FASHION

ถอดรหัสความสำเร็จของ BLACKPINK วงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!

BLACKPINK ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดและก้าวขึ้นเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ระดับโลก

     อัลบั้มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ถือเป็นใบเบิกทางให้ Jennie, Jisoo, Rosé และ Lisa เข้าสู่การเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จระดับโลก จากการเป็นอัลบั้มที่ทำลายสถิติการสตรีมมิง ไปจนถึงการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ตามแถวหน้าของแฟชั่นโชว์ต่างๆ เรามาวิเคราะห์ดูกันว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิร์ลกรุ๊ป 4 สาวนี้กลายเป็นหนึ่งในวงที่มิอิทธิพลที่สุดในวงการเพลงป๊อป

    BLACKPINK ใช้เวลา 4 ปีในการก้าวขึ้นมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมกับสมาชิกทั้งสี่ อย่าง Jennie, Jisoo, Rosé และ Lisa ที่ยังคงทำลายสถิติในวงการดนตรีและพาตัวเองไปในที่ๆ ไม่มีใครเคยไปมาก่อน พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแรกที่ได้ไปแสดงบนเวทีใหญ่ระดับ Coachella และมียอดวิวบน YouTube ถึง 1 พันล้านวิว และตอนนี้พวกเธอก็เป็นวงดนตรีที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบนแพลตฟอร์มนี้ แถมยังเป็นเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกไม่ว่าจะจากประเทศไหนในโลกที่ติดอันดับ Forbes Asia’s 30 Under 30

    ในปี 2019 พวกเธอทำลายสถิติ Guinness World Records ด้วยซิงเกิล “Kill This Love” ที่มียอดการฟังถึง 312 ล้านครั้งบน Spotify และยอดวิวกว่า 824 ล้านวิวบนยูทูบ ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยอดสตรีม ดาวน์โหลด วิว และผู้ติดตามทั้งหมดของสาวๆ ทั้ง 4 คน ในปีเดียวกันนั้นพวกเธอก็มีคอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จทางการเงินที่สุดในบรรดาเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีทั้งหมด พวกเธอปรากฎตัวตามฟรอนต์โรว์แฟชั่นโชว์แบรนด์ต่างๆ อย่าง Chanel, Puma, Louis Vuitton และ Dior ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากเพลงที่ปล่อยออกมาเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น มันเป็นไปได้อย่างไรกัน

 

เกิร์ลกรุ๊ปเลือดใหม่

หน้าปกเพลง Whistle

     ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในรอบ 7 ปีของค่าย YG Entertainment (ค่ายเพลงที่เป็นบ้านเกิดของตำนานเคป๊อป​อย่าง BIGBANG, 2NE1 และ Psy) ความตื่นเต้นที่สะสมมาก่อนถึงวันเดบิวต์ของ แบล็กพิงก์ ในเดือนสิงหาคมปี 2016 พุ่งสูงปรี๊ด เพราะตอนนั้นพวกเธอต้องเดินตามรอยเท้าของวงเกิร์ลกรุ๊ป 4 คนที่เคยเป็นที่รักอย่าง 2NE1 และทางค่ายก็หวังว่าแบล็กพิงก์จะสร้างชีวิตชีวาให้กับเพลงแนวอีดีเอ็ม-ป๊อป ซึ่งเป็นซาวน์ประจำวง เพลงเดบิวต์ของพวกเธอที่ชื่อ Square One ประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน การก่อตัวของเพลง “Whistle” และท่อนฮุคอันฮึกเหิมของเพลง “Boombayah” สื่อถึงการเปิดตัวที่กระชับแต่อหังการ

     ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 อัลบั้มที่สองของพวกเธอ Square Two ประกอบด้วยเพลงที่ดังเปรี้ยงอย่าง “Playing With Fire” เพลง “Whistle” และ “Stay” เวอร์ชั่นอคูสติกซึ่งเป็นแทรกที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีแนวคันทรี เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเธอให้อวดเสียงใสและฉีกภาพของความเป็น ‘girl crush’ (คอนเซปต์ในวงการเคป๊อปของวงที่มีรูปลักษณ์และซาวน์เพลงที่ร้อนแรงซึ่งเป็นที่นิยมประสบความสำเร็จไปทั่วโลก)

    ถึงแม้ว่าพวกเธอจะได้ชื่อว่าเป็น ‘2NE1 เวอร์ชั่นใหม่’ ในช่วงแรกๆ การได้ย้อนกลับไปดูพวกเธอเวลาปรากฏตัวตามวาไรตี้โชว์เกาหลีก็ทำให้เราเห็นเสน่ห์ในความวุ่นวายแบบน่ารัก และความตั้งใจในการสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของตัวเอง จีซูเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Kiss me และ Dior Beauty สาวแรปเปอร์อย่างเจนนี่เริ่มผลิตผลงานเดี่ยวและแตกแขนงตัวเองออกไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ผู้ทรงอิทธิพล โรเซ่สาวน้อยผู้เกิดในแดนกีวีและมีเสียงร้องอันเป็นเอกลักษ์ก็ได้ใช้เสียงเข้าไปสร้างสีสันให้เพลงฮิตของเพื่อนร่วมค่ายอย่างจี-ดรากอน ส่วนสาวแรปเปอร์สายเต้นสัญชาติไทยอย่างลิซ่าก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเคป๊อปสตาร์ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบนอินสตาแกรม

    ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทั้งสี่สาวเห็นคุณค่าของการอยู่รวมกันเพื่อความสมบูรณ์ของเคมีในกลุ่มซึ่งทำให้พวกเธอเป็นที่รักของคนนับล้าน  “ฉันไม่คิดว่าควรมีใครคนหนึ่งร้องเพลงหรือเต้นมากกว่าคนอื่นๆ ฉันคิดว่าแบลกพิงก์สมบูรณ์ได้ด้วยความกลมกลืนในพลังงานของพวกเราทุกคน” เจนนี่กล่าวกับโว้กเกาหลีเมื่อต้นปีนี้

 

เหล่า “BLINK” ทั่วโลก

เพลง DDDD อันโด่งดังของวง

    Avril เป็น Blink สาวน้อยวัย 16 ปีจากเปรูที่ติดตามแบล็กพิงก์มาตั้งแต่ปี 2018 “ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเธอทำให้ฉันกลายเป็นแฟนคลับตัวยงเลยค่ะ” เธอบอกกับโว้กผ่านทวิตเตอร์ “ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของพวกเธอ เพลง ท่าเต้น ความเป็นเพื่อนของพวกเธอ หรือแม้กระทั่งการแต่งตัว ทั้งหมดเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่เลย” ในขณะเดียวกัน McElvin แฟนคลับเคป๊อปวัย 22 ปีจากฟิลิปปินส์ที่​ชื่นชอบพวกเธอมาตั้งแต่ก่อนจะเดบิวต์ก็เล่าว่า “แบล็กพิงก์ เป็นวงที่มีเสน่ห์น่าติดตาม พวกเธอมีพรสวรรค์ ประกอบกับพลังงานที่วงเกิร์ลกรุ๊ปเคป๊อปพึงมีถูกหลอมรวมกันและแปรรูปออกมาเป็นแบล็กพิงก์ พวกเธอมีทุกอย่างครบสมบูรณ์มากสำหรับแฟนเพลงอย่างผม”

    ภาพของวงดนตรีเคป๊อปที่เป็นโลกเหนือความจริงสุดเนี้ยบนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย 3 ค่ายใหญ่ YG Entertainment, JYP Entertainment และ SM Entertainment แต่ละค่ายมีแนวทางที่ชัดเจน เอกลักษณ์ของค่าย YG คือทัศนศิลป์แนวแม็กซิมัล เสียงดนตรีที่ดุดันและหนักหน่วง ควรแก่การอยู่ในคลับ เพลงของ YG ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยนักแต่งเพลง/โปรดิวเซอร์ประจำค่ายอย่าง Teddy Park ซึ่งเป็นบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตติดหูที่สุดหลายเพลงในประวัติศาสตร์เคป๊อป ในปี 2018 ดวงดาวเหล่านี้ร้อยเรียงและรวมตัวกันออกมาเป็นเพลง “Ddu-du-ddu-du” (หรือเรียกสั้นๆ ว่า “DDDD”) ของแบล็กพิงก์

    Ally (นามสมมุติ) แฟนเพลงชาวสิงคโปร์วัย 19 ปีผู้ถือบัญชีแฟนแอคเคาต์ขนาดใหญ่ในทวิตเตอร์กล่าวว่าเพลง “DDDD” เป็น “เพลงที่ตีตลาดจนแตก” ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกิดมาจากทำนองที่ติดหู ท่ายิงปืนนิ้วที่ใครเห็นก็จำได้ทันที และเอ็มวีอันเปี่ยมด้วยสีสันวิบวับวะวับวาม ในขณะเดียวกันตัววง แบล็กพิงก์ เองก็เป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจแบบไม่สูงส่งเกินเอื้อม สวยอย่างร้ายกาจแต่ไม่ดุร้ายน่ากลัว ฆ่าทุกคนตายบนเวทีแต่น่ารักจิตใจดีเมื่ออยู่บนพื้นดิน สี่เพลงหลักของพวกเธอกำลังจะแตะสถิติใหม่ๆ Square Up กำลังจะขึ้นสู่ระดับแพลตทินัมในเกาหลี ส่วน “DDDD” กำลังขึ้นสู่โกล์ดในสหรัฐอเมริกา และเป็นเอ็มวีเพลงแรกของพวกเธอที่แตะยอด 1 พันล้านวิว ส่วน “Kill This Love” จะดันให้พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแรกที่เข้าสู่ชาร์ตซิงเกิลของประเทศอังกฤษ

 

ความน้อยแต่มาก!



WATCH




ภาพจากเพลง As If It’s Your Last

    ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับกลุ่มแฟนคลับที่ต่อตัวกันขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 เป็นเวลาถึงแปดเดือนก่อนที่ซิงเกิล “As If It’s Your Last” ถูกปล่อยออกมาในปี 2017 และจากนั้นพวกเขาก็ต้องรออีกหนึ่งปีเต็มก่อนที่ “Square Up”จะตามมา สมัยก่อนในยุคที่ยังมีวงเด่นๆ อยู่ไม่กี่วงที่โลดแล่นอยู่ในตลาดภายในประเทศเท่านั้น การปล่อยเพลงใหม่ปีละครั้งเป็นมาตรฐานปกติของเคป๊อป แต่ตอนนี้วงต่างๆ มักปล่อยเพลงกันปีละ 2-3 ครั้ง (เรียกกันว่าเป็นการ ‘คัมแบค’) เพื่อเป็นการขยายและรักษาฐานแฟนคลับเอาไว้ แต่ค่าย YG Entertainment ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายที่เก่าแก่ที่สุดในวงการเคป๊อปยังคงไว้ซึ่งการปล่อยน้อยแต่ต่อยหนักแบบนี้อย่างไม่แยแสต่อกระแสรอบข้าง

    ถ้าให้วิเคราะแบบแฟร์ๆ แผนการนี้มีสิทธิ์ที่จะล่มก็ได้ เนื่องจากมีกระแสวิจารณ์จากแฟนๆ อยู่เสมอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบแบบดั้งเดิมนี้ทำให้เกิดความต้องการงานคุณภาพระดับไฮเอนด์จากแฟนๆ ท่ามกลางการพยายามแข่งขันกันสร้างกระแส การทำแบบนี้ทำให้การคัมแบคทุกครั้งเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ส่งผลให้เกิดกระแสพลังการสตรีมมิ่งที่เข้มข้นจากแฟนๆ กลายเป็นอีเวนต์ที่พาดหัวทุกสำนักพิมพ์และพังทลายทุกตัวเลขในกราฟสถิติ

 

แขกระดับแถวหน้าของวงการแฟชั่น

4 สาวกับการเข้าร่วมแฟชั่นวีกในฐานะแขกคนสำคัญของ 4 แบรนด์ดังทั้ง Prada, Chanel, Saint Laurent และ Burberry

     แบล็กพิงก์ เข้าใจพลังของการรวมโลกของดนตรีและแฟชั่นเข้าด้วยกัน เช่นเดียวกับนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จหลายคน ความเข้าใจในเรื่องสไตล์ของพวกเธอส่งให้ แบล็กพิงก์ กลายเป็นเซเล็บที่ฮ็อตจนที่นั่งฟรอนต์โรว์แห่งปารีสแฟชั่นวีกต้องร้อนเป็นไฟ ในเดือนกันยายนปี 2019 จีซูแวะไปกรุงลอนดอนเพื่อไปดูรันเวย์ Burberry ส่วนโรเซ่ก็ไปปรากฏตัวให้ผู้คนตะลึงงันอยู่ที่โชว์ Saint Laurent (แถม Anthony Vaccarello ยังทาบทามให้เธอมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย) ในขณะเดียวกันเจนนี่ก็ปรากฏตัวข้างๆ Cardi B ที่โชว์ของ Chanel ซึ่งเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ด้วย

    เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ลิซ่าผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ Celine ของ Hedi Slimane เดินทางไปมิลานเพื่อร่วมชมแฟชั่นโชว์ฤดูหนาว 2020 ของ Prada ซึ่งก็มีกำลังในการขายอยู่แล้ว แต่นิตยสารหัวต่างๆ ออกมากล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาต้องสั่งพิมพ์เพิ่มจำนวนถึง 4 เท่าเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของเหล่าแฟนคลับเธอได้ บัตรคอนเสิร์ตของ แบล็กพิงก์ ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น เชื่อแน่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างวงนี้และแบรนด์แฟชั่นแถวหน้าของโลกต่างๆ จะคงอยู่และเติบโตเรื่อยๆ

 

แผนการเติบโตระดับโลก

ความเท่ๆ ของสาวๆ ในมิวสิกวิดีโอเพลง Kill This Love

     แบล็กพิงก์เซ็นต์สัญญากับค่ายสัญชาติอเมริกันอย่าง Interscope Records ช่วงปลายปี 2018 ซึ่งเป็นการลงเล่นในสนามอเมริกาอย่างเป็นทางการ ซึ่งตั้งแต่ Girl’s Generation เมื่อปี 2012 ก็ยังไม่มีเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีไหนที่ได้บุกตลาดอเมริกาอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามการแสดงบนเวที Coachella ซึ่งแม้จะเป็นโชว์ท่ามกลางผู้ชมที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเคป๊อปก็ผ่านไปได้อย่างสวยงามด้วยดนตรีที่เข้าถึงง่าย จากนั้นชื่อเสียงของแบล็กพิงก์ก็เบ่งบานในตลาดอเมริกาพร้อมกับคำวิจารณ์ที่ดีเลิศ จุดที่พีคมากที่สุดคือการเปิดตัวเพลง “Kill This Love” ซึ่งเป็นเพลงที่ชื่อเดียวกับอัลบัม

   

     “Kill This Love” เคยขึ้นไปถึง UK Top 40 และ US Top 50 แบล็กพิงก์และบีทีเอสกลายเป็นเพียงสองวงจากเกาหลีใต้ที่มีอิทธิพลต่อชาร์ตที่เข้าถึงยากเหล่านี้ แม้จะมีคนกลุ่มหนึ่งในโลกที่ต่อต้านเคป๊อปอยู่เสมอด้วยเหตุผลอย่างเช่นกำแพงภาษา แต่เป็นเวลานับสิบปีมาแล้วที่ผู้คนที่ไม่ใช่ผู้ใช้ภาษาเกาหลีรู้สึกเชื่อมโยงกับเพลงเคป๊อป และ แบล็กพิงก์ ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น “พวกเธอมีเพลงที่จะทำให้คุณรู้สึกหวั่นไหว หรือเพลงที่ทำให้คุณมั่นใจในตัวเองสุดๆ เต้นจนสะบัดความเศร้าทิ้งไปเลยก็ยังได้” แม็คเอลวิน กล่าวในขณะที่ ซานซิผู้เป็นบลิงก์ชาวฝรั่งเศสวัย 18 ปี บรรยายถึงเพลงของพวกเธอผ่านอีเมลล์ว่า “เป็นการหลอมรวมกันที่ลงตัวระหว่างความเศร้าและความสุข พลังงานบวกของพวกเธอแข็งแกร่งมาก”

    นานๆ ทีสาวๆ แต่ละคนจะมีเวลาว่าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงที่มีอะไรจะต้องโปรโมทก็ตาม แต่เมื่อมีเวลาพวกเธอก็มักจะหันหาอินสตาแกรมเพื่อสื่อสารกับผู้ติดตามรวมกันกว่า 128 ล้านคน (รวมถึงคนที่ติดตามทางบัญชีหลักของ​แบล็กพิงก์ด้วย)​ และพุ่งความสนใจไปที่การสร้างสถานะเซเลบริตี้แถวหน้าด้วยความเป็นไอคอนทางแฟชั่น (เช่นการที่เจนนี่เพิ่งร่วมงานกับแบรนด์แว่นตาหรูอย่าง Gentle Monster) การเป็นต้นแบบให้กับอุตสาหกรรมดนตรี และการเป็นราชินีไวรัลโดยอุบัติเหตุ (เช่นการปรากฏตัวของลิซ่าในรายการแข่งเอาตัวรอดอย่าง Youth With You และวิดีโอการแสดงของเธอที่กลายเป็นมีม ‘Did it work?’)

 

ผลงานเพลงใหม่

Lady Gaga ศิลปินคนล่าสุดที่จะร่วมงานกับ 4 สาว

    เป็นเวลา 1 ปีแล้วหลังจากที่อัลบั้มที่แล้วถูกปล่อย การรอคอยกำลังจะสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้ นอกจากนี้สี่สาวยังมีการร่วมงานกับ Lady Gaga ในเพลง Sour Candy ที่จะอยู่ในอัลบั้มใหม่นามว่า Chromatica รวมถึงในเดือนมิถุนายนแบล็กพิงก์ก็จะมีการปล่อยผลงานใหม่ของตัวเองด้วย เหล่า Blink ตื่นเต้นกันมาก “พวกเธอไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ” เอวริลกล่าว “พวกเธอกำลังเติบโตขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และหนูภูมิใจในตัวพวกเธอมากๆ คู่ควรแล้วจริงๆ ค่ะ” แน่นอนว่าผลงานใหม่ของพวกเธอจะประสบความสำเร็จ เพราะ ณ จุดนี้พวกเธอทั้งสี่มีแต่ขาขึ้นกับขาขึ้นเท่านั้น

    คำถามที่น่าสนใจคือความสำเร็จที่ว่านี้จะมีหน้าตาแบบไหนกัน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าถึงจุดหนึ่งพวกเธอจะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเคป๊อปกลุ่มแรกที่ตีตลาดตะวันตกจนสำเร็จอย่างเป็นที่ประจักษ์ โอกาสนี้มันถูกหยิบยื่นให้พวกเธอแล้ว หากเพียงว่าความสำเร็จนี้จะต้องถูกแปลงเป็นเม็ดเงินผ่านกลยุทธ์แบบเดิมที่ถูกวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนใหม่ ถึงเวลาแล้วที่แบล็กพิงก์จะปฏิวัติ!

 

แบล็กพิงก์จะปล่อยอัลบั้มใหม่ในเดือนมิถุนายนนี้

 

เรื่อง: Taylor Grasby 

แปล: วรดา เอลสโตว์

เรียบเรียง: นาทนาม ไวยหงษ์

WATCH

คีย์เวิร์ด: #BLACKPINK