FASHION

เปิดประวัติแบรนด์ PRADA...แบรนด์แฟชั่นยืนหนึ่ง โดยฝีมือของดีไซเนอร์นักรัฐศาสตร์การเมือง!

     “What you wear is how you present yourself to world, especially today, when human contacts are so quick. Fashion is instant language. ประโยคแสนธรรมดาที่แฝงไปด้วยความรู้จริงเกี่ยวกับสังคมโลกแฟชั่นนี้ มีสุภาพสตรีอัจฉริยะแห่ง Prada ที่เรากำลังจะกล่าวถึงในลำดับต่อไปนี้เป็นเจ้าของ ที่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า แท้จริงแล้วแบรนด์แฟชั่นสุดโด่งดังอย่าง Prada นั้น ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยไลน์การผลิตเสื้อผ้าของสุภาพสตรีเท่านั้น แม้ว่าจะมีสุภาพสตรีอย่าง Mucia Prada ดีไซน์เนอร์อัจฉริยะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์แฟชั่นนี้ก็ตาม... ดังนั้นเมื่อเราจะร่ายยาวถึงเรื่องราวของแบรนด์แฟชั่นอย่าง Prada แล้ว ก็คงจะต้องให้เกียรติมิวเซีย ปราด้า แห่งแบรนด์แฟชั่นนี้ด้วยเช่นกัน กับดีไซเนอร์หญิงสัญชาติอิตาเลียน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่หัวเมืองแฟชั่น ในประเทศอิตาลีอย่างกรุงมิลาน และยังมีความน่าสนใจในชีวิตของ มิวเซีย ปราด้าอยู่ที่ เธอไม่ได้เรียนจบด้านการดีไซน์ หรือศิลปะการออกแบบใดๆ หากเธอจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ในคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Universita Degli Studi  ด้วยวัย 24 ปีเท่านั้น

โฉมหน้าของ Muccia Prada ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้กุมบังเหียน Prada / ภาพ : Equireme

 

     หากเมื่อสืบความย้อนกลับไป แท้จริงแล้วแบรนด์ Prada นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ตั้งแต่ช่วงปี 1913 เป็นต้นมา ภายใต้การกุมบังเหียนของ Mario Prada (ที่ในตอนแรกมีชื่อว่า Fratelli Prada ก่อนที่จะตัดเหลือเพียง Prada ในตอนหลัง) ญาติผู้ใหญ่ของมิวเซีย ปราด้านั่นเอง โดยแบรนด์ Prada ในยุคนั้น เริ่มต้นจากการทำธุรกิจเครื่องหนัง ที่นำเข้าเครื่องหนัง และเครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีมาจากอังกฤษ จนทำให้ที่มีชื่อเสียงทางด้านเครื่องหนัง และเป็นที่พูดถึงมากพอสมควรมาเป็นเวลานาน กระทั่งในช่วงปี 1978 มาริโอ ปราด้าจึงได้เลือกส่งไม้ต่อให้กับมิวเซีย ปราด้า ในฐานะของหลานสาวให้ได้กุมบังเหียน พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับแบรนด์ปราด้า ด้วยการเปิดตัวผลงานชิ้นโบว์แดงที่กลายเป็นดั่งไอเท็มไอคอนิกมาจวบจนทุกวันนี้ อย่างกระเป๋าสะพายผ้าไนลอนสีดำขลับ ที่ยังส่งให้ชื่อของมิวเซีย ปราด้า กลายเป็นที่ยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่หลังจากนั้นอีกเพียง 3 ปี มิวเซียจะเริ่มสรรสร้างผลงาน และจับงานด้านเสื้อผ้า Ready-To-Wear ของสุภาพสตรี ด้วยวัย 39 ปี

    

ภาพถ่ายหน้าร้านแบรนด์ Prada ในอดีต (ซ้าย) ที่เคยใช้ชื่อว่า Fratelli Prada มาก่อน / ภาพ : zapyle

 

     หลังจากที่สร้างรากฐานและความมั่นคงให้กับแบรนด์ปราด้า จนตัวแบรนด์ และตัวของมิวเซีย ปราด้าเองเริ่มกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้วนั้น เธอยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ให้กำเนิดแบรนด์ใหม่ ซึ่งถือเป็นแบรนด์เสื้อผ้าของสุภาพสตรีลำดับที่สอง ที่เธอได้รับแรงบันดาลใจหลักมาจากชุดสวยมากมายในตู้เสื้อผ้าของเธอพร้อมตั้งชื่อแบรนด์ลำดับที่สองนี้ว่า Miu Miu ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเธอนั่นเอง กระนั้นแบรนด์ปราด้าซึ่งเปรียบเสมือนมรดกตกทอดจากรุ่นย่ายาย ภายใต้การกุมบังเหียนของมิวเซีย ปราด้านี้ก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน จากแฟชั่นเฮาส์ขนาดเล็กจนกลายเป็นอาณาจักรแฟชั่นหนึ่งที่มีมูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่ปีถัดมา (ตรงนี้หลายคนยังให้เครดิตกับคู่รักของเธอ Patrizio Bertelli ที่ช่วยกันปลุกปั้นปราด้ามาได้จนประสบความสำเร็จมากถึงเพียงนี้) พร้อมกับการตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้งในปี 1994 ด้วยการนำแรงบันดาลใจจากกระเป๋าสะพายไนลอนสีดำ ที่เป็นดั่งไอเท็มไอคอนิกของแบรนด์ใบนั้น มาปรับให้กลายเป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรี ที่ก็ยังได้รับความนิยมไม่แพ้กระเป๋าสะพายไนลอนสีดำใบนั้นในยุคอดีต

 

   



WATCH




ภาพลุคบางส่วนจากคอลเล็กชั่นฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ประจำปี 1996 จากแบรนด์ Prada / ภาพ : Vogue

 

     หลังจากที่แบรนด์แฟชั่นปราด้าเติบโตไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง มิวเซีย ปราด้า ยังขอคืนกำไรให้กับสังคมด้วยการก่อตั้งสถาบันมูลนิธิเกี่ยวกับศิลปะ และวัฒนธรรมร่วมสมัยแบบไม่แสวงหาผลกำไรในนามว่า Fondazione Prada ขึ้นในปี 1995 (ที่ในปัจจุบันนี้สถาบันมูลนิธิแห่งนี้ก็ยังเป็นอีกสถานที่สำคัญในกรุงมิลาน) และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นยังท้าทายความสามารถของตัวเอง และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการก้าวกระโดดมาเปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายเป็นคอลเล็กชั่นแรก เรื่อยมาจนกระทั่งอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของมิวเซีย ปราด้าที่ได้รับการกล่าวขานไปไกล กับคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ในปี 1996 ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของแบรนด์ปราด้า กับการพูดถึงลายพิมพ์ที่ถุกสร้างสรรค์ขึ้นในคอลเล็กชั่นนี้ และยิ่งส่งให้ปราด้านั้นกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นที่มีความมั่งคั่งทั้งเรื่องของชื่อเสียง และเม็ดเงินจำนวนมหาศาล มากพอที่จะดึงเอาแฟชั่นเฮาส์อย่าง Jil Sander และ Helmut Lang มาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ปราด้าได้ ฉลองวัย 50 ปีให้กับมิวเซีย ปราด้าได้อย่างพอดิบพอดี นอกจากนี้ในช่วงปี 1990 ใกล้กันนั้นปราดายังได้ซื้อหุ้นของแบรนรด์ Fendi จากบริษัท LVMH เอาไว้อีกด้วย

 

 

                                                                                                                                                          

1 / 3

กระเป๋าสะพายผ้าไนลอนสีดำจากแบรนด์ Prada ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ถูกพูดถึงตลอกกาลของแบรนด์ Prada / ภาพ : Street Today


2 / 3

ภาพของโทรศัพท์มือถือที่แบรนด์ Prada ร่วมมือกับบริษัท LG / ภาพ : Trusted Reviews


3 / 3

ภาพถ่ายคู่ของ Muccia Prada และคู่รักของเธอ Patrizio Bertelli / ภาพ : luxe.supdepub


     ไม่เพียงเท่านั้น เพราะแบรนด์ปราด้ายังขยับขยายตัวเองให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากมายตั้งแต่ไลน์สินค้าประเภทน้ำหอม ไปจนถึงด้านเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง ปราด้ายังเคยเผยแพร่สมาร์ทโฟนสุดล้ำในนามของปราด้า ร่วมมือกับแบรนด์ LG ในปี 2007 ที่นับเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคให้คนทั่วไปได้หันมาสนใจ และรู้จักแบรนด์ปราด้ามากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ก่อนที่ผลงานตลอดหลายสิบปีที่มิวเซีย ปราด้าได้ลงมือทำนั้น จะส่งผลให้เธอได้กลายเป็นสุภาพสตรีหนึ่งใน 79 คนทั่วโลกที่มีพลัง และทรงอิทธิพลที่สุดโดยการจัดอันดับของ Forbes จนได้ในที่สุด พร้อมคำเรียกขานว่า ดีไซเนอร์สาวอัจฉริยะ อีกด้วยเช่นกัน  มาถึงตอนนี้แบรนด์ปราด้าก็ยังคงสร้างสรรค์ และผลิตคอลเล็กชั่นของเสื้อผ้า น้ำหอม และเครื่องสำอางออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โลโก้เดียวกันของบ้านแฟชั่นแห่งนี้ พร้อมกับการยึดหลักปรัชญาสำคัญของแบรนด์เรื่อยมา ที่พร้อมแสดงออกผ่านคุณภาพ อันเป็นเลิศของผลงาน ที่ผสมผสานแนวระหว่างความคิดใหม่ กับกระบวนการผลิตสินค้าที่ยอดเยี่ยมสืบสานมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งวิธีการนี้ยังถูกนำมาใช้ประยุกต์ให้กับทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตของแบรนด์ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างแนวความคิดในการออกเพื่อนำไปเลือกสรรวัตถุดิบ การวางแผนการผลิตเพื่อการจัดจำหน่าย การวางแผนสื่อโฆษณาเพื่อกลยุทธ์ทางการสื่อสาร ทั้งหมดนี้คือความคิดสร้างสรรค์ แบบลูกโซ่ ที่พร้อมร้อยเรียง และนำไปสู่คุณภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดต่อไป

     จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นชื่อของ PRADA ตามสื่อต่างๆ มากมายในฐานะของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กระทั่งที่วงการวรรณกรรม และภาพยนตร์โลกแฟชั่นยังต้องสยบยอมให้กับ The Devil Wears PRADA มาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น...

WATCH

คีย์เวิร์ด: #PRADA