ช่างภาพ: เอกรัชต์ อุบลศรี
แฟชั่นไดเร็กเตอร์: จงกล พลาฤทธิ์
นางแบบ: นิษฐา จิรยั่งยืน
แต่งหน้า: เจนจิรา พันธุ์วิเชียร
ทำผม: หฤษฏ์ ปัญญาอ้าย
ผู้ช่วยสไตลิสต์: ตะวัน ก้อนแก้ว
หากจะพูดถึงนางเอกสาวผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหวาน พร้อมความสามารถที่เหลือล้น เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง “มิว- นิษฐา จิรยั่งยืน” เป็นแน่แท้ นับว่าเธอคือนักแสดงอีกหนึ่งคนที่แฟนๆ ต่างเฝ้ามองการเติบโตบนเส้นทางวงการบันเทิงของเธอมาอย่างยาวนาน จนถึงวันที่เธอประสบความสำเร็จในชีวิตพร้อมก้าวเข้าสู่บทบาทครั้งใหม่สุดท้าทายที่ยังคงปรากฏบนโลกออนไลน์ให้เราได้ติดตามอยู่เสมอ
ครั้งนี้เธอได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในฐานะคัฟเวอร์เกิร์ลบนปกดิจิทัล #VOGUEMORE ประจำเดือนพฤศจิกายน 2022 พร้อมพาแฟนๆ ย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับตัวตนของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนจะก้าวขึ้นมาสู่การเป็นนางเอกมากความสามารถ พร้อมขยับเข้าสู่บทบาทครั้งใหม่ในชีวิตกับฐานะของ “คุณแม่”

ย้อนกลับไปยังช่วงสมัยเด็กของมิว เธอก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่เปี่ยมไปด้วยความฝันที่ต้องการเติบโตและก้าวเดินบนเส้นทางอาชีพที่เธอชื่นชอบ อย่างการเป็น “แอร์โฮสเตส” อาชีพแรกเริ่มในความฝันวัยเด็กของใครหลายคน ซึ่งมิวได้เล่าให้โว้กฟังว่า “จริงๆ ความฝันของมิวเปลี่ยนไปตามทุกช่วงวัย ในสมัยเด็กมิวเองก็ใฝ่ฝันไว้ว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะในช่วงเวลานั้นการได้เดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวยังเป็นความสุขของมิวอยู่”
อย่างที่มิวได้เกริ่นเอาไว้ว่าความฝันของเธอนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงวัย จนเมื่อเธอเติบโตขึ้นความชื่นชอบต่างๆ ก็ได้เริ่มเปลี่ยนไป จากเพียงแค่ท่องเที่ยวกับครอบครัวอย่างมีความสุข โลกเเฟชั่นก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มิวรู้สึกประทับใจ จนทำให้เธอได้กลายมาเป็นนักศึกษาผู้รังสรรค์ผลงานแฟชั่นในช่วงของการเรียนมหาวิทยาลัย “ช่วงมัธยมปลายมิวได้มีโอกาสเดินทางไปดูแฟชั่นโชว์ ความรู้สึกแรกหลังจากที่รับชมคือตื่นเต้นและใจเต้นแรงมาก จนมิวต้องเก็บมาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นดีไซเนอร์ ทำให้ช่วงนั้นต้องเดินทางไปดูแฟชั่นโชว์แทบทุกโชว์ที่จัดขึ้น” มิวเล่าพร้อมเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์

ทว่าเส้นทางชีวิตของมิวในฐานะนักศึกษาแฟชั่นก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อโอกาสสำคัญก้าวเข้ามาพร้อมเปิดประตูสู่การเป็นนักแสดงและเติบโตสู่การเป็นนางเอกสาวมากความสามารถที่มีแฟนคลับคอยติดตามผลงานของเธออย่างล้นหลาม มิวได้เผยถึงความรู้สึกลึกๆ ให้กับโว้กได้ฟังว่า “จริงๆ การเป็นนักแสดงไม่ใช่สิ่งที่มิวใฝ่ฝันมาก่อน เพราะจริงๆ มิวเป็นเด็กขี้อาย ไม่ชอบการขึ้นมาอยู่บนสปอตไลต์สักเท่าไร มิวมักเป็นคนที่ชอบทำงานอยู่เบื้องหลังมากกว่า”

ถึงแม้ว่าก้าวย่างบนเส้นทางวงการบันเทิงของมิวอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใฝ่ฝัน แต่เมื่อเธอได้เข้ามาสัมผัสเบื้องหลังของอาชีพนี้ มิวก็เริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดจนฝากฝังผลงานและความสามารถของเธอไว้ในละครฟอร์มยักษ์ของช่องน้อยสีอย่างเรื่อง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ซึ่งนับเป็นผลงานละครเรื่องแรกของเธอ โดยมิวยอมรับว่าครั้งแรกที่รู้ตัวว่าต้องรับบทสำคัญในละครชุดเรื่องนี้ เธอทั้งตื่นเต้นและเกิดความเครียดขึ้นมาพร้อมกัน แต่ในท้ายที่สุดมิวก็ทำออกมาได้อย่างดีและข้ามผ่านมาเป็นอีกหนึ่งดวงดาวเช่นเดียวกับซูเปอร์สตาร์หลายๆ คน
มิวยังคงเล่าเสริมไปอีกว่านอกจากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพจะเป็นผลงานที่แจ้งเกิดของเธอแล้ว ในขณะเดียวกันละครเรื่อง “รากนครา” ยังเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สอนอะไรใหม่ๆ ให้กับมิวเพิ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวรับกับบทบาทใหม่ที่พลิกบทบาทของเธอให้แตกต่างไปจากเดิม ทั้งยังมอบแง่คิดในการใช้ชีวิตให้กับเธออีกด้วย “ตัวละครมิ่งหล้า เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และความทะเยอทะยาน มิวเลยได้เรียนรู้ว่า จริงๆ เราทุกคนสามารถมีความทะเยอทะยานได้แต่ควรอยู่ในระดับที่พอดี เพราะหากความทะเยอทะยานของเรามันมากจนเกินไป อาจจะทำให้จิตใจของเราไม่มีความสุขและล้มเหลวได้ในท้ายที่สุด”

นับได้ว่าช่วงชีวิตของมิวที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ตลอดจนความสามารถของเธอที่ยังคงเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เคียงคู่กับเส้นทางชีวิตของตัวเองที่ได้ก้าวเข้าสู่บทบาทชีวิตครั้งใหม่ ในฐานะของการเป็น “แม่” โว้กเลยพูดคุยกับเธอถึงบทบาทนี้อย่างเจาะลึก โดยมิวยอมรับว่าหลังจากได้ก้าวขึ้นมาเป็นคุณแม่แล้ว บทบาทนี้กลับเป็นบทบาทที่เติมเต็มความสุขในชีวิตของเธอ โดยที่ตัวเธอเองนั้นก็ไม่เคยวาดฝันมาก่อนว่าจะมีความสุขมากขนาดนี้ “มีความสุขมากๆ ค่ะ เป็นความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะสุขได้ขนาดนี้ ในบางวันที่เราอยู่ในบ้าน มิวได้มองเห็นลูกเดิน เล่นของเล่น กินนม แค่นี้มิวก็มีความสุขแล้วค่ะ มันรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มในด้านจิตใจ” มิวกล่าว
“พอได้เริ่มต้นชีวิตของการเป็นแม่มันกลายเป็นสิ่งที่มากกว่าอาชีพ แต่มันคือหน้าที่ ทุกวินาทีของการเป็นแม่นั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ตั้งแต่ตื่นนอนมาเราก็รับบทคุณแม่แล้ว และมันจะเป็นเช่นนี้ไปจนตลอดชีวิตของมิว” มิวได้เล่าถึงความท้าทายของบทบาทชีวิตครั้งใหม่นี้ และเธอยังได้เล่าต่อไปอีกว่าในทุกๆ วัน เธอพยายามที่จะมอบเวลาให้กับลูกสาวตัวน้อยให้ได้มากที่สุด ซึ่งหากเธอว่างเว้นจากการทำงาน ก็มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับลูก ไม่ว่าจะเป็นการไปซื้อของหรือการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะเธอเชื่อว่าลูกต้องการใครสักคนที่ทำให้เขาได้รู้สึกว่าคนนี้คือ “แม่” เช่นกัน

หลังจากการพูดคุยกันจนถึงช่วงท้ายโว้กได้ถามมิวต่อไปอีกว่าเธอได้วาดภาพในอนาคตของลูกสาวตัวน้อยคนนี้ไว้อย่างไรบ้าง โดยมิวได้ตอบพร้อมรอยยิ้มไว้ว่า “มิวและพี่เซนต์ (สามี) ไม่ได้วาดภาพอะไรทิ้งไว้ให้เลย เราแค่อยากเห็นลูกเติบโตมาเป็นคนที่มีความสุขในแบบธรรมชาติของตัวเอง เราทั้งคู่ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าในอนาคตเขาต้องเป็นอะไร ทำงานอะไร เพราะสิ่งเหล่านั้นมิวอยากจะให้เป็นสิ่งลูกได้เลือกเอง”
เรื่องราวทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของชีวิตนางเอกสาวมากความสามารถ “มิว- นิษฐา จิรยั่งยืน” ที่โว้กได้พาแฟนๆ ย้อนเวลากลับไปรู้จักกับเรื่องราว ตัวตน และความใฝ่ฝันของเธอตั้งแต่อดีต ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่ทำให้เรารู้จักกับมิวได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเผยให้เราได้เห็นถึงความรู้สึกของเธอต่อบทบาทชีวิตครั้งใหม่ในฐานะ “แม่” ที่มิวเองก็ยอมรับว่าเป็นอีกบทบาทที่มาพร้อมกับความท้าทายเเละเติมเต็มชีวิตของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ