การซื้อนาฬิกาข้อมือเรือนแรกเป็นเหมือนการเริ่มต้นสร้างรสนิยมส่วนตัวอย่างหนึ่ง เพราะนาฬิกาไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่ยังสะท้อนสไตล์ ความคิด และบุคลิกของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน การเลือกนาฬิกาเรือนแรกจึงควรพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อให้ได้เรือนที่คุ้มค่าทั้งในแง่การใช้งาน ความทนทาน และดีไซน์ที่สามารถใส่ได้ยาวนานโดยไม่ตกเทรนด์ ในบทความนี้ โว้กรวม 6 วิธีที่จะช่วยให้สามารถเลือกนาฬิกาข้อมือเรือนแรกได้อย่างชาญฉลาดและไม่ผิดหวัง
-
เริ่มจากไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลัก
ก่อนจะดูแบรนด์หรือดีไซน์ ควรถามตัวเองก่อนว่าเราซื้อนาฬิกามาใส่ในโอกาสแบบไหน? หากต้องการนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวัน ควรมองหาดีไซน์เรียบง่าย คลาสสิก เช่น หน้าปัดกลม สายหนังหรือสายสเตนเลสสีสุภาพ ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งทำงานและวันหยุด แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬา นาฬิกาสปอร์ตหรือสมาร์ทวอทช์ที่มีฟังก์ชันกันน้ำ วัดการเต้นหัวใจ และบันทึกกิจกรรมก็จะตอบโจทย์กว่า การเริ่มจากสำรวจความต้องการของเราจะช่วยให้ไม่เผลอซื้อนาฬิกาที่ดูสวยแต่ไม่เข้ากับชีวิตประจำวันได้
-
เลือกกลไกที่เหมาะกับการใช้งาน
กลไกของนาฬิกาคือหัวใจหลักที่กำหนดทั้งราคาและวิธีดูแล เช่น Quartz (ควอตซ์) ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เด่นเรื่องความเที่ยงตรง ราคาย่อมเยา และไม่ต้องดูแลมาก เหมาะกับคนที่อยากได้ความสะดวกสบาย หรือ Automatic จะใช้พลังงานจากการเคลื่อนไหวของข้อมือ ให้ความรู้สึกคลาสสิกและมีเสน่ห์ของงานช่างนาฬิกา เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นเครื่องประดับเชิงศิลป์ แต่ต้องดูแลบ้าง เช่น การไขลานหรือเก็บใน Watch Box ที่หมุนอัตโนมัติ หากเป็นเรือนแรก หลายคนมักเริ่มจาก Quartz ก่อน เพราะใช้งานง่ายและราคาคุ้มกว่า แต่หากหลงใหลในความละเอียดของกลไก การเลือก Automatic ดีๆ สักเรือนก็ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าฃ

ภาพ: Photo by Anthony DeRosa from Pexels
-
วัสดุของตัวเรือนและสาย
จุดที่บอกความทนทานวัสดุเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทั้งต่อความสวยและอายุการใช้งาน เริ่มจาก สเตนเลสสตีล (Stainless Steel) คือทางเลือกยอดนิยม แข็งแรง ทนสนิม ดูดีได้ในทุกโอกาส, ไทเทเนียม (Titanium) น้ำหนักเบา ไม่แพ้ และทนทานกว่าสเตนเลส แต่ราคาจะสูงกว่า, สายหนังแท้ (Genuine Leather) ให้ความคลาสสิกและหรู แต่ต้องดูแลไม่ให้โดนน้ำหรือเหงื่อบ่อย และสายยางหรือซิลิโคน เหมาะกับสายสปอร์ต เพราะกันน้ำและดูแลง่าย โดยนาฬิกาที่ดีควรมีกระจกหน้าปัดแบบ Sapphire Crystal ซึ่งกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่ากระจกทั่วไป ถ้าอยากให้นาฬิกาเรือนแรกอยู่กับเราได้หลายปี นี่คือจุดที่ไม่ควรมองข้าม
-
ดีไซน์เรียบ ใส่ง่ายทุกยุค
เพราะเทรนด์แฟชั่นเปลี่ยนไปตลอดเวลา นาฬิกาเรือนแรกจึงควรเลือกดีไซน์ที่ไม่ตกยุค เช่น หน้าปัดเรียบ สีเงิน ดำ หรือทองอ่อน ซึ่งเข้ากับเสื้อผ้าได้แทบทุกสไตล์ หลีกเลี่ยงลวดลายหรือสีที่ฉูดฉาดเกินไป เพราะแม้จะดูโดดเด่นช่วงแรก แต่อาจเบื่อได้ง่าย นาฬิกาเรือนที่ดีควรเป็นแบบที่ใส่ได้ทุกวันโดยไม่รู้สึกจำเจ เคล็ดลับเล็กๆ คือ เลือกเรือนที่มีขนาดพอดีกับข้อมือ สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 28–34 มิลลิเมตร จะดูสมดุลและเรียบหรูพอดี
-
ตั้งงบให้เหมาะและมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว
การซื้อนาฬิกาข้อมือไม่ใช่เพียงการจับจ่ายเพื่อแฟชั่น แต่ถือเป็นการลงทุนในสไตล์ของตัวเอง นาฬิกาที่ดีสามารถอยู่กับเราได้หลายปี หรือแม้กระทั่งส่งต่อให้คนรุ่นถัดไปได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ กำหนดงบประมาณที่สอดคล้องกับรายได้และความตั้งใจในการใช้งาน เช่น ถ้าเป็นเรือนแรกสำหรับใส่ในชีวิตประจำวัน อาจตั้งงบไว้ในระดับกลางประมาณ 5,000-20,000 บาท ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น Seiko, Citizen, Casio Edifice, Orient, Tissot, Hamilton หรือแม้แต่แบรนด์แฟชั่นบางค่าย เช่น Daniel Wellington, Fossil, Skagen ก็มีรุ่นที่คุณภาพดีและราคาเหมาะสม อย่าลืมว่าราคาสูงไม่ได้แปลว่าคุ้มค่าเสมอไป ให้ดูภาพรวมทั้งในแง่ความทนทาน วัสดุ การรับประกัน และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

ภาพ: Photo by lil artsy from Pexels
-
อย่าลืมดูเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขาย
ต่อให้เลือกนาฬิกาที่ดีแค่ไหนบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนาฬิกาคืออุปกรณ์ที่มีชิ้นส่วนละเอียด ต้องการการดูแลอย่างถูกวิธีในระยะยาว ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ร้านค้าหรือแบรนด์นั้นเป็น ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorized Dealer) เพื่อรับประกันของแท้ มีใบรับประกัน (Warranty Card) ระบุรุ่น หมายเลขซีเรียล และวันที่ซื้อครบถ้วน รวมถึงมีศูนย์บริการหรือร้านซ่อมที่ได้มาตรฐานในประเทศ เพื่อความสะดวกเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซ่อมกลไก หรือขัดตัวเรือน นอกจากนี้ควรสอบถามเรื่องระยะเวลาการรับประกัน ซึ่งโดยทั่วไปนาฬิกาแบรนด์ดีจะรับประกัน 1–2 ปี หรือบางแบรนด์ระดับพรีเมียมอาจให้ถึง 5 ปี





