Lorenza Bertelli

FASHION

พูดคุยกับ Lorenzo Bertelli แห่ง Prada กับพันธกิจ ‘Sea Beyond’ บทบาทใหม่ของแฟชั่นควบคู่ความยั่งยืน

Prada Group กับการลงทุนกว่า 2 ล้านยูโรในกองทุนอิสระใหม่ที่เชื่อมโยงกับโปรแกรม CSR หลักของแบรนด์ภายใต้ชื่อ ‘Sea Beyond’

โดย Vogue Thailand
18 มิถุนายน 2568

Syndicated from Vogue.com

“ภารกิจนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของเราคนเดียว” Lorenzo Bertelli กล่าวก่อนเดินทางไปร่วมประชุม United Nations Ocean Conference ประจำปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะประธานฝ่ายการตลาดและผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของ Prada Group ที่เพิ่งลงนามในการจัดตั้งกองทุนอิสระใหม่ที่ต่อยอดมาจากโครงการ Sea Beyond ซึ่งเป็นโปรแกรมการศึกษาด้านมหาสมุทร โดย Prada ได้ให้คำมั่นเบื้องต้นว่าจะสนับสนุนเงินทุนจำนวน 2 ล้านยูโร

 

ตั้งแต่ปี 2019 Prada ได้มีการนำรายได้บางส่วนจากคอลเล็กชั่น Re-Nylon ไปสนับสนุน Sea Beyond โครงการที่ร่วมพัฒนากับคณะกรรมาธิการมหาสมุทรแห่งองค์การยูเนสโก (UNESCO-IOC) โดยตลอดช่วงเวลานั้น Sea Beyond ได้เข้าถึงเด็กกว่า 35,000 คนจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ด้วยโครงการเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นการเปิดพื้นที่เรียนรู้กลางแจ้งสำหรับเด็กปฐมวัยในเมืองเวนิส หรือการดัดแปลงเรือใบเก่า Cassiopea ให้กลายเป็นห้องเรียนวิจัยมหาสมุทรลอยน้ำ โดยปัจจุบันจอดเทียบท่าที่ Beaulieu-sur-Mer ใกล้นีซ

 

Article

โดยล่าสุด ทั้ง Prada และ UNESCO ต้องการเปิด Sea Beyond ให้บริษัทอื่นๆ และบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจได้เข้ามามีส่วนร่วม นับเป็นการสละบทบาทผู้นำเพื่อขยายอิทธิพลของโครงการให้กว้างขึ้น “ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นความร่วมมือที่เปิดให้ภาคเอกชนและภาครัฐเข้ามามีบทบาทร่วมกัน วันนี้ UNESCO กำลังนำเสนอกองทุนนี้ต่อหน่วยงานรัฐที่มาร่วมประชุมที่ UN เพื่อให้พวกเขาตระหนัก และหวังว่าจะช่วยขยายขอบเขตของโครงการให้ใหญ่ขึ้น” Lorenzo Bertelli ได้กล่าว โดยก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ โว้กได้พูดคุยกับ Lorenzo Bertelli ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องกองทุนใหม่ ก่อนบทสนทนาจะลื่นไหลไปยังเรื่องราวมากมาย

 

Vogue: คุณประกาศจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อขยายขอบเขตงานที่มีอยู่ของ Sea Beyond ใช่ไหม?

Lorenzo Bertelli: กองทุนนี้จะได้รับรายได้บางส่วนจากยอดขายคอลเล็กชั่น Sea Beyond ที่มาจาก Prada Re-Nylon รายได้ส่วนนี้จะเข้าสู่กองทุน โดยกองทุนนี้จะมีชื่อว่า ‘Sea Beyond Multi Partner Trust Fund for Connecting People and Ocean’ แต่การกำกับดูแลจะอยู่นอกเหนือการจัดการของเรา เรามีสิทธิลงคะแนนเสียงหนึ่งเสียงเท่ากับสมาชิกคนอื่นๆ ของคณะกรรมการบริหารของกองทุน ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลัก ทุกคนที่ให้การสนับสนุนจะมีสิทธิออกเสียงหรือแสดงความคิดเห็น ด้วยวิธีนี้กองทุนนี้จึงเป็นกองทุนอิสระ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือเรากำลังแสดงให้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่กองทุนที่เป็นของเราเพียงฝ่ายเดียว

 

Article

V: คุณกำลังฝากเงินก้อนแรกจำนวน 2 ล้านยูโรเข้ากองทุนนี้ คุณได้ติดต่อกับองค์กรอื่นๆ ที่คุณร่วมงานเพื่อบอกพวกเขาเกี่ยวกับโครงการนี้และแนะนำให้พวกเขาเข้าร่วมสมาชิกไหม?

L: แน่นอนครับ แต่ผมไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ มันขึ้นอยู่กับสิทธิของพวกเขา Sea Beyond เป็นโครงการที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมได้เสมอ บางทีการเราที่เป็นผู้นำโครงการนี้อาจทำให้มัน ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรค แต่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนอื่นลังเลที่จะเข้าร่วม ดังนั้น การที่โครงการนี้เป็นกองทุนอิสระจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะดึงดูดเงินทุน และช่วยกำหนดรูปร่างของโครงการและวิสัยทัศน์ที่เรากำลังพยายามสร้างให้เป็นรูปธรรม

 

V: อุตสาหกรรมลักชัวรีเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง อย่างที่คุณรู้ แม้แต่เวลาที่คนในวงการนี้มีส่วนร่วมในงานกุศลหรือกิจกรรม CSR แบบนี้ ผมรู้สึกว่าบางครั้งพวกเขายังไม่สามารถสลัดความคิดแบบแข่งขันออกไปได้ พวกเขาจะกลายเป็นคนหวงพื้นที่ในการ ‘เป็นเจ้าของ’ งานประเภทใดก็ตามที่พวกเขาทำอยู่ แม้งานดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ส่วนรวมแต่พวกเขาก็ยังอยากจะเป็นแบรนด์เดียวที่ถูกมองว่าผู้ดำเนินโครงการ ผมเคยเห็นแบบนี้บ่อยมากโดยเฉพาะแบรนด์ที่ทำงานด้านความยั่งยืน

L: ผมจะบอกว่าทุกวันนี้ก็ยังคงมีการแข่งขันสูง มีกลุ่มที่สำคัญบางกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงแฟชั่นด้วยซ้ำไม่พอใจกับการมีอยู่ของเรา ทั้งยังตัดโอกาสทางการกุศลบางอย่างเพียงเพราะพวกเขารู้สึกว่ามันเป็นการแข่งขัน มันแปลกมากสำหรับผมเพราะเราไม่ควรแข่งขันกันเรื่องความยั่งยืนเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ถ้าในกองทุนนี้ได้ Louis Vuitton หรือ Gucci หรือคู่แข่งของเราคนใดของเราก็ตามมาร่วมด้วย ผมจะรู้สึกยินดีมากๆ เพราะนี่คือพันธกิจของทุกคน

 

V: ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลง

L: แต่คุณไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้เมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความยั่งยืน

 

V: นามบัตรของคุณมีสองตำแหน่ง นอกจากหัวหน้าฝ่าย CSR ของ Prada แล้ว คุณยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณลงทุนในมหาสมุทรเหล่านี้...

L: เดี๋ยวก่อนครับ เราไม่ได้ลงทุนในมหาสมุทร แต่เรากำลังลงทุนใน ‘ผู้คน’ เป็นอันดับแรก มหาสมุทรเป็นประเด็นสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่เราลงทุนคือจิตใจ จิตวิญญาณ และหัวใจของผู้คน

นี่แหละครับขอบเขตในด้านความยั่งยืน มีหลายคนที่มองผลกระทบในระยะสั้น เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน ลดขยะ ลดการใช้น้ำ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ทั้งหมดนี้ไม่ผิดและสมเหตุสมผล แต่ท้ายที่สุดแล้วถ้าทัศนตติของผู้คนต่อสิ่งแวดล้อมไม่ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็จะไม่เปลี่ยนตาม ดังนั้นเพื่อช่วยลำดับความสำคัญและกรอบความคิดของผู้บริโภค เราจำเป็นต้องคำนึงถึงการศึกษาและมองไปข้างหน้าอีก 20 หรือ 30 ปี

นักการเมืองส่วนใหญ่โดยธรรมชาติแล้ว กรอบการทำงานของพวกเขามักจะจำกัดอยู่แค่ช่วงวาระที่ดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เราอาจสูญเสียความสามารถในการคิดและวางแผนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวในพื้นที่สาธารณะ และการศึกษาคือสิ่งที่วางรากฐานในระยะยาวที่สุด เราอยากลงทุนตรงส่วนนี้ เพื่อช่วยอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ในขณะนั้นเดียวกันมันก็เป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

Article

V: กิจกรรมด้านความยั่งยืนในรูปแบบ CSR ที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนมักสร้างอิทธิพลทางภาพลักษณ์เชิงบวกให้แก่แบรนด์ Prada ได้อะไรบ้างตั้งแต่เริ่มโครงการ Sea Beyond?

L: ผมคิดว่านี่แหละคือปัญหาในการสื่อสาร ในเชิงอุดมการณ์แล้ว ความยั่งยืนเป็นดั่งศาสนาหนึ่งไปแล้ว ในแง่หนึ่งมันมี ‘ความยั่งยืน’ มากเกินไป แต่ความจริงคือเรามีความรู้ เทคโนโลยี และขีดความสามารถที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล ทั้งในทางที่มนุษย์จะเจริญรุ่งเรืองและสิ่งแวดล้อมสมดุลไปพร้อมๆ กันได้ แน่นอนว่าถ้าคุณเอามนุษย์ออกจากสิ่งแวดล้อมปัญหาจะหายไป แต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือการกระทำของเราส่งผลกระทบอย่างไร? และต้นทุนที่แท้จริงของการกระทำนั้นคืออะไร? เราต้องให้คุณค่าที่ถูกต้องกับสินค้าที่ซื้อและให้คุณค่าที่เหมาะสมกับการกระทำของเรา และต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้นการกระทำทุกอย่างย่อมมีต้นทุนและผลที่ตามมา เราจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงสิ่งที่ทำและผลที่จะตามมาเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน

แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดซื้อหรือหยุดทำในสิ่งที่เคยทำ เพียงแต่บางครั้งอาจจะทำสิ่งเดิมนั้นในวิธีที่แตกต่างและมองในมุมที่ต่างออกไป ถ้าผมซื้อเสื้อยืดราคา 5 ยูโร มันน่าจะมีบางขั้นตอนการผลิตที่ถูกละเลยและส่งผลกระทบต่อโลก  ไม่ว่าจะสังคมหรือสิ่งแวดล้อม มันไม่ยั่งยืนเพราะมีบางสิ่งที่กำลังชดใช้ภาระต้นทุนแทนที่คุณไม่ได้จ่าย ซึ่งในกรอบการประเมินสินค้าเราไม่ได้คำนึงถึงทุกองค์ประกอบเลย

 

Article

V: แล้วคุณจะเปลี่ยน ‘ความยั่งยืน’ จากการเป็นคุณค่าที่ไม่เห็นแก่ตัวมาเป็นคุณค่าที่เห็นแก่ตัวที่จะฝังรากลึกในวัฒนธรรมอย่างไร?

L: มันเป็นเรื่องของการสื่อสาร ผมคิดว่าการสื่อสารคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าผมบอกว่าเสื้อยืด 5 ยูโรตัวนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อผู้อื่น คนอาจจะยังไม่หยุดซื้อ แต่ถ้าผมบอกว่าเสื้อตัวนี้มันจะส่งผลเชิงลบต่อคุณโดยตรง เช่น สารเคมีจากเนื้อผ้าจะทำร้ายผิวของคุณ พวกเขาถึงจะเริ่มฟัง

คุณรู้ไหมว่ามันมีทัศนคติหนึ่งที่มองว่าการทำสิ่งที่สะดวกสำหรับตัวเองเป็นเรื่องที่ควรรู้สึกผิด แต่ผมไม่คิดแบบนั้น ความสะดวกเพื่อตัวเราก็สามารถเป็นสิ่งที่สะดวกสำหรับคนอื่นและสำหรับทุกคนได้เช่นกัน

 

V: อาจจะหลุดจากประเด็นไปเล็กน้อยแต่ก็ยังอยู่ในเรื่องของการสื่อสาร ตอนนี้ผู้บริโภครุ่นใหม่หลายคนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับราคาสินค้าลักชัวรีที่เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

L: แนวทางของเราคือการหาความสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมและทุนนิยม เราไม่สามารถแสร้งทำเป็นรักษาระดับปริมาณการผลิตเท่าเดิมเหมือนในอดีต และเราก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าผู้คนจะยังซื้อสินค้าโดยไม่ต้องการความซื่อสัตย์และความโปร่งใส

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการปรับสมดุลระหว่างความคาดหวังของผู้บริโภคกับความรู้ความเข้าใจเรื่องต้นทุนที่แท้จริงของสินค้า เพราะที่ผ่านมาสินค้าไม่ได้ถูกขายในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นเราจึงต้องปรับวิธีการสื่อสารของเราและปรับคุณค่าของเนื้อหาที่เรานำเสนอ เพื่ออธิบายความเหมาะสมของราคาให้สอดคล้องกับการรับรู้ของผู้บริโภค ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้อาจจะสร้างความเจ็บปวดแต่มันคือเรื่องปกติ

 

V: เมื่อปีที่แล้วคุณได้เปิดโรงงานในเมือง Torgiano แคว้น Umbria ที่เชี่ยวชาญด้านเสื้อถัก นับเป็นโรงงานล่าสุดที่เข้าร่วมในเครือโรงงานกว่า 20 แห่งของ Prada Group ทั่วประเทศอิตาลี ซึ่งมีบริษัทขนาดเล็กกว่า 50,000 แห่งที่ผลิตสินค้าลักชัวรี ในบริบทแนวคิดเรื่อง ‘คุณค่า’ ผมเริ่มมองเห็นความทับซ้อนที่ยังไม่ถูกพูดถึงอย่างชัดเจนระหว่าง ‘คุณภาพ’ ในความหมายดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ กระบวนการผลิต และวัสดุ เทียบกับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมถึงทุกคนที่ได้รับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม แม้แต่ ‘คุณภาพ’ ในความหมายดั้งเดิมก็ดูเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยากและเป็นความท้าทายสำหรับแบรนด์ลักชัวรีในการจะสื่อสารคุณค่านั้นออกมา เพราะแม้แต่คุณภาพของกระเป๋าหรือเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งยังไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะสามารถเข้าใจได้อย่างกว้างขวาง

L: ใช่ มันไม่ชัดเจน และนั่นไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภคแต่เป็นความผิดของเรา สิ่งที่เราทำได้คือการลงทุนเพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว มันไม่ใช่นักการเมืองหรอกที่จะเป็นคนบอกเราว่า ‘พวกคุณต้องทำอะไรสักอย่าง’ แต่เป็นระบบเศรษฐกิจต่างหาก

 

V: การเชื่อมั่นในแหล่งที่มาของสินค้าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการประเมินคุณภาพและโครงการ Aura Blockchain Consortium ที่ Prada ได้ร่วมมือกับ Cartier และ LVMH ก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ด้วย แต่พักหลังดูเหมือนจะเงียบไปบ้าง ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?

L: มันกำลังถูกนำไปใช้ในซัพพลายเชนของแต่ละบริษัทมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว การผลิตของเราทั้งหมด 100% มีการติดแท็กบล็อกเชนเรียบร้อย แต่จนกว่าเราจะหมุนเวียนและส่งสินค้าในคลังทั้งหมด เราจึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเราพร้อมออนไลน์ 100% ตอนนี้ทุกบริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการเดียวกัน บางบริษัทก็ล้ำหน้าไปไกลมาก บางบริษัทก็ยังคงตามมาเรื่อยๆ

แต่ ณ ตอนนี้มันยังเป็นเหมือนโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีมากกว่าเป็นโซลูชั่นด้านความยั่งยืน เพราะมันทำให้คุณสามารถติดตามและตรวจสอบกระบวนการผลิตได้จริง แต่ถ้าข้อมูลผิดตั้งแต่ขั้นตอนแรก ข้อมูลนั้นก็จะถูกส่งต่อแบบผิดๆ ตลอดทั้งระบบ นี่เป็นคำถามที่ดีและเป็นประเด็นที่ควรพูดคุยกัน

เพราะผู้คนอาจจะเข้าใจว่า Aura Blockchain Consortium เป็นสิ่งเดียวกับความยั่งยืนหรือความโปร่งใส แต่จริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละแบรนด์

 

V: แต่ข้อมูลเหล่านั้นสามารถแสดงปัจจัยด้านความยั่งยืนในรูปแบบที่วัดได้ใช่ไหม ถ้าข้อมูลถูกต้องตั้งแต่ขั้นตอนแรก

L: ใช่ แต่ประเด็นคือเราไม่อยากเอาเรื่องนั้นเข้ามาในขอบเขตของกลุ่มพันธมิตร เพราะสุดท้ายมันจะกลายเป็นสถานการณ์แบบพันธมิตรทั่วไป นั่นคือการรับรองตัวเอง และมันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง การรับรองควรจะเป็นหน้าที่ของบุคคลภายนอกที่เป็นอิสระ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้

 

V: ถึงอย่างนั้นการรับรองผ่านบล็อกเชน ถ้าอิงจากความเป็นจริงก็ควรมีคุณค่าสำหรับโลกของลักชัวรีแบรนด์ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เราเห็นการกล่าวอ้างจากปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ว่าสินค้าหรูหราที่ติดฉลากว่า ‘ผลิตในอิตาลี’ จริงๆ แล้วกลับผลิตที่ต่างประเทศ เพียงแต่มาประกอบขั้นสุดท้ายที่อิตาลีเท่านั้น

L: ผมคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามข่าวปลอม ก็มีบางส่วนที่จริงนะ ซัพพลายเชนกระจายอยู่ทั่วโลกและความคิดที่ว่าผลิตจากจีนเท่ากับไม่มีคุณค่าเป็นความคิดที่ผิด อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ผลิตกระเป๋าในจีน แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นคือการสร้างอุดมคติเชิงลบแบบชาตินิยม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพราะผมสามารถลิสต์ความสามารถและทักษะต่างๆ ที่คนจีนชำนาญและล้ำหน้ากว่าหลายประเทศได้ยาวมาก แน่นอนว่าอิตาลีก็เก่งในบางอย่างเช่นกัน ทำไมเราถึงไม่ภูมิใจและพูดในแง่เชิงบวกบ้างล่ะ?

ผมหวังว่าสิ่งที่ตามมาแม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เป็นผลดีต่อภาพรวมคือทุกวันนี้มีข่าวปลอมเยอะมากจนผมคิดว่าจากคนที่เชื่ออะไรง่ายๆ เขาอาจจะเริ่มกลายเป็นคนที่คัดกรองข่าวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ AI ในอนาคตผมก็คิดว่าเราจะเปลี่ยนจากการเชื่อทุกอย่างที่เห็นมาเป็นการไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เพราะเมื่อทุกอย่างสามารถปลอมได้ ผู้คนจะถูกบังคับให้ต้องตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง

 

V: งั้นมูลค่าของความจริงจะเพิ่มขึ้นเพราะมันจะกลายเป็นสิ่งที่หายาก นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับนักข่าวก็ได้

L: ผมคิดว่าใช่เลย และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบล็อกเชนคือนักข่าววิดีโอหรือช่างภาพนักข่าวทุกคนจะสามารถบันทึกเวลาและพิกัดตำแหน่งลงในบล็อกเชนได้ เพื่อให้มั่นใจว่าภาพหรือวิดีโอจะไม่ถูกปลอมแปลงหรือแก้ไขได้ เพราะมันได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว

 

V: ดังนั้นความจริงหรืออย่างน้อยๆ ก็ข้อมูลต้นทางจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถถูกเปลี่ยนได้ คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับ Versace ได้ไหม? นับตั้งแต่คุณประกาศเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนที่แล้ว บรรยากาศภายใน Prada Group เป็นอย่างไร และคุณวางแผนอะไรสำหรับแฟชั่วโชว์ในเดือนกันยายน?

L: อย่างแรกเลย เราต้องทำกระบวนการปิดดีลให้เรียบร้อยก่อน เพราะตอนนี้ในทางเทคนิคแล้วเรายังไม่มีอำนาจเหนือ Versace จนกว่าจะสามารถปิดดีลได้ เราอาจจะกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ก็จริง แต่โดยพื้นฐานแล้วเราก็เป็นผู้ชมประเภทหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะปิดดีลได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมหรืออาจจะช้ากว่านั้น และสำหรับแฟชั่นโชว์ แม้ว่าเราจะมีความคิดเห็นแต่ ณ ตอนนี้มันยังไม่ใช่หน้าที่ของเรา

 

V: แต่ภายใน Prada Group เองก็ต้องมีการคิดขยายไปถึงโอกาสที่กำลังจะมาถึงที่จะได้แสดงออกถึงการผลิตของกลุ่มผ่านมุมมองของอีกหนึ่งอัตลักษณ์และกระแสในโลกแฟชั่น

L: หนึ่งในเหตุผลที่เรามองว่า Versace เป็นโอกาสที่ดี ก็เพราะว่าอัตลักษณ์ของแบรนด์แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เรามีในพอร์ตฟอลิโอ สิ่งนี้สำคัญมากนะครับ ถ้าคุณเป็นกลุ่มบริษัท แบรนด์ไม่กลุ่มไม่ควรมีคาแร็กเตอร์ที่ทับซ้อนกันมากเกินไป

 

V: คุณคิดยังไงกับแฟชั่นโชว์แบบถ่ายทอดสด? เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านความเห็นของ CMO ท่านหนึ่งในวงการแฟชั่นที่พูดแฟชั่นโชว์ว่าเป็นเหมือน ‘เครื่องผลิตคอนเทนต์’ ซึ่งมันทำให้ผมสะอึกเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันตรงกับสิ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

L: ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณคาดหวังจากแฟชั่นโชว์ ความคาดหวังของคุณจะเป็นตัวกำหนดขอบเขตว่าแฟชั่นโชว์นั้นมีไว้เพื่ออะไร สำหรับผมแฟชั่นโชว์มีความสำคัญมากในการเข้าถึงแก่นแท้ของแฟชั่นและขับเคลื่อนวงการ เทรนด์คืออะไรและกำลังมุ่งไปในทิศทางไหน? บางทีสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลไปกับผู้ชมเพียงกลุ่มเล็กๆ และจากนั้นคุณก็สามารถใช้แฟชั่นโชว์ให้ผู้ชมในวงกว้างได้รู้จักมากขึ้น

ทุกวันนี้มีสื่อต่างๆ มากมาย คุณจำเป็นต้องใช้มันอย่างเป็นรูปธรรม แต่ผมต้องบอกว่าการจะทำอาหารจากวัตถุดิบที่หลากหลายมันยากกว่าการดเลือกใช้วัตถุดิบไม่กี่ชนิด และในวันนี้ เรามีวัตถุดิบมากมายที่จะทำให้การปรุงอาหารท้าทายยิ่งขึ้น!

 

V: คุณเคยใช้เวลาหลายปีในฐานะนักแข่งรถแรลลี่ งั้นขอจบด้วยคำถามที่อาจจะฟังดูเชยเล็กน้อย คุณได้อะไรจากกีฬานี้ และนำมาปรับใช้เข้ากับบทบาทของคุณใน Prada Group อย่างไรบ้าง? อาจจะเกี่ยวกับแนวทาง การวางแผน หรือความเสี่ยง

L: ตั้งแต่การเรียนปรัชญาไปจนถึงการแข่งขันกีฬารวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ผมนำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมาปรับใช้ในวิธีการทำงานของผม เพราะชีวิตของเรานี่แหละที่เป็นตัวกำหนดตัวตนของเรา แม้คุณไม่อยากเอาประสบการณ์ในอดีตมาใช้กับปัจจุบัน สุดท้ายแล้วคุณก็ต้องเอามันมาใช้อยู่ดี

 

Photo: Brigitte Lacombe and Courtesy of Prada Group

(สามารถตามไปอ่านบทความ 'Prada รวบโมเมนต์เหล่าเซเลบริตี้ที่มาร่วมเผยโฉมกระเป๋า Prada Re-Nylon 2025' ได้ที่นี่)

พูดคุยกับ Lorenzo Bertelli แห่ง Prada กับพันธกิจ ‘Sea Beyond’ บทบาทใหม่ของแฟชั่นควบคู่ความยั่งยืน