จากเกียวโตสู่กรุงโซล ปรากฏการณ์บุกเอเชียของ Dior ในรอบสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์

     เมื่อพูดถึงโลกตะวันออกเชื่อว่าหลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า ‘Asian Power’ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว การนำเสนอเรื่องราวของพลังจากฝั่งเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าคนดังจากหลากหลายอุตสหกรรมถือเป็นไฮไลต์เด่นของโลกแฟชั่นยุคใหม่ ทว่ารากฐานวัฒนธรรมก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ เพราะรากฐานของวัฒนธรรมเฉพาะตัวของแต่ละประเทศในทวีปเอเชียนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเชื่อมโยงเข้ากับความเก่าแก่บนเส้นเรื่องเชิงศิลปะและวัฒนธรรมของแบรนด์แฟชั่นระดับแถวหน้าของโลกอย่าง Dior

     ในช่วงกลางค่อนท้ายเดือนเมษายน 2025 ดิออร์นำเสนอความโดดเด่นทั้งในรูปแบบของโชว์และอีเวนต์สำคัญระดับโลกในพื้นที่ห่างกันเพียง 1 ช่วงเกาะ เริ่มตั้งแต่การจัดโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2025 ณ กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง Maria Grazia Chiuri หยิบยกกลิ่นอายความน่าสนใจจากงานหัตถศิลป์ญี่ปุ่นมาเชื่อมประสานเข้ากับผลผลิตด้านแฟชั่นของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และแอ็กเซสเซอรี่ต่างๆ นานา ประกอบด้วยรายละเอียดของไม้ไผ่ เทคนิคกานสานพันหินมิซูฮิกิ และอื่นๆ อีกมากมาย

     นอกจากนี้ไอเท็มต่างๆ นานาที่มีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนภาพของกรุงเกียวโต ยังมีการแสดงภาพวิถีชีวิตและมรดกทางวัฒนธรรมกับการใช้ลายพิมพ์ดอกซากุระ รวมถึงใช้เทคนิคการย้อมผ้าของชุดกิโมโน มากไปกว่านั้นยังมีการหยิบยกเรื่องราวเชิงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาใส่ไว้อย่างครบถ้วน ประกอบด้วยการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ ไปจนถึงวิธีการถักทอผ้าแบบพิเศษโดย Tatsumura Textile ที่ทอผ้าผืนงามให้กับ Christian Dior ใช้ในคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ที่ออกแบบด้วยตัวเองมาแล้ว

     อีกหนึ่งความสำคัญของพลังเอเชียคือเหล่าคนดัง เซเลบรตี้ และแบรนด์แอมบาสเดอร์ฝั่งตะวันออก ที่ตบเท้าเข้าร่วมโชว์นี้อย่างคับคั่ง อย่างประเทศไทยก็มี คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส และ ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล เข้าร่วมในฐานะตัวแทนจากประเทศไทย มี Anna Sawai นักแสดงหญิงสายเลือดเอเชียจากเรื่อง Shogun รวมไปถึงเหล่าเซเลบริตี้จากประเทศเจ้าภาพงานครั้งนี้อีกมากมาย นับเป็นปรากฏการณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดฝั่งเอเชียที่ผสมผสานระหว่างกระแสนิยมความโด่งดัง รากฐานทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และงานฝีมือไว้ได้อย่างลงตัวที่สุด

     หลังจากจบงาน ณ กรุงเกียวโตไปไม่นาน ดิออร์ก้าวเดินต่อกับอีเวนต์การจัดแสดงนิทรรศการอันยิ่งใหญ่กับ Designer of Dreams มาแล้วหลายพื้นที่ทั่วโลก ถึงคิวของกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ดินแดนที่มีความทรงพลังมากที่สุดแห่งหนึ่งบนเวทีแฟชั่นโลก การจัดแสดงรวบรวมลุคไอคอนิกและเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมซงไว้อย่างครบถ้วน ณ Dongdaemun Design Plaza หรือ DDP ที่หลายคนอาจคุ้นหูมากกว่า ซึ่งผลงานเก่าแก่และเป็นดั่งหมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์แฟชั่นโดยมองซิเออร์ดิออร์ถูกนำมาจัดแสดงไว้อย่างครบครัน

     ความน่าสนใจคือการร่วมมือกับศิลปินท้องถิ่น นอกจากจะหยิบยกเรื่องราวเก่าแก่ของแบรนด์ มาคลุกเคล้า จัดวาง และนำเสนอในรูปแบบนิทรรศการผลงานจากคลังเก่าแล้ว ดิออร์ยังรักษาแนวทางการร่วมงานกับศิลปินท้องถิ่นเสมอมา ซึ่งครั้งนี้กับประเทศเกาหลีใต้ แบรนด์นำเสนอผลงานกระเป๋า Lady Dior ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยเหล่าศิลปินเกาหลีใต้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การจัดแสดงผลงาน ณ กรุงโซลมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เรื่องราวของดิออร์ก็น่าสนใจมากๆ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม

     และที่ขาดไม่ได้เพื่อพูดเรื่องแฟชั่นกับประเทศเกาหลีคือเหล่าแขกคนสำคัญที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่มีแฟนคลับทั่วโลก ตั้งแต่ Jisoo, Han So-hee,  Kim Yuna, Kim Min-Gyu, Nam Joo-hyuk, Park Solomon และวง TXT แต่ละคนล้วนเป็นศิลปิน นักแสดง และเซเลบริตี้ที่มีแฟนๆ ติดตามทั่วโลก งานสำคัญของดิออร์จึงเหมือนเป็นการรวมตัวกันของสุดยอดแขกคนสำคัญที่ทำงานร่วมกันแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่านี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้กระแสความนิยมของโลกฝั่งตะวันเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

     บทสรุปจากกรุงเกียวโตสู่กรุงโซลชี้ให้เห็นชัดเจนถึงรูปแบบและวิธีการนำเสนอของดิออร์ที่สามารถชูจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ได้อย่างโดดเด่น ในงานโชว์ที่เน้นย้ำเรื่องงานฝีมือคือหัวใจสำคัญที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความล้ำลึกของเมซง สอดแทรกเพิ่มเติมด้วยเหล่าแขกคนสำคัญที่เป็นตัวแทนฝั่งเอเชียจากดิออร์ ในขณะที่งานที่เกาหลีมีจุดชูโรงคือบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของนิทรรศการเป็นทุนเดิม สอดประสานกับแนวทางการสนับสนุนศิลปินท้องถิ่น แต่ที่ขาดไม่ได้คือการจับตารอดูการปรากฏตัวของศิลปินดังตามรายชื่อที่กล่าวไป ซึ่งสร้างกระแสนิยมและเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพิ่มขยายพื้นที่สื่อเป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับการโปรโมตนิทรรศการที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึง 13 กรกฎาคม 2025 เรียกว่างาน 2 งานที่แตกต่างกันทั้งในเชิงรูปแบบงานและการนำเสนอทำให้สาวกดิออร์ได้เห็นกลยุทธ์ที่ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของดิออร์พร้อมผสมผสานกับกลไกเชิงธุรกิจได้อย่างชัดเจนที่สุด

สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างดิออร์และญี่ปุ่นได้กับบทความ VOGUE HISTORY | ย้อนความสัมพันธ์ของ DIOR และประเทศญี่ปุ่น ที่ยาวนานกว่า 70 ปี!)