คำว่า “โอตกูตูร์” มีรูปแบบการนิยามที่ทุกคนในอุตสาหกรรมแฟชั่นคุ้นเคยกันอย่างดี ด้วยความเนี้ยบประณีตในการตัดเย็บระดับสูงผลักดันให้เสื้อผ้าประเภทนี้เป็นงานศิลปะที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็เกิดการพัฒนาไอเดียใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างความพิเศษให้กับเสื้อผ้าตัดเย็บระดับสูงอยู่เสมอ วันนี้กับโลกแฟชั่นที่พัฒนาแบบไม่หยุดนิ่ง รูปแบบงานกูตูร์จึงแตกแขนงออกไปอย่างหลากหลาย และแบรนด์อย่าง Harry Halim ก็เปิดมิติแบบใหม่ในโลกแฟชั่นกับนิยามคำว่า “Punk Couture” ซึ่งสะท้อนความคอนทราสต์ระหว่างความเนี้ยบกริบกับความขบถในสไตล์พังก์ที่ฟังเผินๆ อาจเข้ากันไม่ได้ แต่เมื่อแฟชั่นคือความอิสระ รูปแบบเสื้อผ้าแบบนี้จึงเปรียบดั่งผลผลิตของการพัฒนาระบบความคิดทางศิลปะอันน่าสนใจ

แบรนด์แฮร์รี่ ฮาลิมเป็นแบรนด์สัญชาติอินโดนีเซีย เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปารีสแฟชั่นวีกประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2012 โดยแบรนด์ได้รับสถานะเป็นแบรนด์อินโดนีเซียแบรนด์แรกที่ได้โชว์ในตารางปารีสแฟชั่นวีก หลังจากนั้นตลอดทศวรรษที่ผ่านมาแฮร์รี่ ฮาลิมก็ได้รับการจับตามองอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทว่าแฟชั่นของแบรนด์สัญชาติอินโดนีเซียนั้นก็สะกดตาผู้ชมทุกครั้ง จนมาถึงคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 แฮร์รี่ (ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง) ก็นำเสนอแฟชั่นรูปแบบใหม่โดยให้คำจำกัดความว่าเป็นเสื้อผ้าแนวพังก์ระดับงานกูตูร์

คอลเล็กชั่นดังกล่าวมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “The Impossible Love” และเปิดโชว์ในช่วงจาการ์ตาแฟชั่นวีก หรือแฟชั่นวีกครั้งใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย เสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นนี้สะท้อนกลิ่นอายความพังก์ออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นซิลูเอต เรื่อยไปจนถึงดีเทลความจัดจ้านทุกรูปแบบ อาทิ หนาม การเดรปผ้าทรงแปลกตา และอื่นๆ อีกมากมาย ด้านสีสันก็ผสมผสานความดำมืดเข้ากับสีฉูดฉาด มาพร้อมแอ็กเซสเซอรี่ที่โดดเด่นจนละสายตาไม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือแม้จะนำเสนอไอเดียขบถสุดขอบ ทว่าแบรนด์ยังคงใส่ใจในการตัดเย็บทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อสังเกตดีเทลฝีเข็มและการขึ้นรูปทรงแต่ละลุคจะเห็นว่าแบรนด์ใช้เทคนิคระดับกูตูร์เพื่อสร้างชิ้นงานพังก์สุดประณีตขึ้นมา คำว่า “พังก์” กับ “ประณีต” ดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกัน แต่แฮร์รี่ ฮาลิมพิสูจน์แล้วว่ามันเข้ากันได้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ