ในโลกของแทรนด์ทรงผมเองก็มีการพัฒนามากมาย ไม่ต่างจากโลกของแฟชั่น อย่างปัจจุบันทรงที่เป็นกระแสไปทั่วอินเตอร์เน็ตต้องยกให้ Wolf Cut ที่ผู้หญิงตัดได้ผู้ชายตัดดี กลายเป็นไวรัลไปทั่วติ๊กต๊อกและอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลายก็ต้องมาทำชาเลนจ์ตัดผมทรงนี้กันถ้วนหน้า ทรงผมที่มีชื่อเล่นว่า Mullet ภาคสอง เป็นการตัดที่ไม่ตัดจนสั้นเกรียน แต่เป็นการไล่ซอยสั้นเพื่อสร้างวอลลุ่มให้กับเนื้อผมดูหนามากขึ้น 

 

 

 ภาพ: Etnia Barcelona

     แต่ถ้าย้อนกลับไปที่ทรงผมที่ใกล้เคียงสุดจากจุดเริ่มต้น คงมาจากทรงของนักร้องที่มีภาพลักษณ์ในแบบ Androgyny อย่าง David Bowie ในปี 1970 กับผมทรงไอคอนิกที่ตัดช่วงบนสั้นแบบสไปกี้ชี้ๆ ในขณะที่ด้านหลังปล่อยยาวเหมือนรากไทร ในขณะที่ด้านนักแสดงหญิง Jane Fonda ช่วงปีเดียวกันนั้นเธอก็ตัดทรง Mugshot หน้าม้าแบบหนูแทะ เป็นทรงผมที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะตัดจึงออกมาดูร็อกและเท่ไปในตัว 

     ทรงผมเหล่านี้นับว่าเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างเพศชายและเพศหญิง บ่งบอกถึงคาแร็กเตอร์ของความเป็นหัวขบถและความกล้าที่จะแตกต่าง เรียกว่าในยุคนั้นใครที่ตัดทรงนี้ก็จะถูกมองว่าเป็นพวกเด็กแตกแถวด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Pop Sugar

     พัฒนามาสู่สไตล์มัลเล็ตแบบที่นักแสดงชายสุดเซ็กซี่ Patrick Swayze ตัดในยุค 80s ที่จะมีความเป็นลอนหยักศกในช่วงหน้าม้า คล้ายกับที่ซีรี่ส์เรื่องดัง Stanger Things พยายามรีครีเอตทรงผมนี้ให้กับ Steve Harrington ไปจนถึงซีรี่ส์ Macgyver ในยุคเดียวกันที่ Richard Dean Anderson ก็ตัดทรงมัลเล็ตเช่นเดียวกัน 

     ผมทรงนี้ไม่เคยหายไปไหนยังคงวนเวียนอยู่ในสารบบตลอดมา แค่มีการปรับลุคให้เข้ากันกับแต่ละบุคคลมากขึ้น อย่างทรงนี้ของไอดอลสาว Boa ยุค 2000s กว่าๆ เธอก็สไลด์หน้าม้าเพิ่มขึ้นและปล่อยผมด้านหลังให้ยาวขึ้นเช่นกัน จนราชาเพลงป๊อปอย่าง G-Dragon เองก็ไม่พลาดหยิบมาสร้างลุคประจำตัวด้วยผมทรงนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นทรงที่เข้ากับหน้าของเขามากที่สุด ที่สำคัญคือบางช่วงจะมีความแตกต่างตั้งแต่ไถข้างจนสั้นเกรียน หรือตัดหน้าม้าเพิ่มเติม 

 

ภาพ: Pinterest

     เรื่อยมาจนถึงคิวของหนุ่ม Baekhyun จากวง EXO ที่ก็ตัดมัลเล็ตในแบบร็อกเท่ๆ พร้อมแซมด้วยการย้อมสีผมออกแดงๆ แต่แล้วเมื่อเทรนด์แฟชั่นของผู้ชายมีการเปลี่ยนแปลงไป ประเทศเกาหลีใต้และวงการเคป๊อปที่เป็นส่วนสำคัญในการเซ็ตภาพลักษณ์ของแฟชั่นเอง ก็ส่งมอบเทรนด์ทรงผมผู้ชายที่ดูละมุนมากขึ้น ให้ความซอฟต์ชวนฝัน และอ่อนหวานเฟมินีน จึงกลายมาเป็น Wolf Cut ในปัจจุบัน

 

ภาพ: Pinterest

     มัลเล็ตที่ดูมุทะลุและแหวกแนวจึงถูกเพิ่มความยาว และเน้นไปที่การซอยตามกรอบหน้าและรูปศีรษะมากขึ้น เรียกว่าเป็นทรงที่ตัดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เป็นส่วนผสมตรงกลางที่ลงตัว ผู้ชายดูนุ่มนวลขึ้น ในขณะที่ผู้หญิงก็จะดูแมนขึ้นนิดหนึ่ง เป็นการช่วยให้กรอบหน้าดูละมุน แทนที่จะหั่นสั้นจนกุดที่ด้านข้าง ตัวอย่างของผมทรงนี้ที่เรียกว่าฮอตและสร้างเทรนด์กลับมาอีกครั้งคือไอดอลหนุ่มน้อย Beomgyu จากวง TXT ที่ใครๆ ก็ยกให้เขาดูช่างฝันและเหมือนหลุดออกมาจากโลกอนิเมะอย่างไรอย่างนั้น

 

     อย่างไรก็ตามหากก่อนที่คุณจะรีบโทรไปนัดช่างตัดผมเจ้าประจำขอให้คิดให้ถี่ถ้วน เพราะข้อเสียของผมทรงนี้คือมันเป็นทรงที่ต้องการการจัดทรงอยู่พอสมควร คิดให้ดีเสียก่อนว่าตัวคุณมีเวลาเซ็ตผมในตอนเช้านานขนาดไหน และยิ่งถ้าคุณผมหยักศกด้วยแล้ว คุณจะมีเวลาไดร์ให้ตรงเพื่อจัดทรงให้ดูเข้าที่เข้าทางในทุกวันได้หรือไม่ เพราะผมหยักศก (แบบผู้เขียน) เองย่อมรู้ดี ไม่ว่าจะตัดทรงไหน คนที่มีผมหยักศกก็จะออกมาหน้าตาเหมือนๆ กันไปหมดนั่นแหละ