Vogue Beauty Thailand

SKINCARE

ยิ่งทายิ่งพัง! ผิวอ่อนแอเพราะ Over Skincare มีจริง!?

การใช้สกินแคร์มากเกินพอดีอาจทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว! โว้กบิวตี้ชวนมาทำความรู้จักปรากฏการณ์ผิวล้าจากการใช้สกินแคร์เยอะเกินไปจนเกราะผิวพัง

โดย Waraporn Hongvarangkool
30 มิถุนายน 2568

     ในยุคที่สกินแคร์มีให้เลือกใช้มากมาย แถมยังดีไซน์มาเพื่อแก้ทุกปัญหาผิว หลายคนอาจคิดว่า ยิ่งทาเยอะๆ ผิวยิ่งต้องดีสิ! แต่ความจริงอาจตรงกันข้าม เพราะถ้าใช้สกินแคร์เยอะเกินคำว่าพอดี แทนที่ผิวจะแข็งแรง แต่กลับอ่อนแอ แห้ง แดง ระคายเคืองได้ง่าย นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Over Skincare” และอาจนำไปสู่ภาวะที่วงการบิวตี้เรียกว่า “Barrier Fatigue” หรือเกราะผิวล้าและอ่อนแอโดยไม่รู้ตัว

 

Article

Over Skincare คืออะไร?

     หลายคนเข้าใจผิดว่าทาเยอะไว้ก่อนยิ่งดี! จึงทาสกินแคร์ซ้อนกันหลายชั้น ใช้สารผลัดเซลล์ทุกวัน หรือจัดหนักทั้งกรด วิตามินซี เรตินอล ในวันเดียว โดยไม่สนใจว่าผิวจะรับได้แค่ไหน และนี่แหละคือ “Over Skincare” ซึ่งมองดูเผินๆ อาจเหมือนคนขยันดูแลผิว แต่จริงๆ แล้วมันเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำงานหนักเกินไป จนกลายเป็น “Barrier Fatigue” ส่งผลทำให้ผิวแห้ง ลอก เป็นผื่นหรือไวต่อสิ่งกระตุ้นง่ายขึ้น

Article

ทำไมยิ่งทาเยอะ...ยิ่งพัง?

     ในเมื่อสกินแคร์ออกแบบมาเพื่อบำรุงผิว แล้วทำไมถึงทำให้ผิวแย่ได้ล่ะ? การใช้สกินแคร์ให้ผิวดีหรือผิวแย่ขึ้นอยู่กับ ‘ความพอดี’ นั่นเอง เพราะสิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ เกราะผิวตามธรรมชาติมีหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสารระคายเคือง แต่เมื่อไหร่ที่เราจัดเต็ม Active Ingredients หลายตัวพร้อมกัน หรือใช้สกินแคร์แรงๆ ทุกวัน ก็จะทำให้เกราะผิวค่อยๆ เสียสมดุล และเกิดเป็นอาการเหล่านี้ที่พบได้บ่อย

  1. ผิวแห้ง ตึง ลอก ทั้งๆ ที่ลงครีมหลายเลเยอร์
  2. ผิวแสบ แดง หรือระคายเคืองง่าย
  3. เกิดสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบเห่อบ่อย ทั้งที่ล้างหน้าอย่างดีแล้ว
  4. สกินแคร์ที่เคยใช้ได้ กลายเป็นว่าใช้แล้วผิวแสบหรือคัน
Article

ใช้สกินแคร์เท่าไหร่ถึงเรียกว่า ‘พอดี’ ?

     คำว่าพอดีสำหรับการดูแลผิว ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะแต่ละคนมีสภาพผิวที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม มีหลักการง่ายๆ คือบำรุงโดยตอบโจทย์เรื่องพื้นฐานก่อน เช่น การทำความสะอาดผิวให้หมดจด การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเพียงพอ และการปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทุกวัน

     และถ้าจะใช้ Active Ingredients เช่น Retinol, Vitamin C ก็ควรเริ่มทีละตัว โดยเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสม และปล่อยให้ผิวมีเวลาได้พักบ้าง ไม่ทาเลเยอร์ซ้อนกันหลายชั้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ต้องหมั่นสังเกตผิว ถ้าพบอาการผิดปกติ  เช่น แห้ง ลอก แสบ นั่นอาจเป็นสัญญานเตือนว่ากำลัง Over Skincare อยู่หรือเปล่า

     โดยสรุปแล้ว การใช้สกินแคร์ที่พอดี คือ ใช้น้อยแต่ตรงจุด เน้นดูแลผิวขั้นพื้นฐาน พร้อมรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ไม่ใช้เยอะจนเกินไปจนกลายเป็นการทำร้ายผิวเสียเอง

 

Article

5 วิธีกู้ผิวหลัง Over Skincare

     หากรู้ตัวแล้วว่าผิวพังเพราะบำรุงมากเกินไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ หยุดสิ่งที่ทำให้เกราะผิวอ่อนแอ แล้วกลับไปโฟกัสที่การดูแลขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เกราะผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง

  1. หยุดสาร Active ที่แรงเกินจำเป็น: พักการใช้กรดผลัดเซลล์ (AHA, BHA), Retinol หรือ Vitamin C เข้มข้นชั่วคราว เพราะสารเหล่านี้จะยิ่งซ้ำเติมเกราะผิวที่อ่อนแอให้แย่ลง
  2. ลดขั้นตอนเหลือเท่าที่จำเป็น: เลเยอร์สกินแคร์ให้น้อยลง ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่มีซัลเฟต ไม่มีน้ำหอม และใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เน้นปลอบประโลมผิว เช่น เซราไมด์ หรือสควอเลน
  3. ทาครีมกันแดดห้ามขาด: ผิวที่อ่อนแอจะไวแสงกว่าปกติ ฉะนั้นการทาครีมกันแดด SPF50PA+++ ทุกวันคือกฎเหล็ก ไม่ขาดแม้วันอยู่บ้าน
  4. เลี่ยงการขัดผิวหรือสครับผิว: ควรให้เวลาเกราะผิวได้ซ่อมแซมตัวเอง การขัดหรือสครับผิวบ่อยเกินไปจะยิ่งไปทำให้แบเรียผิวยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม
  5. ค่อยๆ กลับมาบำรุงผิว: เมื่อผิวกลับมานุ่มชุ่มชื้น ไม่แสบ ไม่ลอกแล้ว ค่อยกลับมาใช้ Active Ingredients ทีละตัวที่จำเป็นกับผิวจริงๆ เช่น Retinol, Vitamin C หรือกรดผลัดเซลล์ แต่เลือกใช้เพียงครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น และควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อนเสมอ

 

     เพราะผิวที่สวยไม่ได้มาจากการใช้สกินแคร์หลายสิบขั้นตอน แต่เกิดจากเกราะผิวที่แข็งแรงและการดูแลที่พอดี ปล่อยให้ผิวได้พักเมื่อควรพัก บำรุงเมื่อควรบำรุง และความสมดุลนี่แหละคือคำตอบที่ทำให้ผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

TAGS : Skincare