เมื่อแฟชั่นวีกจบลงกระแสนิยมด้านแฟชั่นจะผันเปลี่ยนไปตามแนวทางที่เกิดขึ้นบนรันเวย์ คำว่า ‘Trendsetter’ ในปัจจุบันอาจไม่ได้หมายถึงคนกลุ่มเดียวหรือการสื่อสารมิติเดียวอย่างเช่นเมื่อ 20 ปีหรือมากกว่านั้น แต่เป็นการผสมผสานระหว่างชุดความคิดของคนในสังคม ปรากฏการณ์ร่วม ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เรื่อยไปจนถึงผู้จุดประเด็นต้นเรื่องหรือเหล่าดีไซเนอร์และแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นผู้ร่วมกำหนดชะตาแฟชั่นในแต่ละเทรนด์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ฉุกคิดได้เป็นอย่างกับแฟชั่นวีกประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2026 คือเซฟโซนของแฟชั่นสำหรับคุณหญิงคุณนายที่จะไม่ใช่เซฟโซนเดิมอีกต่อ
ผู้เขียนขอยกตัวอย่างผ่านแบรนด์แฟชั่นระดับแถวหน้าที่ถ้าพูดถึงตัวเลือกของเหล่าผู้หญิงสง่างามที่มาพร้อมความหรูหราคือ Dior และ Chanel ภาพจำหลายปีที่สั่งสมจากผลงานของ Maria Grazia Chiuri และ Virginie Viard ตามลำดับ คือวิถีแห่งการสรรสร้างเสื้อผ้าที่เน้นย้ำความหรูหรา และหล่อหลอมวัฒนธรรมของเหล่าผู้รากมากดีให้สวมใส่เสื้อผ้าจากทั้ง 2 เมซงด้วยชุดความคิดที่ว่าเป็นแฟชั่นที่งดงาม อมตะเหนือกาลเวลา และสะท้อนอัตลักษณ์ของความเป็นคุณหญิงคุณนายได้อย่างไร้ที่ติ
แต่เมื่อปรากฏการณ์เก้าอี้ดนตรีเริ่มต้นขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงตำแหน่งการปฏิบัติงาน เพราะดีไซเนอร์ที่เข้ามาแทนที่คนเก่าจะเป็นผู้กำหนดทิศทางเชิงศิลป์ มากไปกว่านั้นผลงานของพวกเขาจะคอยกำหนดกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน ดังนั้นการเข้ามาของ Jonathan Anderson และ Matthieu Blazy อาจถูกใจคอแฟชั่นที่ต้องการความสดใหม่และผลงานที่ใช้ระบบความคิด การตีความ เรื่อยไปจนถึงการแสดงอัตลักษณ์เชิงศิลป์ที่โดดเด่น ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาดีเอ็นเอของแบรนด์ไว้ได้อย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นกัน ทว่าสำหรับลูกค้าการปรับเปลี่ยนดีไซเนอร์อาจหมายถึงเซฟโซนที่เคยถูกจริตอาจไม่ตอบโจทย์ชนิดครบถ้วนสมบูรณ์เสมอไป
ดิออร์คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เพราะเดิมทีเมื่อจินตนาการภาพคำว่า ‘สาวดิออร์’ หรือ ‘Miss Dior’ จะต้องนึกถึงความเลอค่าสง่างามราวกับเจ้าหญิง ถ่ายทอดมาถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นเหล่าผู้ดีและไฮโซยุคเก่า กลุ่มคนเหล่านี้เริ่มมีอายุขึ้น แฟชั่นตามบทนิยามที่เราคุ้นเคยก็ถูกถ่ายทอดสู่ลูกหลาน จึงเกิดเป็นวิถีแฟชั่นของเหล่าไฮโซที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่สามารถแสดงตัวตนและสถานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี กลับกันเมื่อโจนาธานเข้ามากุมบังเหียนนิยามของผู้หญิงดิออร์เปลี่ยนโฉมไปชนิดคนละด้าน ‘New Look’ ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์บันลือโลก ถูกเนรมิตใหม่ให้กลายเป็นชุดสัดส่วนแปลกตาชี้ให้เห็นกลิ่นอายความขี้เล่นและวิธีการตีความประวัติศาสตร์ของโจนาธานที่ไม่เหมือนกับมาเรียเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังมีการปรับภาพของผู้หญิงจากบัลลังก์ความหรูหราสู่มิติความสนุกสนาน สอดแทรกความอ่อนหวาน และชื่นชอบการทดลองทางศิลปะ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเจเนอเรชั่นและการเจาะกลุ่มตลาด เพราะตอนนี้ผู้หญิงดิออร์แสนงดงาม กำลังจะเป็นสาวยุคใหม่ที่มีความสลับซับซ้อนเชิงความคิด และไม่ได้นั่งแช่อยู่บนบัลลังก์ความหรูหราตลอดเวลาอีกต่อไป
หากจะกล่าวว่า ‘New Miss Dior’ คือกลุ่มสาวคนรุ่นใหม่ก็ไม่ผิดนัก คาแร็กเตอร์ความเฟมินีนเต็มขั้นอาจไม่ใช่หัวใจหลักของเมซงในสมัยของโจนาธาน รูปทรง ซิลูเอต ลวดลาย และอีกหลายองค์ประกอบถูกรื้อสร้างใหม่ด้วยการอ้างอิงตามผลงานเก่าจากคลังสะสม ไม่ใช่รูปแบบของการยกมาทั้งดุ้น แต่เป็นการปรับโฉมเพื่อสะท้อนภาพดิออร์ในอีกมุมมองหนึ่ง ดังนั้นคำตอบสุดท้ายของผู้หญิงที่มีคาแร็กเตอร์สอดคล้องกับผู้หญิงดิออร์ของมาเรียจึงอาจหนักใจกับผลงานครั้งใหม่ หรือคำตอบสุดท้ายอาจเป็นผลงานโอตกูตูร์ที่เน้นย้ำงานฝีมือและมิติความงดงามแบบจัดเต็ม ในอนาคตโจนาธานน่าจะมีไม้เด็ดมัดใจลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีรสนิยมเฉพาะเจาะจงและกำลังทรัพย์มหาศาลด้วยเช่นกัน
ด้านชาเนลของแมทธิวก็แปลงโฉมโลกของความเรียบคลาสสิกและภาพจำของชุดชาเนลตั้งแต่สมัยโบราณให้กลายเป็นงานศิลปะสะกดทุกสายตาพร้อมกับเซ็ตติ้งอลังการ ณ กรองด์ ปาเลส์ ดูเหมือนว่าตั้งแต่เสื้อผ้าของเซเลบริตี้แบรนด์จะเนรมิตใหม่ให้ออกมาในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งนำมาสู่การเผยโฉมลุคสดใหม่ที่เลือกสรรองค์ประกอบและกลิ่นอายของมาดามโคโค่มาใช้อย่างพิถีพิถัน ประกอบการงานฝีมือที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยการนิยามคาแร็กเตอร์ของผู้หญิงชาเนลโฉมใหม่ ที่สร้างตำราความขบถขึ้นมาอีกแขนง ความไม่เนี้ยบ ไม่เป๊ะ แต่ผ่านการคัดสรรอย่างถี่ถ้วน เสื้อโค้ต ชุดผ้าทวีด ชุดเดรส และงานประดับฟริงก์ ชี้ให้เห็นถึงความแก่นชวนสนุกกับแฟชั่นมากกว่าสไตล์คลาสสิกดั้งเดิม
“นี่ไม่ใช่ชาเนลรุ่นคุณยาย” หัวข้อแฟชั่นจากสำนักงานข่าวยักษ์ใหญ่จากนิวยอร์ก ถือว่าจั่วหัวรุนแรงแต่ตรงกับความเป็นจริง ภาพจำดั้งเดิมของชาเนลที่ส่งผ่านมานาหลายทศวรรษกำลังจะแปรเปลี่ยนสู่แฟชั่นสไตล์จัดจ้าน และไม่ได้ตั้งอยู่บนโลกแห่งการผสมผสานความเฟมินีนและแมสคิวลีนเพียงอย่างเดียว ทว่ายังรวมถึงสีสัน ลวดลาย และการสไตลิ่ง ที่ขาดไม่ได้คือแอ็กเซสเซอรี่กับรองเท้าที่ทำให้แต่ละลุคดูมีลูกเล่นเอกลักษณ์ เหมือนกับว่าแมทธิวนำมิติความคลาสสิกของเมซงมาเขย่าใหม่จนเกิดเป็นผลงานเดบิวต์ที่อาจจะอยู่ในลิสต์โชว์ที่ดีที่สุดในแฟชั่นวีกซีซั่นนี้
ความน่าสนใจของแฟชั่นยุคสมัยของแมทธิวหมายถึงการเปลี่ยนกลุ่มตลาดไปด้วยเช่นกัน ตลอดหลายทศวรรษ ชาเนลนำเสนอเสื้อผ้าที่หรูหราสง่างาม ประกอบความโก้มีสไตล์ ถึงกระนั้นก็ยังรักษาความดั้งเดิมเอาไว้เหมือนกับคาแร็กเตอร์ของนักอนุรักษ์นิยมที่แอบสอดแทรกความขบถ ครั้งนี้ความขบถและเรื่องราวการตั้งคำถามต่อเรื่องแฟชั่น รวมถึงรากฐานการสรรสร้างลุคซิกเนเจอร์ตั้งแต่สมัยผู้ก่อตั้งจนถึงดีไซเนอร์คนก่อนหน้า คลุกเคล้ากันจนอาจทำให้สาวกแฟชั่นที่ชื่นชอบความคลาสสิกของสีสัน แพตเทิร์น ซิลูเอต หรือทุกรายละเอียดตกอกตกใจกันไม่น้อย แน่นอนว่าแบรนด์คงไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มใหญ่กับสไตล์คุณหญิงคุณนาย แต่ไอเท็มรันเวย์อาจไม่ใช่สำหรับเธออีกต่อไป สินค้าสำหรับขายทั้งปีอาจยังปรากฏให้เห็น แต่ไม่ใช่การอัปเดตเทรนด์ใหม่สำหรับผู้รากมากดีแสนสง่างาม
การเปิดโลกความท้าทายคือแรงกดดันมหาศาลของแมทธิว วันนี้เหล่าคุณหญิงคุณนายที่กำลังติดตามแฟชั่นเพื่อหาไอเท็มชิ้นใหม่อาจคิดใหม่กับชาเนล เพราะวันนี้ชาเนลเปลี่ยนไป ภาพจำแบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยลายเซ็นของแมทธิวไปเสียแล้ว พวกเธอต้องปรับคาแร็กเตอร์มาเป็นสาวสวยเก๋มากกว่าสวยจริตนิ่ง เป็นคนมั่นใจกับแฟชั่นที่ฉีกกรอบมากกว่าพื้นฐานความสวยงามธรรมดา มากไปกว่านั้นต้องเข้าใจวิธีปรับโฉมด้วยรากฐานประวัติศาสตร์ของเมซง มันชวนให้ผู้เขียนคิดถึงคำกล่าวของ Karl Lagerfeld เหลือเกินว่า “ถึงเธอ (Mademoiselle Chanel) ไม่เคยทำเช่นนี้ แต่มันก็เป็นชาเนลมากเลยจริงไหมล่ะ” สู่คำกล่าวที่ปรับใหม่ได้ว่า “ถึงจะดูแปลกใหม่ไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นชาเนลมากเลยจริงไหมล่ะ”
วันนี้ทั้งดิออร์และชาเนลกำลังเริ่มต้นยุคใหม่อย่างเป็นทางการ บางคนถึงขั้นเปรียบเปรยว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการกำเนิดของทั้ง 2 เมซงในยุคปัจจุบันไปจนถึงอนาคต เท่ากับว่ากลุ่มลูกค้าดั้งเดิมจะหันมาปรับตัวเข้าหาแบรนด์ หรือไม่อีกทางเลือกคือเดินจากไปพร้อมอัตลักษณ์ความหรูหราบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ดิออร์และชาเนลจะนำกระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดพากลุ่มลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ และสาวกแฟชั่นให้ปลิวผ่านไปในทิศทางที่ต้องการ เซฟโซนอาจคงอยู่สำหรับไอเท็มเบสิกทั่วไป ทว่าสำหรับผู้หญิงบนบัลลังก์อาจไม่เพียงพอเมื่อความลักชัวรีของพวกเธอไม่ใช่การเสาะหาหรือครอบครองได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นมิติความคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่สะท้อนสถานภาพในทุกมิติผ่านเสื้อบนรันเวย์หรือไอเท็มชนิดลิมิเต็ด เอดิชั่น ความพิเศษที่ไม่ใช่ ‘ของทั่วไป’ ในบูติกที่พบเจอได้ทั่วโลกตลอดเวลาคือสิ่งที่คนเหล่านี้แม้จะวางตัวงดงามดั่งหงส์ แต่ก็ไม่หยุดขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้อย่างขะมักเขม้นเช่นกัน สุดท้ายต้องติดตามชมว่าเซฟโซนดังกล่าวจะมีตราสัญลักษณ์ของดิออร์และชาเนลเช่นเดิมหรือไม่ หรือเหล่าลูกค้ากระเป๋าหนักผู้มีมาตรฐานและมุมมองความนิยมชมชอบคล้ายคลึงกันตามสังคมจะเดินหน้าสู่เซฟโซนกับแบรนด์และวิถีแฟชั่นที่ต่างออกไป

















