LIFESTYLE

ไปล่องเรือยอร์ชส่วนตัว ดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตก และร่วมหลงใหลไปกับเสน่ห์ของภาคตะวันออก

แพ็กกระเป๋าแล้วไปหลง (รัก) ภาคตะวันออกด้วยกัน

ความน่าเหลือเชื่ออีกหนึ่งอย่างของประเทศไทยคือไม่ว่าจะก้าวเท้าไปท่องเที่ยวที่ภาคไหนย่อมต้องหลงรักที่นั่นได้อย่างง่ายดาย เพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์งดงามของทั้งวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว มันยากเหลือเกินที่คุณจะห้ามใจไม่ให้หลงรักได้

แน่นอนว่าแคมเปญ #หลงไทย เกิดขึ้นจากการหลงรักและหลงใหลนั่นแหละ หลงรักในแผ่นดินของตัวเอง และหลงใหลในมรดกทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจับมือกับโว้กประเทศไทยจึงต้องการที่จะเชิดชูสิ่งเหล่านี้ให้ได้ขยับขยายวงกว้างเป็นที่รู้จัก เป็นที่พูดถึง และเป็นที่ที่ทุกคนจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น

สำหรับ #หลงไทย ในภาคตะวันออกอยู่ภายใต้คอนเซปต์ More Fun ที่เราอยากจะพาให้คุณได้หันกลับมาทั้งหลงรักและสนุกไปกับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ฉบับพรีเมียมที่ล้อไปกับการรักษาและภาคภูมิใจในรากเหง้าของเราเอง โดยทริปนี้เรายังได้ KOL จากเพจท่องเที่ยวทั้งหลายมาร่วมหลงไปด้วยกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพจแฮปปี้แนนซี่ เพจออกนอกบ้าน และเพจ Out Of The Office หากคุณพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางไปภาคตะวันออกกับเราที่มีจุดประสงค์ในการพาคุณไป “หลง” ไทยโดยเฉพาะแล้วล่ะก็ แพ็คกระเป๋าแล้วขึ้นรถตามไปกันเลย

1 / 4

บริเวณล็อบบี้โรงแรม Renaissance Pattaya & Spa


2 / 4

บริเวณล็อบบี้โรงแรม Renaissance Pattaya & Spa


3 / 4

บริเวณล็อบบี้โรงแรม Renaissance Pattaya & Spa


4 / 4

บริเวณล็อบบี้โรงแรม Renaissance Pattaya & Spa


การเดินทางครั้งนี้เรามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยมีจุดหมายปลายทางที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ อย่างจังหวัดชลบุรี กับเมืองพัทยา และแน่นอน “ทะเล” คือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัวเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวข้องกับพัทยา หากการไปพัทยาครั้งนี้แม้จุดมุ่งหมายของเราคือทะเล แต่การเที่ยวแบบพรีเมียมจะไม่ใช่แค่พาคุณไปอาบแดดบนชายหาด หรือเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำทะเลสีฟ้าคราม (แม้สิ่งเหล่านี้จะฟังดูดีมากก็ตาม) หากเราพรีเมียมกว่านั้น เพราะทั้งหมดนี้คุณจะได้ทำมันบนเรือยอร์ชส่วนตัวสุดหรูต่างหาก หากก่อนจะไปล่องเรือยยอร์ชส่วนตัวกัน เราขอพาทุกท่านเช็คอินเข้าโรงแรม Renaissance Pattaya & Spa ที่ตั้งตระหง่านเป็นรูปตัวยูหันหน้าเข้าหาชายหาดรับลมทะเล กับก้าวแรกที่เหยียบเข้าล็อบบี้โรงแรมคือความปลอดโปร่งและโอ่โถ่งในแบบ Open Air ผนังยกสูงที่ประดับด้วยแชนเดอเลียร์รูปหยดน้ำทอดตัวยาวจรดพื้นแต่งแต้มด้วยเก้าอี้และโต๊ะนั่งพักที่สื่อใจความถึงระลอกคลื่นวงกลมหลังน้ำหยดลงบนแอ่ง พาเอาลมทะเลพัดเข้ามาด้านในตลอดเวลา



WATCH




1 / 3

ห้องพักขนาด Deluxe


2 / 3

ห้องพักขนาด Deluxe


3 / 3

ห้องพักขนาด Deluxe


ในส่วนของห้องพัก Renaissance มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมากทั้งแบบ Deluxe Balcony Sea View, Deluxe Balcony Pool Access, Family Suite, Pool Villa, Beach Front และอีกมากมายที่อำนวยความสะดวกให้เราได้อย่างเต็มที่และเต็มใจ ห้องภายในขนาดกว้างขวางตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นสีขาว สีฟ้าน้ำทะเล และสีน้ำตาล ให้กลิ่นอายความทันสมัยควบคู่ไปกับการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี และเมื่อเปิดผ้าม่านออกกว้างชมวิวสวยด้วยหน้าติดน้ำ (ทะเล) หลังติดเขา เรียกว่าจะมองมุมไหนก็ผ่อนคลายสบายใจได้อย่างสุดๆ เลยทีเดียว

1 / 4

Rennaissance Bubble


2 / 4

Sailing Yatch ทอดสมอเข้ามารับคณะที่โรงแรม Ranaissance


3 / 4

ท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการ


4 / 4

ท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการ


อีกหนึ่งความพิเศษนอกจาก Welcome Drink สดชื่นแล้วคือ Sample Test กับเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของที่นี่อย่าง Rennaissance Bubble รสชาติหอมหวานติดเปรี้ยวให้ความสดชื่นทานคู่กับคานาเป้ชิ้นเล็กที่ทำกันให้เห็นสดๆ ด้วยส่วนผสอย่างเหล้าแม่โขง สมุนไพร และน้ำสัปปะรด หลังเดินเล่นเก็บวิวและบรรยากาศสดชื่นของที่พักแล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวไปทำกิจกรรมสุดพิเศษที่เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ สำหรับการท่องเที่ยวในแบบพรีเมียมครั้งนี้ ทุกคนนั่งเล่นรอการมาถึงของเจ้าเรือยอร์ช Sailing Yatch ที่ทอดสมอเข้ามารับถึงหน้าโรงแรมพร้อมพาเราแล่นออกไปสู่อิสระอันไร้ขอบเขตบนผืนน้ำทะเลใส (แอบกระซิบเลยว่า Renaissance เป็นโรงแรมเดียวที่ทาง Sailing Yatch จะแล่นเรือมารับนักท่องเที่ยวถึงหน้าโรงแรม! ถ้าเป็นโรงแรมอื่นต้องไปขึ้นที่ท่าเรือเท่านั้น เป็นอย่างไรบ้างแค่นี้ก็พรีเมียมแล้วใช่ไหม?) ก้าวเท้าขึ้นดาดฟ้าของเรือยอร์ชด้วยความตื่นเต้นที่จะได้แล่นเรือออกไปเพื่อทิ้งเอาความเหนื่อยล้าทั้งหมด พร้อมรับพลังบวกจากความงามของธรรมชาติตรงหน้า แสงอาทิตย์ล้อเล่นระยิบระยับไปกับคลื่นและผิวน้ำของทะเลคือความสวยงามเกินคำบรรยาย เรือยอร์ชลำนี้ถูกโอบล้อมด้วยภาพของท้องฟ้าสีครามตัดกับท้องน้ำสีมรกตใส ในขณะที่คณะของเราหลายคนเริ่มเอนตัวลงกับที่นั่งผืนผ้าใบพร้อมอาบไล้แสงแดดกันยกใหญ่ บ้างเปิดเพลงสนุกสนานสร้างสีสันให้กับทริปล่องเรือในครั้งนี้

1 / 11

Sailing Yatch รอยลำอยู่กลางทะเลพัทยา


2 / 11

ด้านหลังของเรือ Sailing Yatch


3 / 11

กัปตันสำหรับทริปนี้


4 / 11

เกาะรางเกวียน


5 / 11

ภาพบรรยากาศกิจกรรมดำน้ำ


6 / 11

ภาพบรรยากาศกิจกรรมดำน้ำ


7 / 11

บรรยากาศทีมเพจ Out Of The Office


8 / 11

บรรยากาศทีมเพจ ออกนอกบ้าน


9 / 11

ภาพบรรยากาศกิจกรรมดำน้ำ


10 / 11

น้ำมะพร้าวสดรสหวานหอม


11 / 11

ครอบครัวลิงแสมบนเกาะ


แล่นออกไปไกลพอสมควรเราเทียบเรือเข้าใกล้ฝั่งของภูเขาลูกเล็กที่เต็มไปด้วยลิงแสมจากธรรมชาติเพื่อให้อาหารลิง ครอบครัวลิงแสมว่ายน้ำเล่นเข้ามาใกล้เรือเพื่อขอผลไม้หลากชนิดกินเป็นอาหาร หลังจากทึ่งในความน่ารักและเฉลียวฉลาดของเจ้าลิงน้อยพวกนี้แล้ว กัปตันประจำเรือพาลูกเรืออย่างเราแล่นไปต่อกันที่จุดดำน้ำอีกหนึ่งจุดคือ "เกาะรางเกวียน" ตระเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำและชูชีพเพื่อความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงดำน้ำพร้อมแหวกว่ายไปกับฝูงปลายน้อยใหญ่ที่สร้างบ้านอิงแอบกับปะการังหลากสีแถวนั้น หากยังมีซากเรือพังใต้ท้องทะเลที่อุทิศตนเป็นบ้านอีกหนึ่งหลังให้กับเจ้าปลาน้อยเหล่านี้ ดำผุดดำว่ายชมความใสและความกว้างใหญ่ของน้ำทะเลอยู่พักใหญ่น้ำย่อยก็เริ่มทำงาน ลูกเรือทั้งหลายโหนตัวขึ้นจากเรือยางลำเล็กสู่เรือยอร์ชลำงามเพื่อเริ่มต้นความพรีเมียมอีกหนึ่งอย่างกับมื้อกลางวันที่ถูกจัดขึ้นบริเวณด้านหลังของเรือที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่ พูดได้ว่าสดจริงๆ เพราะกัปตันลงมือจับปลาทะเลด้วยตัวเองเพื่อต้อนรับคณะด้วยซาชิมิเนื้อสดจิ้มน้ำจิ้มรสแซ่บ เป็นอันจบมื้อกลางวันบนเรือยอร์ชสุดหรูพร้อมมุ่งหน้ากลับที่พัก

1 / 5

ร้านอาหาร Pippa


2 / 5

บรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินบนร้านอาหาร


3 / 5

บาร์ในส่วนของ Pippa Sunset Bar


4 / 5

ภาพบรรยากาศของคณะ


5 / 5

ภาพบรรยากาศของคณะ


เวลาเย็นคืบคลานมาถึงก็เป็นคิวของการกินในแบบพรีเมียมที่เราเปิดดินเนอร์สุดแกลมมื้อนี้บนร้านอาหารชั้น 19 ของโรงแรม MYTT Beach Hotel อย่างร้านอาหาร Pippa พร้อมทันที่จะดื่มด่ำวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่โพ้นทะเลคละเคล้าไปกับเสียงเพลงเพราะๆ และลมเย็นๆ บนส่วนของ Pippa Sunset Bar หลังสแนปรูปชื่นชมและอิ่มเอิบใจด้วยวิวระดับซีรีย์เอแล้ว เราเลือกนั่งลงบนโซฟาตัวยาวพร้อมเต็มที่สำหรับการเปิดตุ่มรับรสความอร่อยให้พร้อมสัมผัสกับดินเนอร์มื้อนี้ด้วยเมนู 5 คอร์สฝีมือจากเชฟชั้นเยี่ยมที่ปรุงสดกันให้เห็นทุกขั้นตอนด้วยครัวเปิด

1 / 6

คอร์สที่ 1 Tapas


2 / 6

คอร์สที่ 2 Pumpkin Soup


3 / 6

คอร์สที่ 3 Yakitori


4 / 6

คอร์สที่ 4 House Made Tagliatelle Pesto


5 / 6

คอร์สที่ 5 White Chocolate Mousse


6 / 6

ค็อกเทล Raspberry Smash


เปิดเมนูแรกด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย Tapas กับเมนู 3 อย่างที่จัดเรียงกันมาบนถาดไม้อย่าง Sriracha Pork Belly Bao Bun เนื้อหมูในซอสศรีราชานุ่มลิ้นรสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับแป้งซาลาเปาร้อนๆ Pippa’s Beef Sliders เบอร์เกอร์ชิ้นเล็กพอดีคำซ่อนเนื้อชั้นเยี่ยมเข้มข้นด้วยเชดด้าชีส และตัดเลี่ยนด้วย Spicy Seabass Ceviche เนื้อปลาสดๆ รสจัดจ้านที่เริ่มกระตุ้นต่อมหิวให้ติดหมัดขึ้นมาอีกระลอก ไม่รอช้าตักเมนู Pippa’s Organic Pumpkin in Soup ซุปฟักทองเนื้อเนียนเข้าปากพร้อมละเลียดฟักทองชิ้นเล็กพอดีคำในซุปและรัหว่างนี้ก็ปล่อยให้ผิวได้อาบไล้แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ตกที่ฉาบไปด้วยแสงสีส้มอันอบอุ่น

ขึ้นเมนูคอร์สที่ 3 กับ Yakitori ที่เสิร์ฟมาบนเตาหินขนาดย่อมจัดแจงด้วยน่าตาน่ารักเริ่มต้นไม้แรกกันด้วย Japanese Hamachi with White Miso & Pickles เนื้อปลาฮามาจิสดขาวฉ่ำในซอสมิสโซะเข้มข้น ไม้ต่อมากับ Japanese Eggplant Yogurt Wasabi and Fresh Herbs สดชื่นตัดเลี่ยนด้วยมะเขือยาวราดซอสวาซาบิโยเกิร์ตเพิ่มความสดชื่นระหว่างมื้อให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป ปิดท้ายคอร์สนี้ด้วย Norwegian Salmon in Mirin-Soy sauce แซลมอนเนื้อแน่นชุ่มซอสรสดี 3 คอร์สแรกผ่านไปจึงเข้าสู่เมนูหลักกับ House Made Tagliatelle Pesto อีกหนึ่งเส้นสปาเก็ตตี้แผ่นบางเส้นสดในซอสเพสโต้เข้มข้นหอมกระเทียมที่คลุกเคล้ากับกุ้งตัวใหญ่เนื้อแน่นรสชาติละมุน ก่อนปิดคอร์สด้วยเมนูขนมหวานก็ยกค็อกเทลรสซ่าอมเปรี้ยวติดปลายลิ้นอย่าง Blond Bombshell ขึ้นจิบล้างคอรอเสียก่อน แล้วจึงตักเค้ก White Chocolate Mousse เข้าปากเป็นการจบ 5 คอร์สเมนูในมื้ออันสุดแสนจะรื่นรมย์นี้ นอกจากฝั่ง Sunset Bar แล้วยังมีส่วนของ Pippa Dining กับการตกแต่งภายในแบบโรแมนติกโมเดิร์น และยังเป็นอีกที่ซ่อนตัวของ Pippa’s Secret บาร์ด้านหลังที่เสิร์ฟค็อกเทลคลาสสิกชั้นเยี่ยมพร้อมอีกหนึ่งประสบการณ์พรีเมียมแบบใหม่อีกด้วย

1 / 4

กิจกรรมโยคะในตอนเช้า


2 / 4

สระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ทอดตัวยาวตามโรงแรม


3 / 4

บรรยากาศภายในโรงแรม


4 / 4

ด้านหน้าของโรงแรม


แม้จะอิ่มท้องขนาดไหน หากบาร์สวยที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหน้าสุดของโรงแรม Renaissance อย่าง Pebbles Bar and Grill ก็เรียกร้องให้เราเข้าไปนั่งจิบค็อกเทลเล่นสักแก้วสองแก้ว พร้อมฟังเสียงคลื่นกระซิบยามค่ำคืนที่มอบเสน่ห์อีกแบบหนึ่งก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เช้าที่สดใสและแสงแดดโลมเลียเป็นเช้าที่ทุกคนตื่นมาเดินเล่นรับลมภายในโรงแรมที่จัดแบ่งสัดส่วนได้อย่างเป็นเอกลักษณ์และสวยงาม พร้อมเดินทอดน่องมองเหล่านักท่องเที่ยวยืดเส้นยืดสายเล่นโยคะบริเวณสนามหญ้าสีเขียวอันสดชื่น บางคนเลือกออกกำลังกายด้วยการเข้ายิมแต่เช้า บ้างลงว่ายในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ทอดตัวตามแนวยาวจากกึ่งกลางของโรงแรมยาวไปถึงด้านหน้าของโรงแรมรับวิวทะเลพอดิบพอดี เสียงหัวเราะสดใสของเหล่าเด็กๆ ดังขึ้นบริเวณสระว่ายน้ำเด็กที่ยังมีเครื่องเล่นอีกมากมายให้เหล่าหนูน้อยทั้งหลายได้สนุกสนานอย่างปลอดภัย

1 / 5

บรรยากาศภายในโรงแรม


2 / 5

เซ็ตน้ำชายามบ่าย


3 / 5

บรรยากาศช่วงเซ็ตน้ำชายามบ่าย


4 / 5

บรรยากาศช่วงเซ็ตน้ำชายามบ่าย


5 / 5

ภาพหมู่คณะสำหรับทริปภาคตะวันออก


หลังจากเดินเล่นยามเช้าได้สักครู่หนึ่งน้ำย่อยในท้องเริ่มประท้วงถึงข้าวเช้า ห้องอาหารเช้าภายในโรงแรมมีทั้งแบบภายในห้องแอร์และแบบ open air รับลมธรรมชาติกับ 609 Kitchen และถ้าพูดถึง Catering และเมนูอาหารที่มากหน้าหลายตาดาหน้ากันมาให้เราเลือกตักแบบไม่สุดเสียที เพราะเขามีอาหารนานาชาติหลากหลายประเภท ใครชื่นชอบอาหารเช้าหนักๆ แบบ American Breakfast เขาก็มีให้เลือกครบตั้งแต่แฮม ไส้กรอก ไก่ ถั่วอบ ไข่คน วอฟเฟิล ไปจนถึงสารพันชีสและขนมปังหลากหลายประเภท พร้อมแยมสดหลายรสชาติ หากใครชื่นชอบอาหารเบาๆ ลองตักข้าวต้มพร้อมเครื่องเคียงไปทาน หรือจะเลือกเป็นโจ๊กอุ่นๆ สักถ้วยจับคู่กับปาท๋องโก๋ หรือจะเลือกเป็นน้ำเต้าหู้ก็ถือเป็นคู่หูที่ไม่เลวเลยทีเดียว หรือใครรักสุขภาพขึ้นมาหน่อยลองเป็นซีเรียลธัญญพืช หรือจะเป็นสลัดผักสดก็ได้เช่นกัน แต่สายอาหารจีนหมดห่วงเพราะที่นี่ยังมีติ่มซำ ซาลาเปานุ่มๆ และซุปไก่ร้อนๆ ให้เลือกอีกด้วย

จัดการมื้อเช้ากันอย่างอิ่มหนำสำราญใจแล้วก็ไปนั่งเล่นที่ The Deli ร้านเบเกอรี่ด้านข้างที่นำเสนอเมนูหลากหลายอย่างพร้อมรับกาแฟร้อนๆ สักแก้ว ช่วงเช้าที่เป็นการพักผ่อนอย่างสงบนี้ลองเลือกเข้าทำกิจกรรมสักอย่างเพื่อผ่อนคลายจิตใจและร่างกายอย่างการทำสปาที่มีให้เลือกถึง 6 ทรีตเม้นท์กับบรรยากาศแห่งความเงียบสงบ หรือจะเลือกเดินเล่นริมชายหาดก็ผ่อนคลายได้อีกรูปแบบเช่นเดียวกัน และแล้วเวลาแห่งความจริงก็ใกล้เข้ามาถึงเมื่อเราต้องโบกมือลาทริปสุดพรีเมียมนี้หลังเช็คเอ้าท์จาก Renaissance พร้อมรับเซ็ตน้ำชายามบ่ายกับขนมทานเล่นรองท้องสำหรับระยะทางกลับบ้านของชาวคณะ

 

ปิดท้ายทริปคือรอยยิ้ม ความสุข และความสนุกที่เราได้ซึมซับเสน่ห์อันน่าค้นหาของภาคตะวันออกที่ไม่ใช่ “แค่” เที่ยวทะเลในแบบทั่วไป หากมันคือความ “พรีเมียม” ที่เราได้หาวิธีท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ให้ผืนดินประเทศไทยนี้ได้มีค่ามากขึ้นไปอีกต่างหาก

 

ตามไปหลงไทยกันได้

Mytt Beach Hotel Pattaya & Pippa Restaurant

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 038-259-510 หรือ www.mytthotel.com 

Renaissance Pattaya Resort & Spa

รายละเอียดสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 038-259-099 หรือ reservations@renaissancepattaya.com

Sailing Yacht Thailand

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  โทร. 06-1664-5563 หรือ info@yacht-thailand.com

 

WATCH