กลายเป็นอีกหนึ่งภาพถ่ายไวรัลที่ต้องถูกจดจำไปอีกนานบนหน้าประวัติศาสตร์โลกฮอลลีวู้ด สำหรับภาพถ่ายระหว่าง Selena Gomez และ Hailey Bieber ที่งาน Academy Museum Gala ครั้งที่ 2 ของพิพิธภัณฑ์ Academy Museum of Motion Pictures ที่นอกจากจะกลายเป็นไวรัลให้เหล่าแฟนคลับได้แชร์กันจนอินเทอร์เน็ตแตกแล้ว ยังเป็นการประกาศสยบข่าวดราม่าระหว่างผู้หญิงสองคนเกี่ยวกับประเด็นของ Justin Bieber ที่มีมาอย่างเนิ่นนาน ชนิดที่ว่านักเต้าข่าวต้องอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน

 

     แม้ว่าฉากหน้าของภาพถ่ายดังกล่าวจะถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างว่อนโลกโซเชียลมีเดียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าเบื้องหลังของภาพนี้กลับเรียบง่ายกว่าที่ใครคิด กระทั่งที่เซเลนา โกเมซ เอง ยังให้สัมภาษณ์เอาไว้กับสื่อ Vulture ว่า “ใช่ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลายเป็นประเด็นด้วยซ้ำ” ซึ่งก่อนหน้านี้ เฮลีย์ บีเบอร์ ภรรยาสุดที่รักของ จัสติน บีเบอร์ ก็ยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Call Her Daddy เพื่อปฏิเสธข่าวลือไม่กินเส้นกันระหว่างเธอกับเซเลนามาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่ทั้งคู่ถูกจับโยงจากความสัมพันธ์กับหนุ่มจัสติน ในฐานะแฟนเก่าของเซเลนา และในฐานะรักปัจจุบันของเฮลีย์ ซึ่งตัวของเฮลีย์เองได้เล่าว่า หลังงานแต่งงานของเธอ เธอมีโอกาสได้คุยกับเซเลนาเป็นการส่วนตัว  และเคลียร์ดราม่าทุกอย่างแล้วเรียบร้อย

     ตอนนี้สำหรับในฝั่งของศิลปินสาว เซเลนา โกเมซ ก็ดูเหมือนว่ากำลังจะไปได้ดีกับสารคดีเรื่องใหม่อย่าง ‘My Mind & Me’ สารคดีที่บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเธอทุกซอกมุมท่ามกลางแสงสปอตไลต์สุดเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพจิตของเธอ บทบาททางสังคม เรื่อยไปจนถึงประเด็นที่หลายคนตั้งตารอฟังอย่าง ความสัมพันธ์กับแฟนเก่า จัสติน บีเบอร์ ที่ยังคงถูกพูดถึงอยู่จนทุกวันนี้

     ในสารคดีชีวิตเรื่องดังกล่าวได้นำเสนอบางช่วงตอนที่พูดถึงเพลง ‘Lose You to Love Me’ เพลงที่ประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในความเศร้า เซเลนาเปิดเผยว่าเพลงดังกล่าวใช้เวลาแต่งเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น ซึ่งเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์กับคนรักเก่า ที่แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยถึงจัสติน ทว่าเหล่าแฟนคลับก็พอจะคาดเดากันได้ว่าเธอหมายถึงใคร โดยเธอยังได้เล่าย้อนกลับไปถึงความรู้สึกในช่วงเวลานั้นด้วยว่า “ความสัมพันธ์ครั้งนั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะไปเสียหมด ฉันก็เลยรู้สึกว่าถูกหลอกหลอนโดยความสัมพันธ์ในอดีตที่มีไม่ใครอยากจะปล่อยวางจากมัน แล้วฉันก็สามารถข้ามผ่านมันมาได้ และไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องข้ามผ่านช่วงเวลาอกหักที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้ได้ ฉันก็แค่ต้องปล่อยมือ แล้วลืมทุกอย่าง ฉันยอมรับว่าในเวลานั้นมันเป็นเรื่องที่น่าสับสน แต่ฉันแค่คิดว่ามันก็ต้องเกิดขึ้นสักวัน และในท้ายที่สุด มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของฉันไปโดยปริยาย”