ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี
CELEBRITY

'ไบร์ท-วชิรวิชญ์' จากนักแสดงซีรี่ส์ Y ถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ Burberry ที่ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

เกือบ 10 ปีที่ 'ไบร์ท-วชิรวิชญ์' โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ทั้งในบทบาทของพิธีกร นักแสดง และศิลปิน ทุกอย่างที่ทำให้เขาเดินทางมายืนในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือโชคช่วย แต่คือความสามารถของผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยยอมแพ้

     เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2022 แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษสุดโด่งดังอย่าง Burberry ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าแฟนคลับของ ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ ด้วยการแต่งตั้งให้หนุ่มไบร์ทขึ้นเป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้ หลังจากที่แบรนด์ระดับโลกและศิลปินหนุ่มชื่อดังคนนี้ร่วมงานกันมาหลายแคมเปญ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จของเด็กหนุ่มวัย 25 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะความมุมานะ บากบั่น และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้ามาในวงการจนถึงวินาทีนี้

     (ตามไปอ่านเรื่องราวการแต่งตั้งให้ ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ Burberry แบบเต็มๆ ได้ที่ https://www.vogue.co.th/fashion/article/bright-vachirawit-biography)

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี

     ย้อนกลับไปในปี 2013 หรือเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว เด็กชายวัย 16 ปีนามว่า ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี' ปรากฏตัวทางหน้าจอโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในฐานะของหนึ่งในพิธีกรรายการ สตอเบอร์รี่ครับเค้ก ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น ความขี้เล่นแบบเด็กผู้ชาย และบุคลิกเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ไบร์ทกลายเป็นหนึ่งในพิธีกรที่มีคนจดจำได้มากที่สุด กระทั่งในปี 2019 ที่ไบร์ทให้มาเซ็นสัญญาเป็นหนึ่งในนักแสดงศิลปินภายใต้หลังคาของค่าย GMM Grammy ก็ทำให้เราได้เห็นผลงานการเป็นพิธีกรและผลงานการแสดงของหนุ่มคนนี้ควบคู่กันไปมากขึ้น หนึ่งในรายการเด่นที่ทำให้ไบร์ทเป็นที่รู้จักและยังคงถูกจดจำมาจนถึงทุกวันนี้คงต้องยกให้กับรายการ โตแล้ว (ทั้ง 2 ซีซั่น) รายการท่องเที่ยวของกลุ่มเด็กหนุ่มที่สะท้อนภาพความห่าม ความกล้าได้กล้าเสีย พร้อมสร้างเสียงหัวเราะ และคลายเครียดให้กับผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด โดยในรายการนี้ไบร์ทยังได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี และ เฟย-ภัทร เอกแสงกุล ที่ผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อนและพี่ที่สนิทกันจนทุกวันนี้

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี

     นอกจากงานพิธีกรที่เป็นดั่งผลงานแจ้งเกิดของเด็กหนุ่มเชื้อสายอเมริกัน-จีนคนนี้แล้ว ในด้านของงานแสดงนั้น ไบร์ทก็นับเป็นนักแสดงมากความสามารถอีกหนึ่งคนที่มีฝีมือเข้าขั้นหาตัวจับได้ยาก ไฮไลต์สำคัญบนเส้นทางสายการแสดงของไบร์ทนั้น เขาได้รับบทเป็นทั้งตัวละครหลักและตัวละครรองสลับกันไปมา ในปี 2018 ไบร์ทปรากฏตัวในซีรี่ส์ชุด Love Song Love Series ตอนเราและนาย ที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ในระดับหนึ่ง ก่อนที่เขาจะตอกย้ำฝีมือทางการแสดงของเขาอีกครั้งในฐานะตัวแสดงหลักในซีรี่ส์ชุด Love Song Love Series ตอนจะรักหรือจะร้าย ตามมาด้วยละครเรื่อง ก่อนอรุณจะรุ่ง ในปี 2019 ที่ไบร์ททำให้ใครหลายคนต้องเซอร์ไพรส์กับพัฒนาการทางการแสดงของเขาแบบก้าวกระโดด ในบทบาทของ อโณทัย จนทำให้หลายคนต้องจับตามองเด็กหนุ่มคนนี้ทันที

     กระนั้นก็ใช่ว่าการรับบทเป็นตัวละครรองของไบร์ทจะไม่ถูกพูดถึง เพราะมีละครหลายเรื่องที่แม้ว่าเขาคนนี้จะรับบทเป็นตัวละครรอง ทว่ากลับถูกพูดถึงอย่างหนาหูไม่ต่างจากบทบาทของตัวละครหลัก ไม่ว่าจะเป็น Social Death Vote, ยุทธการปราบนางมาร และแน่นอนกับ My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ในบทบาทของหมอเป้ง (ช่วงวัยรุ่น) ที่นอกจากซีรี่ส์เรื่องนี้จะดังเป็นพลุแตกแล้ว ไบร์ทก็คือหนึ่งในตัวละครที่ถูกพูดถึงไม่แพ้ตัวละครหลักอื่นๆ เช่นกัน



WATCH




ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี

     อย่างไรก็ตาม โว้กก็ไม่อาจพูดถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตในวงการบันเทิงของไบร์ทได้ หากโว้กไม่ได้พูดถึงผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซที่เปลี่ยนชีวิตผู้ชายคนนี้ไปตลอดกาลอย่าง เพราะเราคู่กัน 2gether The Series จุดเริ่มต้นที่ทำให้สปอตไลต์ของวงการแห่งนี้ส่องไปหาผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์’ จนถึงตอนนี้

     จริงอยู่ที่ซีรี่ส์เรื่อง เพราะเราคู่กัน 2gether The Series ซึ่งเป็นผลงานซีรี่ส์ Y ของค่าย GMM Grammy นั้นดังได้เพราะอยู่ในห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมซีรี่ส์ Y ของไทยกำลังสุกงอมอย่างเต็มที่ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยนั่นคือ ฝีมือทางการแสดงของ #ไบร์ทวิน ที่ถึงขั้น และเสน่ห์อันเหลือร้ายของทั้งคู่ ขนาดที่สามารถสร้างจักรวาลคั่นกูขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน พร้อมด้วยภาคต่ออย่าง เพราะเรา(ยัง)คู่กัน Still 2gether และ เพราะเราคู่กัน The Movie ที่เป็นดั่งหลักฐานยืนยันถึงความสำเร็จสูงสุดของทีมงานซีรี่ส์เรื่องนี้ ซีรี่ส์ Y เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้ทั้งไบร์ทและวินกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยในชั่วข้ามคืนเท่านั้น แต่ยังทำให้ชีวิตทางการแสดงของไบร์ทโด่งดังไปไกลในต่างแดนในอีกหลายประเทศทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ไบร์ทกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมบันเทิงนานาชาติ และอุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ ที่เริ่มเรียกใช้หนุ่มรูปร่างดีคนนี้ถี่ขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการก้าวขึ้นมารับบทนำในซีรี่ส์เรื่อง F4 Thailand: หัวใจรักสี่ดวง เวอร์ชั่นไทย หรือละครเรื่อง คืนนับดาว ที่ประกบคู่กับนางเอกแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ก็ยิ่งตอกย้ำทำให้ภาพลักษณ์ของไบร์ทชัดเจนมากขึ้นในสายทางของวงการแฟชั่น จนกลายเป็นหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์สายแฟ(ชั่น) ไปในที่สุด

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี

     จากสายงานด้านการแสดง เปิดโอกาสให้ไบร์ทซึ่งมีความรักและหลงใหลในการร้องเพลงและดนตรีเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร (เนื่องจากครอบครัวของเขาเปิดโรงเรียนสอนดนตรี) นั้น ได้มีโอกาสจับไมค์ร้องเพลงอย่างจริงจัง เริ่มจากการร้องเพลงประกอบซีรี่ส์ของตัวเองในชื่อเพลง คั่นกู และ ยังคู่กัน ที่ตอนนี้มียอดวิวเกิน 30 ล้านวิวไปไกลแล้วทั้งคู่ ทว่าความโด่งดังของเพลงเหล่านั้นก็ไม่ใช่ได้มาเพราะกระแสติดลมบนของซีรี่ส์เท่านั้น หากด้วยความสามารถทางด้านการร้องเพลงของไบร์ทที่เข้าขั้นนักร้องฝีมือดี และการถ่ายทอดอารมณ์ของบทเพลงนั้นๆ ออกมาได้อย่างกลมกล่อม ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองซิงเกิ้ลดังเป็นพลุแตกที่ใครก็ฮัมตามกันได้ทั้งนั้น

 

     นอกจากเพลงประกอบซีรี่ส์ที่ประสบความสำเร็จเกินคาดคิดแล้ว ไบร์ทยังมีผลงานเพลงอีกมากมาย ที่เขาได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพลง Move ไปไหน (Unmovable) จากโปรเจกต์ Boys Don’t Cry, เพลง Sad Movie ที่ไบร์ทร่วมร้องกับ ศิลปิน F.Hero หรือจะเป็นเพลง ยอมทั้งใจ ไล่เรียงไปจนถึงเพลงล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่าง Lost&Found ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลภาษาอังกฤษครั้งแรกของไบร์ท ที่เจ้าตัวยังได้นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ด้วยตัวเอง พร้อมถ่ายทอดตัวตนออกมาในมิวสิกวิดีโอและตัวเพลงได้อย่างละเมียดละไม จนได้รับคำชื่นชมจากเหล่าแฟนคลับไปอย่างล้นหลามเช่นเคย

     ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ผลงานส่วนหนึ่งเท่านั้น ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีในวงการบันเทิงของผู้ชายที่ชื่อ ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ ที่เป็นประจักษ์พยานและแสดงให้เราเห็นแล้วว่า การได้กลายเป็นที่รัก เป็นซูเปอร์สตาร์เมืองไทย ไปจนถึงการได้รับแต่งตั้งจากแบรนด์แฟชั่นระดับโลกนั้น ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นความสามารถ แพสชั่นในการแสวงหาการเรียนรู้อันไม่รู้จบ และการพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดอยู่เสมอต่างหาก ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้อย่างทุกวันนี้

ข้อมูล : Wikipedia-ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ Youtube

WATCH