FASHION

ถอดรหัสคอลเล็กชั่นฉลอง 100 ปี Gucci ครั้งแรกที่ได้เห็นดีเอ็นเอของแบรนด์ Balenciaga บนรันเวย์กุชชี่

ร่วมเฉลิมฉลอง 1 ศตวรรษของเฮาส์แฟชั่นแห่งความภาคภูมิใจของชาวอิตาลี พร้อมปรากฏการณ์สะเทือนวงการที่รวม Gucci และ Balenciaga มาไว้บนรันเวย์เดียวกัน

เพลงซาวนด์แทร็กประกอบโชว์ของกุชชี่ครั้งล่าสุดเป็นตัวชี้วัดอิทธิพลของเฮาส์แฟชั่นสัญชาติอิตาลีที่มีต่อผู้คนในยุคปัจจุบันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น Gucci Gang เพลงฮิตของแรปเปอร์ชาวอเมริกัน Lil Pump เพลง Green Gucci Suit และ Gucci Flip Flops โดย Rick Ross และ Bhad Bhabie ซึ่งใช้ชื่อกุชชี่แทนความหมายของลักชัวรี หรือเพลง Gucci Coochie ของ Die Antwoord วงดนตรีฮิปฮอปสัญชาติแอฟริกาใต้ซึ่งเปิดในช่วงท้ายของโชว์ ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม (ที่มาพร้อมยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกปี) ซึ่งส่งตรงถึง Alessandro Michele ดีไซเนอร์หนุ่มใหญ่ผู้กุมบังเหียนแบรนด์ซึ่งพลิกฟื้นวงการให้กลับมาคึกคักในรอบหลายปี

“ผมพยายามคิดถึงวันครบรอบ 100 ปีของกุชชี่นะ...เหมือนเราพยายามทำตัวแก่ขึ้น แต่ที่จริงกลับดูเด็กลงเรื่อยๆ” อะเลสซานโดร มิเคเล่ให้สัมภาษณ์ในวิดีโอเบื้องหลังของแฟชั่นโชว์ “พอผมรู้ว่า 1 ศตวรรษของแบรนด์มาถึงแล้ว ผมก็ย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น อะไรที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ โดยพื้นฐานแล้วงานของผมคือการจัดการกับพลังงานความสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อให้แบรนด์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งนั่นทั้งเย้ายวนและชวนติดตาม...นี่คือเสน่ห์ของกุชชี่ที่คุณเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้”

คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวในชื่อ Aria ปล่อยออกมาในรูปแบบภาพยนตร์สั้นที่ได้ Floria Sigismondi ผู้กำกับหญิงชาวอิตาลีมาร่วมงาน เธอใช้ภาษาบ้านเกิดที่หมายถึง “อากาศ” แทนบรรยากาศของโชว์ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของแบรนด์แบบชุ่มปอดคลับลึกลับนาม Savoy Club ถูกเนรมิตขึ้นในบรรยากาศแบบนิวยอร์ก ภายใน Cinecittà โรงถ่ายทำภาพยนตร์เก่าแก่ของโรม โดยยืมชื่อมาจากโรงแรมหรูในลอนดอน สถานที่ซึ่งผู้ก่อตั้งแบรนด์ Guccio Gucci เริ่มต้นอาชีพในวัยหนุ่มของเขาจากการเป็นเด็กยกกระเป๋า “ผมเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งแนวคิดด้านสุนทรียภาพและรากฐานของแบรนด์อย่างเรื่องราวของกุชชีโอ แล้วก็พบว่าจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งจินตนาการในอดีตนั้นเริ่มต้นตรงนี้เอง เหมือนกับเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายนั่นแหละ บางชิ้นมาจากงานออกแบบของ Tom Ford ผสมกับสิ่งที่ผมนึกถึงเกี่ยวกับเฮาส์แฟชั่นแห่งนี้ เช่น พวกอุปกรณ์ขี่ม้า...ว่าแต่อะไรคือนิยามของกุชชี่กันแน่ล่ะ คงเหมือนกับกล่องใบใหญ่ที่มีของอยู่เต็มละมัง”



WATCH




ลุคเปิดโชว์คือชิ้นไอคอนิกที่เป็นสูททักซีโดผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มจากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงปี 1996 โดยทอม ฟอร์ด อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ ซึ่งอะเลสซานโดรกระซิบว่าคือสูทตัวเก่งที่ทำให้นักแสดงสาว Gwyneth Paltrow แจ้งเกิดบนพรมแดงของงาน VMAs ในปีเดียวกัน สำหรับเวอร์ชั่นใหม่นี้ดีไซเนอร์คนปัจจุบันปรับโครงสร้างของไหล่ให้เด่นชัดขึ้น พ่วงด้วยปลอกคอโซ่และสายคาดหนังกลิ่นอายกีฬาขี่ม้าแทรกอยู่ตามลุคต่างๆ ในคอลเล็กชั่น เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีของแบรนด์ที่เริ่มต้นจากธุรกิจเครื่องหนังและอุปกรณ์สำหรับขี่ม้า เหล็กไขว้คาดปากม้าหรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ Horsebit บนกระเป๋าและรองเท้าโลเฟอร์รุ่นดังของกุชชี่ได้รับการดัดแปลงใหม่อยู่บนสายรัดอก คอร์เซตหนัง และเข็มขัดสไตล์ Bondage ที่เข้ากันได้ดีกับลุคซีทรูเผยผิวจากหลากหลายวัสดุอย่างผ้าตาข่าย ลูกไม้สุดเซ็กซี่ แจ็กการ์ดทอด้วยเส้นใยเมทัลลิกหรือเลื่อมวิบวับที่ปักด้วยมือ

อีกด้านหนึ่งอะเลสซานโดรหยอดงานเทเลอริ่งอย่างสูทและเสื้อคลุมคัตติ้งคมผสมกับกางเกงทรงพองแบบนักกีฬาขี่ม้ามาสร้างบาลานซ์ให้โชว์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ลืมทิ้งลายเซ็นสนุกๆ ของตัวเองไว้ด้วย ทั้งคู่สีที่สดใส ลายพิมพ์ขนาดใหญ่ แพตเทิร์นเรขาคณิตที่นำสีเขียวและแดงของกุชชี่มาพลิกแพลงในสไตล์เรโทร บางลุคมาพร้อมกับความหรูหราของผ้าคลุมขนนกและเฟอร์ย้อมสี ขณะที่เครื่อง-ประดับชิ้นเด่นอย่างแส้หนังสำหรับบังคับม้าที่นางแบบหยิบมาหวดสะบัดกลางโชว์ช่วยเติมความรู้สึกเย้ายวนสไตล์ BDSM อย่างชัดเจน

เซอร์ไพรส์ของจริงที่ดีไซเนอร์หนุ่มซุ่มเตรียมไว้สำหรับปีที่ 100 ก็คือ Hacking Lab ซึ่งเป็นการคอลแลบอเรตระหว่างกุชชี่กับบาเลนเซียก้า ห้องเสื้อเก่าแก่ของปารีสซึ่งอยู่ในเครือ Kering เช่นเดียวกัน ข่าวลือก่อนหน้าที่ปล่อยออกมาช่วยเรียกยอดผู้ชมจาก 2 แบรนด์ไปอย่างล้นหลาม งานนี้อะเลสซานโดรแฮ็กงานดีไซน์ชิ้นเอกของ Demna Gvasalia ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบันของบาเลนเซียก้ามาครบ ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเกตเสริมช่วงเอวที่ทอขึ้นแบบ 3 มิติจากฤดูหนาวปี 2016 เสื้อแขนยาวผ้าสแปนเดกซ์จับเดรปเข้าคู่กับเลกกิ้งรัดรูปจากฤดูร้อนปี 2017 กระเป๋าฐานทรงโค้งรุ่น Hourglass ติดป้ายกุชชี่แบบจัดเต็ม ทั้งลายโมโนแกรม GG พื้นน้ำตาลทอง แถบคาดสีแดง-เขียว งานเลื่อมประดับชื่อแบรนด์ที่ทำเลียนแบบโลโก้บาเลนเซียก้า ลวดลายดอกไม้ที่กุชชี่ร่วมกับ Vittorio Accornero ศิลปินยุค 1960 วาดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก บางชิ้นสลับเอาโลโก้ของบาเลนเซียก้ามาแปะไว้บนชิ้นเด่นของกุชชี่อย่างกระเป๋าสะพาย Jackie 1961 ซึ่งอะเลสซานโดรนำมาปัดฝุ่นอีกครั้งจนเป็นไอเท็มขายดีของแบรนด์

“ระหว่างที่คุยกับเดมน่า ผมก็คิดได้ว่าแทนที่เราจะโชว์กระเป๋าของกุชชี่บนรันเวย์ ขอเปลี่ยนเป็นกระเป๋าของบาเลนเซียก้าแทนดีกว่า ตอนที่พูดออกมานั้นผมคิดในใจว่าคงโดนไล่ออกแน่ๆ” ดีไซเนอร์หนุ่มเล่าย้อนถึงไอเดียการแฮ็กครั้งนี้ “ผมเลือกงานดีไซน์จากโชว์แรกของเดมน่ามาใช้ นี่เป็นเรื่องสนุกดีที่ได้เห็นงานของตัวเองผสมเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ ความบ้าสุดท้าทายเริ่มขึ้นจากจุดนี้” ฝ่ายเดมน่าเองก็เปิดไฟเขียวผ่านฉลุยให้ความคิดนี้ แล้วก็แฮ็กงานออกแบบของกุชชี่คืนในโชว์ของเขา

อีกหนึ่งคนสำคัญเบื้องหลังการคอลแล็บสะเทือนวงการก็คือ François-Henri Pinault ประธานของเครือธุรกิจเคอริ่ง “ผมได้เห็นความคิดใหม่ๆ และวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครของดีไซเนอร์ทั้งสอง ซึ่งตรงกับความคาดหวังและความปรารถนาของผู้คนทุกวันนี้ วิสัยทัศน์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสร้างสรรค์ แต่คือความสามารถในการตั้งคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาของเราและประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน” ความสำเร็จจากโชว์ครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมสำคัญราวกับปฏิกิริยาลูกโซ่แห่งความสร้างสรรค์ให้แก่วงการแฟชั่น เพราะเราได้เห็นวิถี “หยิบยืมอัตลักษณ์” ทำนองเดียวกันนี้ในแบรนด์อื่นๆ ตามมาทันที

แถลงการณ์ของอะเลสซานโดรตอกย้ำเรื่องราวตลอด 100 ปีผ่านมรดกตกทอดของงานดีไซน์และ “พลังของกุชชี่” เอง แล้วส่งไม้ต่อไปยังภาพยนตร์ House of Gucci ซึ่งออกฉายทั่วโลก นำแสดงโดย Lady Gaga นักร้องดีกรีออสการ์และ Adam Driver นัก-แสดงหนุ่มที่แจ้งเกิดจากไตรภาคสุดท้ายของ Star Wars อีกด้านหนึ่งนับตั้งแต่อะเลสซานโดรเข้ามารับตำแหน่ง เขาผลักดันพลังของกุชชี่ให้ผงาดขึ้นอีกครั้งในโลกของคนเจนแซด “คนรุ่นใหม่มองแบรนด์ในฐานะแพลตฟอร์ม หรือไม่ก็สถานที่ พวกเขาสร้างภาพลักษณ์ของกุชชี่ขึ้นเองด้วยหลากหลายวิธีการ แยกออกเป็นล้านๆ รูปแบบ” นี่เองทำให้อะเลสซานโดรเป็นมากกว่าดีไซเนอร์ที่ออกแบบเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ เขาสร้างวัฒนธรรมในแบบฉบับของกุชชี่ขึ้นมา ภาพยนตร์สั้นครั้งล่าสุดตอกย้ำประเด็นนี้ได้ดี

 

รันเวย์ขาวประดับด้วยกล้องถ่ายรูปโบราณกับไฟแฟลชนับร้อยจำลองมาจากงานพรมแดงของเหล่าซูเปอร์สตาร์ ถัดจากนั้นเหล่านางแบบก็เดินไปยังห้องมืด ก่อนจะเปิดประตูไปสู่ป่าแห่งจินตนาการที่เปรียบได้กับ “สนามเด็กเล่นที่เราทุกคนแบ่งปันพื้นที่กัน” เหล่าม้าสีขาวตัวแทนรากฐานของแบรนด์วิ่งออกมา คู่นกยูงเผือกและกระตั้วขาวสัตว์สำคัญที่ปรากฏโฉมในงานของอะเลสซานโดรอยู่บ่อยครั้ง เป็นตัวแทนของเจ้าตัวและแบรนด์กุชชี่ยุคใหม่ และกระเป๋าถือรูปหัวใจจำลองประดับคริสตัลลอยอยู่ในอากาศเป็นฉากปิดท้ายของโชว์ ราวกับบอกใบ้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ...ที่แบรนด์จะดำเนินต่อไปอีกหลายศตวรรษ

WATCH