ย้อนกลับไปในปี 1925 สื่อสำนักใหญ่อย่าง The New York Times พาดหัวข่าวสุดเซอร์ไพรส์เอาไว้ว่า “สังคมสุภาพสตรีแห่งกรุงเบอร์ลินกำลังประกอบอาชีพเป็นหุ่นนางแบบ” จนกลายเป็นที่ถกเถียง และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงอาชีพใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ นำไปสู่การจุดประกายที่จะรื้อสร้าง แยกแยะ และบัญญัติศัพท์ 2 คำนั่นคือ “Model” และ “Mannequin” ให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน และนั่นเองก็คือหมุดหมายการเริ่มต้นครั้งสำคัญของ “วงการนางแบบ” กับการใช้คนจริงๆ มาเล่นละครเป็นหุ่น ที่แทบจะไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่า วงการดังกล่าวจะสร้างตำนาน และเม็ดเงินมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกได้อย่างเหลือคณานับ หลายร้อยหลายพันชีวิตเกี่ยวข้อง และวนเวียนเข้าออกวงการนางแบบในรอบกว่า 100 ปี แต่ละยุคสมัยสร้างดาวค้างฟ้าให้เป็นที่พูดถึงมาจนปัจจุบัน และนี่คือพวกเธอ...ที่เราคัดมาแล้วว่าคุณต้องทำความรู้จักให้ได้

1920s-1930s

     ในปี 1923 John Powers ได้เปิด “โมเดลลิ่งเอเจนซี่ผลิตนางแบบ” ออกสู่ตลาดนิวยอร์กซิตี้เป็นครั้งแรก เริ่มต้นทศวรรษด้วยการบุกเบิกวัฒนธรรมการใช้นางแบบที่เป็นคนจริงๆ อย่างเป็นทางการ จนกระทั่งกลายมาเป็นอีกหนึ่งอาชีพจริงจัง ที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากในเวลานั้นนิยมจัดแฟชั่นโชว์กันมากในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หรือร้านค้าปลีกย่อยๆ ซึ่งต่างก็นิยมใช้นางแบบคน แทนการใช้หุ่นในการนำเสนอสินค้า และเสื้อผ้า ก่อนที่ในอีกฟาก ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในปี 1928 เรายังได้เห็น “โรงเรียนสอนนางแบบ” ผุดขึ้นบนโลกนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนว่าภาพที่ออกมาก็เป็นไปตามคาดการณ์ของหลายคน ที่หวังจะได้เห็นเหล่าหญิงสาวผู้ดีมีอันจะกินต่างพากันหยิบเอาหนังสือเล่มหนาไปวางไว้บนศีรษะ ฝึกทรงตัวกันเสียยกใหญ่

1940s

LISA FONSSAGRIVES และ DORIAN LEIGH

     หลังจากที่โมเดลลิ่ง และโรงเรียนฝึกสอนนางแบบ ถือกำเนิดขึ้นและได้รับความนิยม อาชีพนางแบบก็กลายเป็นดาวเด่นที่ถูกจับตามองทันที ในช่วงยุคนี้ผู้หญิง 2 คนที่นับได้ว่าโดดเด่นที่สุดในวงการนางแบบก็คงจะต้องยกให้กับ Lisa Fonssagrives และ Dorian Leigh สำหรับเจ้าแรกนั้นถูกขนานนามว่าเป็น “ซูเปอร์โมเดลคนแรกของโลก" จากเด็กสาววัย 25 ปี ที่เดินทางมาจากโรงละครเต้นรำแห่งฝรั่งเศส ก่อนจะถูกค้นพบในลิฟต์โดยบังเอิญที่อเมริกาในปี 1939 ซึ่งต่อมาได้รับการปลุกปั้นจนกลายเป็นมิวส์ให้กับช่างภาพระดับตำนานอย่าง Irving Penn ส่วนดอเรียนนั้นก็ตีคู่มาไม่ห่างกัน สุภาพสตรีที่มาพร้อมกับวุฒิปริญญาด้านวิศกรรมเครื่องกล จับพลัดจับผลูจนได้มาเป็นแบบตัวเป้งแห่งยุค ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเวียนขึ้นปกโว้กอเมริกันไปมากกว่า 6 ปกด้วยกันในช่วงเวลานั้น

1950s

BETTINA GRAZIANI

     ใครที่เคยสงสัยว่า “Bettina Blouse” คอลเล็กชั่นแรกในปี 1952 ของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Givenchy นั้นมีที่มาจากอะไร...เธอคนนี้คือคำตอบ เพราะเบตทินาคือนางแบบคู่บุญของแบรนด์จีวองชี่มาแต่ไหนแต่ไร ร่วมหัวจมท้ายจนกลายเป็นไอคอนประจำแบรนด์ที่ได้รับการกล่าวขานไปทั่ว ในระหว่างที่อุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังง่วนอยู่กับการก่อร่างสร้างวัฒนธรรมเสื้อผ้าโอตกูตูร์หลังยุคสงคราม นางแบบสาวชื่อดังผู้นี้โลดแล่นไปร่วมงานกับดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งยุคมาแล้วมากมาย ตั้งแต่ Christian Dior ไปจนถึง Jacques Fath ก่อนที่จะมาตกลงปลงใจกับ Hubert de Givenchy กระทั่งที่ชื่อของเธอยังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อคอลเล็กชั่นเปิดตัวแบรนด์ดังที่เล่าให่ฟังไปแล้วข้างต้น ทว่านอกจากเบตทินาแล้ว ในยุคนี้ก็ยังมีนางแบบคนอื่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ Suzy Parker น้องสาวคนเล็กของ Dorian Leigh ที่ทำตัวเป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว หรือจะเป็น Dovima นางแบบผู้ริเริ่มวัฒนธรรมการใช้ชื่อเดี่ยวในวงการนางแบบเป็นคนแรก ก็กลายเป็นที่จดจำมากทีเดียว

1960s

TWIGGY

     ในยุคที่เกลื่อนกลาดไปด้วยหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ทั้งในอุตสาหกรรมบันเทิง ดนตรี และแฟชั่น ไม่อาจมีใครเทียบรัศมีความก๋ากั่นแต่ไร้เดียงสาของ Twiggy ได้เลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นเมื่อพูดถึงนางแบบที่โดดเด่นที่พอจะบอกเล่าเรื่องราวในยุค 1960s ได้อย่างชัดเจน ชื่อของทวิกกี้จึงกลายเป็นชื่อลำดับแรกที่ปรากฏขึ้นในความคิดของหลายคน ดวงตาปรือ เทคนิคการแต่งขนตา และผมทรง Pixie Cut ที่ฮิตไปทั่วโลก ส่งให้เธอกลายเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์คนแรกๆ ที่สามารถสร้างวัฒนธรรมของตัวเองให้คนทั่วโลกเลียนแบบต่อกันไปได้สำเร็จ กระนั้นวงจรชีวิตของเธอในการเป็นนางแบบก็นับว่าสั้นกว่าใคร หลังจากที่เริ่มต้นอาชีพนางแบบในวัยเพียง 16 ปี ทวิกกี้ก็ตัดสินใจแขวนรองเท้าส้นสูงในอีกประมาณ 4 ปีต่อมา เมื่อเธอมีอายุได้ 21 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะตัดสินใจไปชิมลางด้านการแสดง และดนตรี ที่เธอก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ปัจจุบันทวิกกี้อายุ 71 ปี และเพิ่งเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Dame Commander of the Most Excellent Order of the British Empire จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไปเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา

1970s

GRACE JONES

     อีเวนต์ครั้งสำคัญในปี 1973 ชื่อ “Battle of Versailles” แฟชั่นโชว์การกุศลที่เป็นการปะทะกันระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน และดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส เพื่อระดมทุนนำไปบูรณะพระราชวังแวร์ซายในตอนนั้น นอกจากจะให้พื้นที่กับเหล่านางแบบผิวดำมากที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของวงการนางแบบที่เริ่มอื้ออึง จึงไม่แปลกใจที่ในยุคนี้เราจะได้เห็นนางแบบหลายคนกลายเป็นดาวเด่น ไม่ว่าจะเป็น Linda Morand สาวผู้นำเทรนด์ทรงผมแบบอสมมาตร, Lauren Hutton นางแบบที่ได้ชื่อว่ามีความเป็นตัวเองสูง และใช้ประโยชน์จากตัวตนของเธอได้อย่างน่าสนใจ ไปจนถึง Beverly Johnson นางแบบผิวสีคนแรกที่ได้ขึ้นปกโว้กอเมริกัน หรือแม้แต่ Grace Jones นางแบบสาวผิวดำผู้โดดเด่นที่สุดในยุคนี้ กับผมทรงลานบินที่ไม่มีผู้หญิงหน้าไหนกล้าตัดตาม ทำให้เธอดูแตกต่าง กอปรด้วยบุคลิกที่พร้อมจะขโมยซีนทุกคน ทำให้ Yves Saint Laurent และ Kenzo Takada ต่างคลานเข่าเข้ามาจองตัวเธอโดยเร็ว หลังจากที่เส้นทางนางแบบแตะจุดสูงสุด เกรซ โจนส์ ยังได้ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงด้านการเป็นนางแบบของเธอ ต่อเป็นสะพานเชื่อมไปสู่วงการดนตรีได้อย่างง่ายดาย สร้างเพลงฮิตแนวดิสโก้ที่ดิสโกเธคทุกที่ในกรุงปารีสในยุคนั้นต้องเปิด มิเช่นนั้นก็ถือว่าเชยสะบัด อีกทั้งเธอยังได้กลายเป็นปาร์ตี้ไอคอนคนสำคัญในช่วงปลายของทศวรรษ กระทั่งที่เธอเองสามารถเดินเข้า STUDIO 54 ในตำนานที่ว่าเข้ายากนักหนาได้อย่างสบายๆ มาแล้ว

1980s

CHRISTIE BRINKLEY, JANICE DICKENSON และ STEPHANIE SEYMOUR

     แม้ว่าความโด่งดังเป็นพลุแตกของมาดอนน่าจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของการมีตัวตนของเหล่านางแบบในยุคนี้ แต่ก็ใช่ว่าวงการนางแบบในยุคนี้จะเงียบฉี่เสียทีเดียว เพราะยังมีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นให้ได้พูดถึงมากมาย เริ่มต้นด้วย Christie Brinkley นางแบบสาวที่ต้องติ๊กถูกทุกข้อตามบรรทัดฐานความงามของชาวอเมริกัน ทั้งผมบลอนด์หยักศก นัยน์ตาสีฟ้า และรอยยิ้มสวยสะกด ดึงดูดเหล่าผู้ประกอบการด้านเครื่องสำอางให้เข้ามาหาเธอนับไม่ถ้วน พร้อมกับสัญญานับร้อยฉบับ อีกทั้งยังดึงดูดเหล่าบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นให้ตัดสินใจลากเธอไปขึ้นปก กระทั่งที่เธอเคยทำสถิติการขึ้นปกนิตยสารไปแล้วทั่วโลกกว่า 500 ฉบับ นับตั้งแต่ปี 1979 ...ต่อด้วย Janice Dickenson นางแบบสาวผู้เข้ามาท้าทายความงานแบบอเมริกันชน เธอไม่มีผมบลอนด์หยักศก หรือนัยน์ตาสีฟ้าสว่าง อย่างที่นางแบบเกือบทุกคนในวงการตอนนั้นกำลังเป็นอยู่ แต่ “ความแปลกใหม่” ตรงนี้เองที่ทำให้เธอกลายเป็นที่จดจำอย่างปฏิเสธไม่ได้ จนทำให้ 2 แบรนด์ดังแห่งยุค ทั้ง Versace และ Azzedine Alaïa ทนไม่ไหว แหวกขนบเรียกใช้เธอกันยกใหญ่ และไม่นานความงามแบบเจนิซก็สร้างปรากฏการณ์ใหม่ไปทั่วในวงการแฟชั่นยุคนั้น ปิดท้ายด้วย Stephanie Seymour นางแบบผู้มีใบหน้าเย้ายวน ที่นอกจากจะไปปรากฏตัวบนหน้านิตยสาร Playboy แล้ว เธอยังได้รับการแต่งตังให้เป็นเฟซคนแรกของแบรนด์ชุดชั้นในระดับพระกาฬอย่าง Victoria Secret’s อีกด้วย

1990s

LINDA EVANGELISTA, CLAUDIA SCHIFFER, NAOMI CAMPBELL, CINDY CRAWFORD และ KATE MOSS

     รายชื่อทั้งหมดคือ “ตัวแม่” ที่ผู้เขียนไม่สามารถตัดใครออกได้เลยแม้แต่คนเดียว ในยุคที่วัฒนธรรม “ซูเปอร์โมเดล” กำลังขึ้นหม้ออย่างถึงที่สุด นางแบบกลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลไม่ต่างจากพระสันตปาปา หรือคัมภีร์ไบเบิลในศาสนาคริสต์ เริ่มที่ Linda Evangelista นางแบบผู้ครองรันเวย์นาวนานถึง 14 ปี และปกนิตยสารแฟชั่นกว่า 700 ฉบับ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของมิวส์คนสำคัญของ Gianni Versace อีกทั้งยังเป็นลูกรักของ Karl Lagerfeld และช่างภาพชื่อดัง Steven Meisel อีกด้วย, Claudia Schiffer ถูกบันทึกด้วยสถิติโลกโดยกินเนสส์ เวิร์ลด์ เรคคอร์ด ว่าเป็นนางแบบที่ขึ้นปกนิตยสารเยอะที่สุดกว่า 1,000 เล่ม อีกทั้งยังถูกเลือกไปเป็นเฟซคนสำคัญของแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Chanel มาแล้ว แถมยังมีแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอีกมากมายรุมจองตัวเธอ ต่อกันด้วย Naomi Campbell ที่ยังคงครองบัลลังก์แฟชั่นมาจนถึงยุคปัจจุบัน ประสบการณ์กว่า 40 ปีในวงการนี้ ทำให้เธอถูกขนานามว่า “แฟชั่นไอคอน” ได้อย่างไม่กระดากปาก นาโอมิผ่านการเป็นมิวส์คนสำคัญให้กับทั้ง Yves Saint Laurent, Versace, Valentino และอีกมากมาย ซึ่งแม้ว่าอายุของเธอจะล่วงเลยมาถึง 50 ปีแล้ว แต่การปรากฏตัวของเธอบนรันเวย์โชว์เมื่อเร็วๆ นี้ ก็การันตีแล้วว่ามันจะยังไม่จบง่ายๆ แน่นอน

     Cindy Crawford เซ็นสัญญากับ Elite Model Management เป็นครั้งแรกเมื่อเธออายุได้ 17 ปี ก่อนจะได้รับการขนานนามว่า "Baby Gia" เนื่องจากลุคที่ดูคล้ายคลึงกับ Gia Carangi นางแบบชื่อดัง ซินดี้กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งบนรันเวย์ นิตยสาร และโฆษณาแคมเปญต่างๆ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น และเครื่องสำอาง แม้ว่าเธอจะตัดสินใจแขวนส้นสูง บอกลาการเป็นนางแบบไปตั้งแต่ช่วงปี 2000 แล้วก็ตาม แต่ความงามของเธอก็ยังคงปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราว และยังเรียกเสียงฮือฮาจากโซเชียลมีเดียได้อยู่เสมอ ปิดท้ายด้วย Kate Moss นางแบบชื่อดังอีกหนึ่งคนในยุคนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ โด่งดังจากโฆษณาแคมเปญ Calvin Klein สุดเย้ายวน ที่แม้ว่าจะผ่านมากว่า 2 ทศวรรษแล้ว แต่ก็ยังถูกพูดถึงอยู่จนทุกวันนี้ ความงามแบบผอมติดกระดูก และฟันหน้าที่ห่างอันทรงเสน่ห์ของเธอ สร้างความแตกต่างจากนางแบบรอบข้าง และสร้างบรรทัดฐานความงามใหม่ ที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกไม่อยากจะกินอาหารเลยแม้แต่มื้อเดียว

2000s

GISELE BÜNDCHEN และ KARLIE KLOSS

     อีกครั้งที่วงการนางแบบถูกแย่งซีนโดยเหล่าเซเลบริตี้ และไฮโซชื่อดังที่ขยันสร้างข่าวฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์ไม่เว้นวาย ทว่าจีเซลกลับเป็นนางแบบไม่กี่คนที่สะดุดตาในยุคนี้ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่การแสดงบนรันเวย์ของแบรนด์ชุดชั้นใน Victoria Secret’s กำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด จีเซลได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนางฟ้าวิกตอเรีย ตำแหน่งที่กลายเป็นความใฝ่ฝันของนางแบบสาวทั่วโลก จีเซลครองบัลลังก์นางฟ้าวิกตอเรียได้นานถึง 7 ปี ซึ่งนับเป็นหนึ่งในนางแบบไม่กี่คนที่ครองตำแหน่งยาวนานเช่นนี้ และนั่นเองที่สะท้อนให้เห็นว่าเธอคือนางแบบที่มีระเบียบวินัย และดูแลตัวเองอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นนางแบบที่ปรากฏตัวบนปกนิตยสารมากกว่า 1,200 ปกด้วย และนางแบบอีกคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสสวมปีกนางฟ้า โดดเด่นอยู่บนรันเวย์วิกตอเรีย ซีเคร็ตไม่แพ้กัน ด้วยส่วนสูงสะดุดตา และใบหน้าที่ได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ Model.com ว่าตรงตามมาตรฐานทองคำของเหล่านางแบบ และนายแบบ ที่ควรจะเป็น คาร์ลี่ คลอสส์ จึงกลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงขึ้นมาอย่างเป็นวงกว้างทันที ทั้งบนรันเวย์ และแคมเปญแฟชั่นนับไม่ถ้วน กระทั่งที่โว้กปารีสยังได้จัดอันดับให้เธอเป็นนางแบบลำดับต้นของยุค 2000s มาแล้ว

2010s

GIGI HADID, BELLA HADID, KENDALL JENNER และ KAIA GERBER

     ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากที่โลกใบนี้เหวี่ยงเราทุกคนเข้าสู่ยุคดิจิทัล โซเชียลมีเดียก็กลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเราโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มากไปกว่านั้นยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นการก่อร่างสร้างตัวของวัฒนธรรม “Insta-Model” เหล่านางแบบวัยกระเตาะที่แจ้งเกิดจากแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรม พร้อมท้าชนเหล่านางแบบรุ่นลายครามจากยุคซูเปอร์โมเดลชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งแน่นอนว่ารายชื่อสาวๆ ที่โดดเด่นเป็นที่ต้องตาต้องใจ จนเหล่าแบรนด์ดังต้องตามเรียกให้ไปขายของให้ก็หนีไม่พ้น Gigi Hadid นางแบบสาวที่เพิ่งกลายเป็นคุณแม่ไปหมาดๆ ตามมาด้วยน้องสาวหน้าเฉี่ยว ที่ได้รับการยกย่องว่ามีใบหน้าสวยที่สุดตามทฤษฎีทองคำอย่าง Bella Hadid และ Kendall Jenner หนึ่งในสมาชิกจากครอบครัว Kardashian-Jenner ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี และที่ตามมาท้ายสุด แต่กวาดงานไปเรียบ ตีคู่ 3 คนก่อนหน้านี้อย่าง Kaia Gerber ลูกไม้หล่นใต้ต้น ทายาทของซูเปอร์โมเดล Cindy Crawford ก็ขอมาท้าชนบนสังเวียนรันเวย์ในยุคนี้เช่นเดียวกัน