อาการที่พบบ่อยเมื่อขอบปากลอก

อาการของขอบปากลอกไม่เพียงสังเกตเห็นได้ถึงผิวหนังที่แห้งและลอกรอบๆ ริมฝีปากเท่านั้น แต่บ่อยครั้งยังมักพบอาการเหล่านี้ร่วมด้วย 

• ปากแห้ง: ริมฝีปากจะรู้สึกแห้ง หยาบกร้าน มักเกิดร่วมกับอาการขอบปากลอกเป็นขุย

• บวมแดง: มีอาการบวมแดงหรืออักเสบที่ขอบริมฝีปาก

• คันหรือแสบร้อน: บางคนจะมีอาการแสบร้อนและคันตรงบริเวณที่ลอกด้วย

• แตกเป็นร่อง: ผิวบริเวณขอบริมฝีปากเป็นแผล มีรอยแตกเป็นร่อง ทำให้รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออก

• อาการปวด: อาจทำให้รู้สึกปวดโดยเฉพาะเมื่อพูดหรือรับประทานอาหาร

ขอบปากลอกเกิดจากอะไร

อาการขอบปากลอกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การขาดน้ำ อาการแพ้ หรือพฤติกรรมต่างๆ 

• ภาวะขาดน้ำ: หนึ่งในสาเหตุหลักของขอบปากลอกคือภาวะขาดน้ำ นั่นเพราะเมื่อร่างกายขาดน้ำจะส่งผลต่อระดับความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก นำไปสู่ความแห้งกร้านและลอกในที่สุด

• ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม: ไม่ว่าจะเป็นอากาศหนาวเย็น หรือเจอกับแสงแดดจัด อาจทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นและทำให้เกิดอาการลอกได้

• การเลียริมฝีปาก: เมื่อริมฝีปากแห้งหลายคนใช้วิธีผิดๆ คือการเลียริมฝีปาก แต่แทนที่จะแก้ปากแห้งได้ การเลียริมฝีปากบ่อยๆ อาจยิ่งทำให้อาการแย่ลง เนื่องจากน้ำลายจะระเหยอย่างรวดเร็ว และไปกำจัดน้ำมันตามธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก ส่งผลทำให้ปากแห้งลอก

• การแพ้: ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนริมฝีปากบางชนิด เช่น ลิปบาล์ม ลิปสติก หรือน้ำหอม อาจมีส่วนผสมที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลให้ขอบปากลอกได้

• การขาดสารอาหาร: การได้รับวิตามินที่จำเป็นไม่เพียงพอ เช่น วิตามินบีและวิตามินอี อาจทำให้ริมฝีปากแห้งลอกได้เช่นกัน

วิธีแก้ปัญหาขอบปากลอก 

ขอบปากลอกไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเท่าไหร่นัก หากรู้ถึงสาเหตุแล้วรู้จักป้องกัน และดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้

• รักษาความชุ่มชื้น: ขั้นแรกและสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาขอบปากแห้งคือการรักษาความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ ด้วยการดื่มน้ำมากๆ ไม่ปล่อยให้ร่างกายเผชิญภาวะขาดน้ำ

• ปกป้องจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม: ปกป้องริมฝีปากจากสภาพอากาศที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอากาศหนาวหรือแดดจัด ด้วยการใช้ลิปบาล์มที่มีค่า SPF เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ริมฝีปากสูญเสียความชื้นรวมถึงป้องกันแสงแดดไปในตัว

• หลีกเลี่ยงการเลียปากบ่อยๆ: เลิกนิสัยการเลียหรือกัดริมฝีปากบ่อยๆ หากปากแห้งควรใช้วิธีทาลิปบาล์มเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น

• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากที่ปราศจากสารระคายเคืองและสารก่อภูมิแพ้ และมองหาส่วนผสมธรรมชาติ เช่น เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว หรือขี้ผึ้ง ซึ่งจะช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากได้ดี

• ทานอาหารให้สมดุลและครบหมู่: รับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารหลากหลาย เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชไม่ขัดสี อาหารเหล่านี้มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยให้ริมฝีปากมีสุขภาพดี

• สครับปากอย่างอ่อนโยน: ควรสครับปากสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเสริมสร้างการผลัดผิวใหม่