LIFESTYLE

ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง Top Gun และ Tom Cruise เคยเป็นผู้กอบกู้แว่นตา Ray-Ban ให้ผ่านพ้นวิกฤติ

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญสำหรับคนในวงการโฆษณาว่า ยิ่งสินค้าชิ้นดังกล่าวสอดรับไปกับบริบทของเนื้อเรื่องมากเท่าไร มันก็ยิ่งส่งผลในแง่บวกมากเท่านั้น

     ถือเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่โดนโควิด 19 เล่นงานอย่างหนักหน่วง จนต้องเลื่อนโปรแกรมฉายออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าสำหรับ Top Gun: Maverick ภาคต่อของภาพยนตร์ระดับตำนาน Top Gun จากปี 1986 ที่จากเดิมเคยทุกคนน่าจะได้รับชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปี 2021 ทว่าตอนนี้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องรอกันถึงช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2022 

     อย่างไรก็ตามโควิด 19 ไม่ใช่ข้อกังวลเดียวเกี่ยวกับ Top Gun: Maverick เพราะสื่อหลายสำนักมีการตั้งข้อสงสัยที่คล้ายกันว่าภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้มาช้าไปหรือไม่? เนื่องจากเข้าฉายห่างจากภาคเดิมกว่า 35 ปี ถึงแม้หน้าตาของ Tom Cruise ที่กลับมารับบทนำเช่นเดิมจะยังคงความเท่ไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตและการต่อสู้ของทหารอากาศจะยังขายได้หรือไม่ในยุคนี้ อีกทั้ง Top Gun: Maverick ยังแบกทุนสร้างสูงลิบกว่า 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นหมายความว่ามันจะต้องทำเงินทั่วโลกเกินกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อไม่ให้ขาดทุน ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

     แต่สิ่งที่ทำให้นายทุนและผู้เกี่ยวข้องของ Top Gun: Maverick น่าจะยังพอใจชื้นอยู่บ้างก็คงเป็นตำนานที่เฟรนไชส์ภาพยนตร์นี้ได้สร้างเอาไว้ เพราะหากย้อนกลับไปในปี 1986 ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun ด้วยทุนสร้างเพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลับทำเงินทั่วโลกไปกว่า 357 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เรียกว่ากวาดกำไรมหาศาล พุ่งทะยานสู่ภาพยนตร์ทำเงินอันดับ 1 ประจำปี พร้อมสร้างชื่อให้ Tom Cruise กลายเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งฮอลลีวูดทันที

     ไม่ใช่แค่ Paramount Pictures และ Tom Cruise ที่ร่วมฉลองกับความสำเร็จของ Top Gun แต่แบรนด์แว่นตาระดับโลกอย่าง Ray-Ban ก็ได้รับผลพลอยได้ไปเต็มๆ ถึงขั้นที่ว่าสามารถพลิกสถานการณ์ของบริษัทที่อยู่ในช่วงวิกฤติให้ฟื้นกลับมาได้เลยทีเดียว 

     Ray-Ban ก่อตั้งขึ้นในปี 1936 ในฐานะบริษัทลูกของ Bausch & Lomb ยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมแว่นตาโลกในช่วงเวลานั้น โดย Bausch & Lomb คือหนึ่งในบริษัทที่ผลิตแว่นตา Aviator เพื่อจัดสรรให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกา ก่อนที่ต่อมาพวกเขาจะจดสิทธิบัตรแว่นตาในชื่อรุ่น Aviator ภายใต้สิทธิบัตรการค้าของ Ray-Bans ในปี 1939

     โฆษณาแว่นตา Ray-Ban Aviator ชิ้นแรกเกิดขึ้นในปี 1944 พร้อมกับสโลแกนสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “นี่คือแว่นตาที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาปกป้องดวงตาของคุณ”

     หลังจากนั้นแว่น Ray-Ban Aviator ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ และก้าวกระโดดเมื่อเหล่าคนดังแห่งยุคสมัยต่างๆ หยิบมาใส่กันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็น Elvis Presley, Slash, Freddie Mercury และอีกมากมาย



WATCH




     อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ยุค 80s ยอดขายของ Ray-Ban Aviator รวมถึงแว่น Ray-Ban ก็ตกลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากจำนวนคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มขึ้น ถึงขั้นที่ว่างบดุลของบริษัทกำลังเดินทางเข้าสู่จุดวิกฤติเลยทีเดียว

     ในความเป็นจริงแล้วภาพยนตร์เรื่อง Top Gun ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Ray-Ban ตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อโฆษณาแฝง โดยมี ทอม ครูซ เป็นผู้สวมใส่ เพราะย้อนกลับไปในปี 1983 Tom Cruise ก็เคยทำให้ทั้งโลกคลั่งไคล้กับแว่นตา Ray-Ban รุ่น Wayfarer มาแล้ว จากการสวมใส่ในภาพยนตร์เรื่อง Risky Business มาแล้ว ซึ่งหลังจากภาพยนตร์เข้าฉาย ยอดขายแว่นตารุ่นดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นถึง 50% เลยทีเดียว

     ดังนั้นในปี 1985 เมื่อ Ray-Ban รู้ว่า  Tom Cruise กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ชื่อ Top Gun อีกทั้งยังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทหารอากาศซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับใช้โฆษณาแว่นตา Aviator เพราะจุดต้นกำเนิดของแว่นตารุ่นนี้มาจากการผลิตเพื่อให้ทหารอากาศของกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สวมใส่กัน พวกเขาจึงตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการทุ่มงบเพื่อซื้อโฆษณาแฝงในภาพยนตร์เรื่อง Top Gun

     ถึงแม้จะไม่มีข้อมูลเปิดเผยว่า Ray-Ban จ่ายเงินให้กับสตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Top Gun ไปเป็นจำนวนเท่าไร แต่ที่แน่ๆ น่าจะเป็นงบก้อนโตอย่างแน่นอน เพราะตลอดความยาว 110 นาที เรียกได้ว่าแทบทุกฉากที่ Tom Cruise ในบทบาทของเหยี่ยวอากาศแห่งกองทัพ “Pete "Maverick" Mitchell” พระเอกของเรื่องปรากฏตัวออกมา จะต้องมีแว่นตา Ray-Ban Aviator ร่วมอยู่ในฉากนั้นด้วย

     อย่างที่ทราบกันดีว่าการเดิมพันครั้งนี้ของ Ray-Ban เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง นอกจากการกวาดรายได้มหาศาลจากทั่วโลกแล้ว หลังจากที่ Top Gun เข้าฉายในโรงครั้งแรกวันที่ 16 พ.ค. 1986 ก็สามารถยึดโรงทั่วสหรัฐอเมริกาฉายต่อเนื่องอีกกว่า 1 ปีเต็ม ส่งผลให้ยอดสมัครเป็นทหารอากาศเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ถึงขั้นที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ต้องตั้งโต๊ะรับสมัครใกล้กับโรงภาพยนตร์บางแห่งเลยทีเดียว

     ส่วนแว่นตา Ray-Ban Aviator ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นมากถึง 40% หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉายไปแล้ว 7 เดือน ช่วยกู้วิกฤติทางบัญชีของ Ray-Ban ให้กลับมาอยู่ในแดนบวกได้อย่างมหัศจรรย์ และยิ่งไปกว่านั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน Top Gun ก็กลายเป็นโดมิโน่สร้างเม็ดเงินให้กับ Ray-Ban ได้อย่างมหาศาล

     หากถามว่าอะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้โฆษณาแฝงแว่นตา Ray-Ban Aviator ในภาพยนตร์เรื่อง Top Gun ประสบความสำเร็จขนาดนี้ นอกจากคำตอบที่ว่าความหล่อเท่ของ  Tom Cruise ใส่อะไรก็ดูดีไปหมดแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการแอบแฝงครั้งนี้มันดู “จริง” มากๆ จริงจนหลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังถูกโฆษณา ซึ่งความรู้สึกนี้ส่งผลในแง่บวก เหล่าคนดูรู้สึกชอบแว่นตารุ่นนี้เอง โดยไม่รู้สึกว่ากำลังโดนยัดเยียดให้ชอบ

     ความจริงที่ว่าก็เป็นเพราะแว่นตาทรง Aviator มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นแว่นตาสำหรับทหารอากาศอยู่แล้ว มันถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อ Tom Cruise ในบทบาทเหยี่ยวอากาศ Maverick กำลังควบเครื่องบินคู่ใจอยู่ โดยบริเวณดวงตาถูกปกป้องด้วย Ray-Ban Aviator มันจึงเป็นองค์ประกอบที่ดูลงตัว พอดิบพอดีเป็นอย่างมาก

     นี่จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญสำหรับคนในวงการโฆษณาว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้การโฆษณาแฝงในภาพยนตร์ ยิ่งสินค้าชิ้นดังกล่าวสอดรับไปกับบริบทของเนื้อเรื่องมากเท่าไร มันก็ยิ่งส่งผลในแง่บวกมากเท่านั้น

     ดังนั้นการกลับมาอีกครั้งของ Top Gun ในภาคต่อ Top Gun: Maverick นอกจากบทบาทการแสดงของ Tom Cruise และเนื้อเรื่องที่เล่าต่อจากเมื่อ 35 ปีที่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือ Ray-Ban Aviator จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้แว่นตารุ่นนี้กลับมาฮิตติดลมบนอีกครั้งได้หรือไม่ ภายในปี 2022 ทุกคนน่าจะได้รู้คำตอบพร้อมกัน

WATCH

คีย์เวิร์ด: #TopGun #TomCruise #RayBan