มากกว่าหน้าตาที่สะสวยคือความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจของครอบครัวให้เจริญก้าวหน้าต่อไปด้วยวิสัยทัศน์ที่ทันสมัยของพลอยชมพู อัมพุช ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งเครือ The Mall Group

ผู้หญิงหน้าตาสวยคมคนนี้ดูเผินๆ อาจคิดว่าเป็นเซเลบริตี้สาวที่ชอบและสนุกกับการออกงานสังคม แต่เมื่อได้ลองพูดคุยกับพลอยชมพูแล้วเรารู้สึกทึ่งที่ทุกความคิดและการกระทำเธอนึกถึงงานและหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่เสมอ “ตอนนี้ชมพูเป็นผู้จัดการแผนก Business Development-Creative Retail Development ที่เดอะมอลล์กรุ๊ปค่ะ คอยดูแลแผนพัฒนาหน่วยธุรกิจต่างๆ แต่ที่ทำอย่างเต็มตัวจริงๆ คือโครงการ The Escape ตรงนี้แหละค่ะ” พลอยชมพูอธิบายเรื่องราวการทำงานของเธอให้ฟัง “เริ่มที่อาแอ๊ว (ศุภลักษณ์ อัมพุช) มีไอเดียว่าอยากได้พื้นที่ส่วนหนึ่งมาทำให้คนหลุดจากความเครียด แล้วก็ใช้เวลาอยู่ในห้างของเรานานขึ้น เลยเป็นที่มาของร้านอาหารแล้วก็โอเพ่นแอร์บาร์อย่างที่เห็นนี้แหละค่ะ”

ด้วยคอนเซปต์ที่ว่าอยากให้ที่แห่งนี้เป็น The Secret Sukhumvit Sanctuary ของชาวกรุงเทพฯ ทำให้พลอยชมพูและทีมงานใส่ใจในรายละเอียดของบรรยากาศและการให้บริการควบคู่ไปกับคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่ม “การตกแต่งเราตั้งโจทย์ไว้ว่าที่นี่เป็นเหมือนพื้นที่เล็กๆ สำหรับเก็บของสะสมของผู้หญิงที่รักการเดินทางคนหนึ่ง คือมันมีดีเทลจากหลากหลายที่มามาก อย่างขาเก้าอี้ก็จะเป็นขาที่ไม่เหมือนกัน เป็นเฟอร์นิเจอร์สั่งทำหมด มองไปอาจเห็นปลอกหมอนลายผ้าไหมดูเอเชียหน่อย ตะกร้าถักแบบแอฟริกา ผนังพิมพ์ลายแบบฮาวาย หรือขวดแก้วใส่เปลือกหอย ซึ่งทุกอย่างมาจากต่างที่มาแต่ก็เข้ากันได้ที่นี่” หลังสำเร็จการศึกษาจาก University of Brighton ด้าน Management with Marketing จากประเทศอังกฤษพลอยชมพูก็เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัวแทบจะทันที

“ชมพูเริ่มทำงานมา 4 ปีแล้วค่ะ ตรง The Escape นี้ก็ทำตั้งแต่ช่วยเรื่องคอนเซปต์ งานก่อสร้าง งานวางระบบ ไปจนถึงดีเทลการตกแต่งและการให้บริการ ชมพูมองว่าสมัยนี้เทรนด์เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ตัวอย่างเช่น คนเริ่มหันไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวกกว่า รวดเร็วกว่า แล้วก็ประหยัดกว่า การสื่อสารกับลูกค้าผ่านระบบดิจิทัลจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ มันไม่ใช่แค่การทำการตลาดหรือประชาสัมพันธ์ให้คนหมู่มากรู้จัก แต่เป็นการเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของลูกค้าเพื่อเอามาปรับใช้ อย่างที่ The Escape ชมพูมองว่า Digital Personalised  Marketing เป็นหัวใจหลัก คือสมัยนี้ลูกค้าให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากยิ่งกว่าตัวสินค้า การดูแลลูกค้าให้รู้สึกว่าเป็นคนพิเศษตลอดเวลานั้นจึงต้องอาศัยหลากหลายช่องทาง ยกตัวอย่างเช่น การจำชื่อลูกค้า จำเมนูที่ลูกค้าเคยสั่งได้ หรือการส่งข้อความอวยพรในวันเกิด น้ำเสียง การพูดจา ทุกอย่างต้องเป็นไปในทางเดียวกัน คือมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า นอกจากนั้นทุกวันนี้ลูกค้ายังมีตัวเลือกในตลาดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะการซื้อของออนไลน์ ซึ่งในฐานะคนทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพราะทำให้คนมาเดินห้างน้อยลง ดังนั้นเราต้องดึงเอาประสบการณ์หลายๆ อย่างที่หาไม่ได้จากที่อื่นมาไว้ในห้าง เหมือนกับไอเดียเริ่มต้นของอาแอ๊วที่บอกว่าทำอย่างไรให้คนมาใช้เวลาอยู่กับห้างของเรามากขึ้น”

โดยส่วนตัวนอกจากทำงานแล้วพลอยชมพูก็ใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในห้างทั้งสอง (Emporium, Emquartier) เธอจึงถือโอกาสมาแบ่งปันร้านโปรดที่เข้ากับสไตล์ของเธอ “The Atelier ฝั่งเอ็มโพเรียมจะเป็นที่ที่ชมพูไปเลือกซื้อเสื้อผ้าบ่อยที่สุด เพราะมีแบรนด์ที่หายากจากหลายที่อย่าง Zimmermann เป็นแบรนด์ที่ชอบมาก มาจากออสเตรเลีย Rochas จากฝรั่งเศส หรือแบรนด์จากเกาหลีกับญี่ปุ่นก็มีให้ซื้อเหมือนกัน ส่วนฝั่งเอ็มควอเทียร์ชอบไปเดินที่ Another Story ชั้น 3 ตรงนั้นมันจะออกแนวไลฟ์สไตล์มีของจุ๊กจิ๊ก เครื่องเขียนหรืออะไรน่ารักๆ ให้ติดไม้ติดมือกลับมาตลอด”

มาถึงเรื่องการแต่งตัว สาววัย 20 กว่าคนนี้มีสไตล์ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ามุมมองในการทำงานของเธอเลย “ชมพูมีคำจำกัดความในการแต่งตัวอยู่ 3 คำคือ Sophisticate, Playful, Timeless คือชุดทำงานทุกวันต้องมาพร้อมกับความคล่องตัวแบบเรียบง่ายแต่มีดีเทลสนุกๆ หรือน่าสนใจผ่านกระเป๋าและรองเท้า ชมพูชอบการมิกแอนด์แมตช์เสื้อกับท่อนล่าง ไม่ชอบเดรสเพราะใส่แค่ครั้งสองครั้งคนก็จำได้แล้ว คือในตู้เสื้อผ้าเสื้อจะเยอะที่สุดแล้วก็เป็นสีขาว เทา ดำ และเอิร์ทโทนเป็นส่วนใหญ่เพราะรู้สึกว่าใส่ง่ายแล้วก็เป็นสีที่ดูสุภาพ ชมพูจะให้ความสำคัญกับการเลือกชุดให้เหมาะกับคนที่ไปเจอ อย่างเจอผู้ใหญ่ต้องเรียบร้อยใส่แจ็กเกต ถ้าไปเจอกลุ่มเพื่อนที่แต่งตัวหน่อยเราก็ต้องจัดเต็มด้วยไม่ให้น้อยหน้า แต่ก็ยังต้องคงความเป็นตัวเราอยู่นะคะ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าเราจะได้เจอใครหรือในวันนั้นมีกิจกรรมหลายอย่างมาก เสื้อสีขาว กางเกงยีนส์ กับรองเท้าส้นสูงสวยๆ แล้วแต่งหน้าทำผมให้ครบหน่อยคือชุดกันพลาดที่ชมพูจะเลือกใส่ค่ะ” ของอีกหนึ่งชิ้นที่เธอบอกว่ายอมควักกระเป๋าจ่ายคือรองเท้าสวยๆ “ชมพูชอบรองเท้ามาก มีประมาณ 50 กว่าคู่ ทุกคู่คือคู่โปรด ที่ชอบมากที่สุดคือ Roger Vivier ชอบดีไซน์ อย่างรองเท้าแตะของเขาใส่ออกมาแล้วก็ดูไม่น้อยเกินไปเพราะมีคริสตัล แต่ก็มีความชิลอยู่เพราะเป็นรองเท้าแตะ เวลาซื้อชมพูก็จะอาศัยเดินไปดูตรงวินโดว์ว่ามีอะไรมาใหม่บ้าง บางทีพี่ๆ พนักงานที่ร้านก็ช่วยส่งข่าวแนะนำว่ามีอะไรที่เหมาะกับเราบ้าง ส่วนกระเป๋าชอบอะไรที่ดูเรียบๆ หน่อยอย่างของ Loewe, Céline เพราะใบใหญ่ใส่ของได้เยอะ แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้ถือ ชอบเป็นเครื่องประดับแทน ตอนนี้ชอบสร้อยโช้กเกอร์ของ Dior แล้วก็แว่นกันแดดที่เลนส์เล็กๆ หน่อยทันสมัยดีค่ะ”

แล้ววิธีการดูแลตัวเองทั้งเรื่องสุขภาพและความงามล่ะ “เรื่องผิวชมพูดูแลแบบปกติเลย ล้างหน้า เซรั่ม เดย์ครีม ไนต์ครีม กันแดด แต่จะเลือกแบรนด์ที่เข้ากับผิวเราจริงๆ อย่าง La Prairie และ 111SKIN แล้วก็กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยใช้หลักกินตามกรุ๊ปเลือด อย่างกรุ๊ปเลือดเอบีเหมาะกับการกินปลาแล้วก็ผักสลัดกับผลไม้ต่างๆ จะพยายามกินแบบนี้ตลอดในวันทำงาน ส่วนศุกร์-เสาร์ค่อยตามใจตัวเองไปกินของที่ตัวเองอยาก” อีกหนึ่งความถนัดของพลอยชมพูที่ทำให้เราประหลาดใจไม่น้อยก็คือการแต่งหน้า “เมื่อก่อนจะไปงานก็ต้องให้คนแต่งหน้าให้ แต่หลังๆ มาขอให้พี่เขาสอนเทคนิคแล้วแอบจำ แอบซื้อเครื่องสำอางแบบที่เขาใช้ จนพอแต่งเองได้ทั้งวันทำงานและเวลาไปอีเวนต์ ประหยัดเวลาแล้วก็ลดขั้นตอนไปพอสมควร เพราะทุกวันนี้งานเยอะมากจนเวลาว่างน้อยลงกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แต่ถ้ามีช่วงว่างก็จะออกไปนั่งตามคาเฟ่หรือร้านอาหาร ไปสังเกตดูว่าเขาทำอะไรไปถึงไหนกันแล้ว เพราะงานของเราที่ The Escape เป็นไลน์ Food and Beverage ร้านแรกในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ทุกอย่างมีดีเทลเยอะมาก ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ แต่ในอนาคตเรามองว่าเรามีทั้งพื้นที่และสิ่งก่อสร้างของเราอยู่แล้ว การต่อยอดธุรกิจในส่วนนี้จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากทีเดียว” นักธุรกิจสาวสวยจบบทสนทนาพร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความภูมิใจกับเส้นทางการทำงานที่เธอเลือกเดิน - ตะวัน ก้อนแก้ว

บรรณาธิการแฟชั่น: จงกล พลาฤทธิ์

ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช

เรียบเรียงบนดิจิทัล: ปภัสรา นัฏสถาพร

ช่างภาพวิดีโอ: ฐิตินนท์ วงศ์ใหญ่

ตัดต่อ: อรุณโนต เอื้อเฟื้อ

สถานที่: The Escape ชั้น 5 ดิ เอ็มควอเทียร์