Vogue Thailand

FASHION

ไกด์หลักการ ‘จับคู่สี’ รังสรรค์ลุคให้สดใหม่ จากเสื้อผ้าตัวเดิม

มาดูวิธีจับคู่สีเสื้อผ้าแบบเข้าใจง่าย แค่รู้หลักการพื้นฐานเหล่านี้ การแต่งตัวในแต่ละวันก็กลายเป็นเรื่องแสนง่าย แถมได้ลุคใหม่ๆ แบบที่ไม่ต้องคอยซื้อเสื้อผ้าจนล้นตู้

โดย วราภรณ์ หงส์วรางกูร
27 สิงหาคม 2568

     “ไม่มีอะไรใส่เลย” มักเป็นคำพูดจากคนที่หลายคนเผลอบ่นออกมาทั้งที่เสื้อผ้าล้นตู้ เป็นไปได้มากว่าคนคนนั้นไม่ชอบการใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ จนทำให้ต้องซื้อเสื้อผ้าชิ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา ปัญหานี้ไม่ได้มาจากการมีเสื้อผ้าน้อย แต่อาจเป็นเพราะยังไม่รู้จักวิธีรีเฟรชลุคจากสิ่งที่มีอยู่แล้วมากกว่า

     หนึ่งในเคล็ดลับง่ายๆ ที่สไตลิสต์นิยมใช้กันเพื่อให้ได้ลุคที่ดูสดใหม่ ไม่ซ้ำ คือ “การจับคู่สี” เสื้อผ้าชุดเดิมอาจดูเหมือนชุดใหม่แค่จับคู่สีให้เป็น และนี่คือ 5 หลักการจับคู่สีเสื้อผ้า ที่จะช่วยให้การแต่งตัวทุกวันเป็นเรื่องง่ายเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัว

 

1. จับคู่โทนสีเดียวกันแต่ต่างเฉด (Monochrome Look)

    Monochrome Look คือเทคนิคที่ง่ายที่สุดและแต่งได้ไม่มีพลาด เพียงเลือกใส่เสื้อผ้าโทนสีเดียวกัน โดยสามารถไล่ตั้งแต่เฉดอ่อน กลาง ไปจนถึงเข้ม เช่น เสื้อเชิ้ตสีเนื้อ กับกางเกงสีน้ำตาล แล้วเลเยอร์เบลเซอร์สีน้ำตาลเข้ม ลุคจะออกมาดูดีทันที หรือหากอยากเพิ่มความแฟชั่น ลองเล่นกับเท็กซ์เจอร์ของเนื้อผ้าหลายๆ แบบ เช่น จับคู่ผ้าไหมกับผ้าวูล เพราะแม้จะเป็นสีเดียวกัน แต่ความแตกต่างของเนื้อผ้าก็ช่วยเพิ่มมิติให้ลุคน่าสนใจ

 

2. จับคู่สีใกล้กัน (Analogous Colors)

     การใช้สีที่อยู่ติดกันบนวงล้อสี เช่น เขียว+เหลือง หรือ ฟ้า+ม่วง จะช่วยให้ลุคดูมีความกลมกลืน องค์ประกอบจะดูไหลลื่น เชื่อมต่อและเป็นคู่สีที่เข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้เหมาะกับวันสบายๆ ที่อยากเล่นกับสีสัน แต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป อย่างลุคนี้ที่ใช้โทนสีเหลืองมัสตาร์ดและสีเขียวมะกอก ซึ่งไล่เฉดไปทางเอิร์ธโทน ได้ลุคที่ดูอบอุ่นและมีความวินเทจอยู่เบาๆ

 

 

3. จับคู่สีตรงข้าม (Complementary Colors)

     ถ้าอยากได้ลุคที่โดดเด่น สะดุดตา ลองใช้คู่สีตรงข้าม เช่น น้ำเงิน+ส้ม แดง+เขียว หรือม่วง+เหลือง เพราะเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วจะสร้างความคอนทราสต์ชัดเจน วิธีนี้สไตลิสต์มักใช้บนรันเวย์เพื่อให้ชุดดึงดูดสายตา แต่ที่จริงก็ปรับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่จำกัดแค่การจับคู่สีท่อนบนและล่างเท่านั้น แต่ยังใช้กับการแมตช์แอสเซสเซอรี่ได้เช่นกัน เช่น เสื้อยืดสีน้ำเงิน+รองเท้าสีส้ม หรือชุดเดรสสีแดง+กระเป๋าสีเขียว เป็นต้น

 

 

4. จับคู่ สีพื้น + สีสดใส

     หากยังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มตรงไหน เทคนิคที่ไม่มีพลาดคือการใช้สีพื้นฐาน อย่าง สีขาว สีดำ สีเทา หรือสีเบจ แล้วจับคู่กับสีสดใส เช่น เดรสสีขาว+รองเท้าแดงสด หรือเสื้อเชิ้ตดำ+กางเกงสีเหลืองมัสตาร์ด วิธีนี้ไม่เพียงช่วยให้ลุคดูมีสไตล์ แต่ยังเป็นทางออกที่ง่ายและปลอดภัยสำหรับมือใหม่หัดจับคู่สี เพราะสีพื้นฐานทำหน้าที่เหมือนเป็นแคนวาส หรือกรอบผ้าใบ ที่ปล่อยให้สีสันสดใสได้เฉิดฉายในตัวเอง

 

 

5. ใช้กฎ 3 สี (Rule of Three)

     อีกหนึ่งเคล็ดลับที่สไตลิสต์ใช้กันบ่อยๆ คือการจำกัดจำนวนสีในหนึ่งลุคไม่เกิน 3 สี เพื่อป้องกันไม่ให้ลุคดูรกหรือเยอะจนเกินไป เช่น เสื้อขาว + กางเกงสีดำ + รองเท้าและกระเป๋าสีแดง ทั้งหมดพอดีที่ 3 สี ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะหยิบสุ่มๆ สีอะไรก็ได้มารวมกัน แต่ควรเลือกสีที่ดูสัมพันธ์และไปด้วยกันได้เพื่อบาลานซ์ความพอดี

 

ภาพปก : Pexels (Following NYC, cottonbro studio, Filip Rankovic Grobgaard)