หลังจากศิลปินสาวระดับตำนาน 'Beyoncé' ประสบความสำเร็จมหาศาลไปกับทัวร์คอนเสิร์ต ‘Renaissance World Tour เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ล่าสุดเธอกลับมาอีกครั้งในผลงานชุดใหม่แนวคันทรีร่วมสมัยและสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในเวิลด์ทัวร์ ’Cowboy Carter Tour’ ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ SoFi Stadium ในเมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ด้วยโชว์ติดต่อกัน 5 คืนและทำรายได้รวมกว่า 55.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากจำนวนผู้ชมกว่า 217,000 คน โดยถือเป็นรายได้สูงสุดที่ศิลปินหญิงเคยทำได้ในสถานที่เดียว ทั้งยังเป็นหนึ่งในทัวร์ที่มีค่าเฉลี่ยรายได้ต่อโชว์สูงที่สุดของปีนี้โดยแต่ละคืนทำรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11.1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก Billboard Boxscore ซึ่งระบุว่าเป็นหนึ่งใน “single-venue engagements” ที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาลทั้งในกลุ่มศิลปินหญิงและในประวัติศาสตร์ทัวร์โดยรวม
และเมื่อรวมรายได้จาก 19 โชว์แรกของทัวร์ในหัวเมืองต่างๆ ยังสร้างมูลค่าถึง 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,480 ล้านบาทภายในเวลาไม่ถึงครึ่งทางของกำหนดการทัวร์ทั่วโลก จนสามารถขึ้นแท่นเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงที่สุดของปี 2025 ณ เวลานี้ โดยทัวร์นี้ไม่เพียงประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากทั้งแฟนเพลงและนักวิจารณ์โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบเวที แสง สี และการตีความแนวดนตรีคันทรีในบริบทสมัยใหม่ แม้ว่าจะยังเหลืออีกหลายโชว์ในเมืองใหญ่อย่างปารีส ฮิวสตัน แอตแลนตา และลาสเวกัส แน่นอนว่าบียอนเซ่ได้ยืนหยัดในฐานะศิลปินหญิงที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้อย่างต่อเนื่องทั้งในเชิงศิลปะและเชิงธุรกิจท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและวงการดนตรีที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว Cowboy Carter Tour จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ทัวร์คอนเสิร์ต ทว่าคือบทพิสูจน์ว่าพลังของศิลปินหญิงคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งวงการได้อย่างแท้จริง
ตามไปอ่านบทความของบียอนเซ่เพิ่มเติมได้ที่บทความ VOGUE SCOOP | ย้อนเส้นทาง Beyoncé กับ 16 ปีอันยาวนาน กว่าจะได้ครอบครอง 'Album of the Year'

Lady Gaga ยืนยัน! ภาคต่อเพลง Telephone ที่เคยร่วมงานกับ Beyoncé กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอน

VOGUE SCOOP | ย้อนเส้นทาง Beyoncé กับ 16 ปีอันยาวนาน กว่าจะได้ครอบครอง 'Album of the Year'

สร้างประวัติศาสตร์! Beyoncé เป็นศิลปินหญิงผิวดำคนแรกที่ชนะรางวัล Best Country Album บนเวที Grammys


