธาน แอนเดอร์สัน ได้กับบทความ คอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Jonathan Anderson ที่เมซง Dior มียอดผู้ชมรวมมากกว่า 1 พันล้านครั้ง!)

ภาพ : Courtesy of JW Anderson