เรื่อง: Ellie Pithers
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วงการแฟชั่นหันมาให้ความใส่ใจกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม – แต่ประเด็นเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคุณธรรมจริยธรรมในแวดวงแฟชั่นยังคงเต็มไปด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกันสักเท่าไรนัก ใน ‘Get Your Greens’ โว้กสืบค้นเรื่องราวการเติบโตของเทรนด์รักษ์โลกในวงการแฟชั่น
การนำสองสิ่งที่ขัดแย้งมาผสมปนเปกันคือจุดอ่อนของวงการแฟชั่น ลองนึกถึงเทรนด์ “athleisure” – การปะทะกันของเสื้อผ้าออกกำลังกายและชุดลำลองซึมซับเหงื่อได้ดี ถือเป็นเทรนด์ “affordable luxury” หรือความหรูหราที่จับต้องได้ และเทรนด์ความขัดแย้งชิ้นใหม่ล่าสุดเห็นจะหนีไม่พ้น “หนังวีแกน”
หนังวีแกนหรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘หนังเทียม’ นี้ เคยมีชื่อเรียกว่า “pleather” วัสดุหลักในการผลิตคือโพลียูรีเทน ซึ่งก็คือพอลิเมอร์อเนกประสงค์ทำมาจากถ่านหิน หรือพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของพลาสติกที่เคยถูกเย้ยหยันว่ามีราคาถูกและไม่สามารถเทียบเท่ากับความสดใหม่ของหนังแกะที่อ่อนนุ่มกว่าเป็นไหนๆ
แต่ด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์ของอุตสาหกรรมแฟชั่น – Gucci, Michael Kors, Giorgio Armani, และ Ralph Lauren คือแบรนด์ลักชัวรีบางส่วนที่หันหลังให้กับเฟอร์ขนสัตว์ – เป็นเหตุให้เกิดการทบทวนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์โดยตรง นั่นทำให้ขั้นตอนการผลิตเครื่องหนังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

ผู้รณรงค์ด้านสิทธิของสัตว์ชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่โหดร้ายต่อสัตว์ที่ถูกเลี้ยงสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ผู้รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมชี้ให้เห็นถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ โดยมีเครื่องหนังเป็นผลพลอยได้จากกระบวนที่ว่านี้ และตามที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติได้กล่าวไว้ว่า การเกษตรมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 18 เปอร์เซ็นต์ จากทั่วโลก ไหนจะการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ที่มีสัตว์ต่างๆ อยู่อาศัย และยังจะมีประเด็นเรื่องถังบรรจุสารเคมีอันตรายสำหรับการฟอกหนัง (ซึ่งมักจะทิ้งสารเคมีเหล่านี้ลงในแม่น้ำอยู่บ่อยๆ)
ถึงอย่างนั้นแล้ว ตัวเลือกอย่างหนังเทียมใช่ว่าจะไม่ก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมเลยสักทีเดียว ทั้งโพลียูรีเทนและพอลิไวนิลคลอไรด์ต่างต้องผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อกลายสภาพเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นใกล้เคียงกับหนังสัตว์มากที่สุด: โพลียูรีเทนที่ถูกแปรสภาพให้เป็นของเหลวจะถูกเคลือบที่ด้านหลังของวัสดุ โดยใช้สารทำละลาย (solvent) ที่เป็นพิษเพื่อให้ของเหลวไหลลื่นได้ตามต้องการ; ส่วนพอลิไวนิลคลอไรด์ต้องใช้สารเพิ่มความเหลว (placticizer) อย่างเช่น สารกลุ่มพทาเลท (phthalates) ที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน ทั้งคู่กำเนิดมาจากถ่านหิน และจะปล่อยสิ่งต่างๆ อย่างเช่น เถ้าถ่าน, ไนโตรเจน, และคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศเมื่อถูกเผา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฝนกรด (และสิ่งไม่ดีอื่นๆ อีกมากมาย) และทั้งคู่ยังใช้เวลากว่า 100 ปีในการย่อยสลายทางชีวภาพด้วยการกลบฝัง – ชะตากรรมที่มีความเป็นไปได้สูงที่เสื้อผ้าเหล่านี้จะต้องประสบพบเจอ เนื่องจากแจ็คเก็ตหนังเทียมราคาถูกเหล่านี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะกลายมาเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น (นอกจากนั้นแล้ว ประเทศอังกฤษยังส่งเสื้อผ้ากว่า 300,000 ตัน เพื่อนำไปกลบฝังในทุกๆ ปี)

ภาพ: Topshop
แต่นั่นไม่ได้ทำให้แบรนด์แฟชั่นทั้งหลายหยุดการใช้คำว่า “หนังวีแกน” กันอย่างกระตือรือร้น ฉันไม่สามารถจะนับจำนวนหมายข่าวในอินบ็อกซ์อันมากมายมหาศาลที่บอกกล่าวเกี่ยวกับการใช้เครื่องหนังที่ยั่งยืนเพื่อทดแทนการใช้หนังสัตว์ คาดการณ์ได้ว่า นั่นเป็นเพราะความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อหนังเทียมอยู่ในจุดที่สูงลิ่ว Lyst รายงานว่า ในช่วงปี 2019 การค้นหาคำว่า ‘vegan leather’ พุ่งสูงถึง 119 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคำว่า ‘vegan fashion’ ได้รับการพูดถึงในโซเชียลมีเดียกว่า 9.3 ล้านครั้ง
Marks & Spencer จับตาดูความสำเร็จที่ว่านี้อย่างไม่วางตา การค้นหาคำว่า ‘vegan fashion’ ได้รับความนิยมเท่าตัวบนเว็บไซต์ของทางแบรนด์เมื่อปี 2018 จนเป็นผลให้ต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าวีแกนขึ้นหลังจากนั้น Topshop เปิดตัวคอลเลกชั่นรองเท้าหนังวีแกนที่ได้รับการรับรองจาก PETA (องค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อพิทักษ์สิทธิของสัตว์) ประกอบด้วยรองเท้า 12 รูปแบบ พัฒนาโดยโรงงานของบริษัทในประเทศสเปน และมีการโฆษณาว่า “ไม่ใช้สัตว์และไม่ใช้กาวจากหนังปลา 100 เปอร์เซ็นต์” แม้กระทั่งแบรนด์ดังอย่าง Dr Martens เสนอให้ใช้หนังวีแกน 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อทดแทนหนังสัตว์ในการผลิตรองเท้าบู๊ตหนังรุ่น 1460 สุดคลาสสิก

ภาพ: Nanushka
Net-A-Porter.com เล็งเห็นถึงการเติบโตด้านยอดขายของหนังเทียมด้วยเช่นกัน ในงานนำเสนอเทรนด์ช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2019 ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อ (global buying director) อย่าง Elizabeth von der Goltz ชี้ให้เห็นว่าเสื้อเชิ้ตหนังเทียม (ประมาณ 21,000 บาท) จาก Ochi แบรนด์เสื้อผ้าจากประเทศยูเครน เกือบจะขายหมดเกลี้ยงในช่วงสองอาทิตย์แรกที่ลดราคา Nanushka แบรนด์เสื้อผ้าจากบูดาเปสต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สร้างชื่อจาก “Hide” พัฟเฟอร์แจ็คเก็ตหนังวีแกนซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในอินสตาแกรม เช่นเดียวกันกับแม็กซี่เดรสหนังวีแกนที่มีชื่อว่า “Taurus”

ภาพ: Jonathan Daniel Pryce
หนังวีแกนจาก Nanushka ทำจากโพลียูรีเทนและโพลีเอสเตอร์ แม้ว่าดีไซเนอร์อย่าง Sandra Sandor จะชี้ให้เห็นว่ากระบวนการการผลิตเสื้อผ้าของเธอนั้นทำตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสารเคมีของสหภาพยุโรป (REACH) ทุกประการ ในภายหลัง เกือบครึ่งของยอดขายจากแบรนด์ Nanushka ใน Net-A-Porter ช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2019 ประกอบไปด้วยเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นจากหนังวีแกน “ถือเป็นสิ่งทอที่ให้ความรู้สึกทั้งอ่อนนุ่มและมหัศจรรย์ คุณไม่มีทางรับรู้ได้ถึงความแตกต่างเลยแม้แต่นิดเดียว” Von der Goltz กล่าว


ภาพ: Alessandro Lucioni
ดีไซเนอร์ Gabriela Hearst ผู้เพาะพันธุ์วัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าและปล่อยตามอิสระในฟาร์มของครอบครัวที่ประเทศอุรุกวัย มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน “ฉันสามารถใช้หนังวีแกนได้โดยไม่มีปัญหา แต่ฉันยังไม่เจอชิ้นไหนที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100 เปอร์เซ็นต์” เธอกล่าวระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากนิวยอร์ก “ทุกๆ คนพูดถึงหนังที่ถูกผลิตจากห้องทดลอง ซึ่งฟังดูน่าตื่นเต้นมาก แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนแรกเริ่ม ผู้บริโภคสินค้าลักชัวรีที่แท้จริงรับรู้ได้ถึงสินค้าที่มีคุณภาพ – คุณไม่สามารถจะหลอกลวงพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันพอจะทำได้ก็คือการพยายามนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ – สินค้าค้างสต๊อก, ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากขั้นตอนการผลิตนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์หลัก มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากแต่ฉันโฟกัสไปที่สิ่งที่เหลือใช้: ฉันรู้ว่าเมื่อส่งวัวออร์แกนิคที่เราเพาะพันธุ์ไปยังโรงฆ่าสัตว์ 99 เปอร์เซ็นต์ ของมันจะได้นำไปใช้และไม่มีส่วนใดที่เปล่าประโยชน์”

ภาพ: Gabriela Hearst
ในช่วงที่ผ่านมา Hearst ประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งทั้งหมดเป็นพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (compostable) และพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable) รวมถึงไม้แขวนเสื้อกระดาษแข็งที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาแล้ว เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนวิธีจัดส่งสินค้าจากเครื่องบินเป็นเรือ – ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยทีเดียว เมื่อคำนึงถึงการยืดระยะเวลาไปอีก 8-12 อาทิตย์ ในตารางการผลิต “แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจ” เธอยืนยัน “การจัดส่งทางเรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดส่งทางเครื่องบิน ฉันกำลังคิดว่าจะตัดงบจากการซื้อวัสดุอยู่เหมือนกัน การใช้ทรัพยากรน้อยลงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก”

ภาพ: H&M
นอกจากนั้นแล้ว เสื้อผ้าคอลเลกชั่นรักษ์โลกอย่าง Conscious จาก H&M ได้นำ Piñatex หรือใยจากใบสัปปะรดที่เหลือใช้จากประเทศฟิลิปปินส์มาทำหนังเทียม ส่วนหนัง frumat ผลิตจากเปลือกแอปเปิ้ลนั้นชนะรางวัล Green Carpet Challenge ที่มิลาน เมื่อเดือนกันยายน 2018 และ Mylo หรือหนังที่ผลิตขึ้นจากเห็ดโดยการเพาะพันธุ์ไมซีเลียมหรือราที่มีเส้นใยคล้ายโฟมในห้องทดลอง ได้รับการเปิดตัวโดยบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Bolt Threads ไปเมื่อปี 2018 ด้วยเช่นกัน

ภาพ: Livia Firth
นอกจากนั้นแล้ว เสื้อผ้าคอลเลกชั่นรักษ์โลกอย่าง Conscious จาก H&M ได้นำ Piñatex หรือใยจากใบสัปปะรดที่เหลือใช้จากประเทศฟิลิปปินส์มาทำหนังเทียม ส่วนหนัง frumat ผลิตจากเปลือกแอปเปิ้ลนั้นชนะรางวัล Green Carpet Challenge ที่มิลาน เมื่อเดือนกันยายน 2018 และ Mylo หรือหนังที่ผลิตขึ้นจากเห็ดโดยการเพาะพันธุ์ไมซีเลียมหรือราที่มีเส้นใยคล้ายโฟมในห้องทดลอง ได้รับการเปิดตัวโดยบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Bolt Threads ไปเมื่อปี 2018 ด้วยเช่นกัน
แล้วเราจะได้ถือกระเป๋าผลิตจากเห็ดกันในเร็ววันหรือไม่? ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น จากที่ Honor Cowen ที่ปรึกษาจาก Anthesis บริษัทให้คำปรึกษาด้านความยั่งยืนเล่าให้โว้กฟัง: “ผลิตภัณฑ์หนังวีแกนในรูปแบบใหม่ที่ผลิตมาจากพืชทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยคำนึกถึงปัจจัยที่หลากหลาย (และต้องมีไหวพริบอันชาญฉลาด) ถึงจะสามารถต่อกรกับตลาดการค้าขายพลาสติกได้”
ความเป็นจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ เราทุกคนต้องจับจ่ายใช้สอยกันให้น้อยลง และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น “มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและทนทาน ฉันมีไอเทมเครื่องหนังจำนวนไม่มากอยู่ในตู้เสื้อผ้า ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ฉันใช้มาเป็นเวลานานและจะใช้จนกว่าไม่สามารถจะซ่อมแซมได้” Cowen กล่าว “ไม่ว่าคุณจะซื้อหนังแท้หรือหนังเทียม ขอให้แน่ใจว่าเป็นหนังที่มีคุณภาพสูง และคุณพร้อมที่จะดูแลมันเป็นอย่างดี ซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้จากแบรนด์ที่มีความใส่ใจอย่างแท้จริง” Powney ให้ความเห็นที่ตรงกัน ถามหาข้อมูลจากแบรนด์ต่างๆ ศึกษาฉลากที่ติดและวัสดุส่วนประกอบที่ใช้ สิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดคือการเรียนรู้และศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี
ผู้เขียน: Ellie Pithers
แปล: Janisara (ชนิสรา)
ข้อมูล: vogue.co.uk




