If you can’t be better than your competition, just dress better. ประโยคให้กำลังใจ (หรืออาจจะเสียดสี) คนทำงานจากสุดยอดบุคคลไอคอนิคในวงการแฟชั่นอย่าง ‘แอนนา วินทัวร์’ ที่ช่วยปลุกให้คนทำงานลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ดี ก่อนจะออกไปเผชิญกับการทำงานอันวุ่นวาย เพราะไม่ว่าคุณจะเจอสถานการณ์ที่แย่แค่ไหน แต่ถ้าแต่งตัวให้ดีเข้าไว้ ก็อาจจะช่วยไม่ให้คุณรู้สึกแย่กับวันที่โชคไม่เข้าข้างขนาดนั้น
‘การแต่งตัว’ อาจจะส่งผลต่อการทำงานมากกว่านั้น เพราะเมื่อมีนักวิจัยมองหาความเชื่อมโยงระหว่างการแต่งตัว กับความคิด และประสิทธิภาพในการทำงานซึ่งสิ่งที่นักวิจัยค้นพบถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยงานวิจัยจากวารสาร Social Psychological and Personality Science ระบุว่าจากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่ถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่แต่งกายเป็นทางการด้วยการใส่สูท หรือชุดเดรสแล้วทับด้วยแจ็คเก็ตสูทกับกลุ่มคนที่แต่งกายตามสบาย แล้วให้ทั้งสองกลุ่มตอบแบบสอบถามที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการวางแผนระยะยาว พบว่ากลุ่มคนที่แต่งกายเป็นทางการมีประสิทธิภาพในการคิด ตัดสินใจ และวางแผนได้มากกว่า ชี้ให้เห็นว่าเสื้อผ้าที่เลือกใส่เชื่อมโยงต่อความรู้สึก ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้
สอดคล้องกับผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Experimental Psychology : General ที่ให้ผู้เข้าร่วมแต่งกาย 3 สไตล์ทั้งการใส่ชุดลำลอง, การใส่ชุดทางการ และการใส่ชุดกีฬา แล้วทดลองให้เจรจาเพื่อปิดดีลให้สำเร็จ ผลการทดลองพบว่าเมื่อแต่งกายด้วยชุดที่เป็นทางการสามารถเจรจาให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด มากกว่าการแต่งกายในรูปแบบอื่น
ไม่ใช่เพียงการแต่งกายอย่างเป็นทางการที่ให้ผลดีเท่านั้น แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบออกนอกกรอบ การแต่งกายที่หยอดจุดเด่นบางอย่างลงไปจะทำให้ผู้คนมองว่าคุณมีความน่าสนใจ และมีความสามารถมากกว่าคนอื่นๆ โดยผลสรุปนี้อิงมาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Consumer Research ได้สำรวจความเห็นของผู้คนต่อผู้ที่สร้างจุดเด่นบางอย่างในการแต่งกาย เช่นการเลือกใช้สีที่โดดเด่นในบางจุด หรือเลือกเครื่องประดับที่ทำให้ลุคแตกต่าง ส่วนมากให้ความเห็นว่าคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมีแนวโน้มน่าจะทำงานได้ดี และมีความสามารถมากกว่า
แล้วอะไรหล่ะ ที่ทำให้ผู้คนเชื่อแบบนั้น ?
‘ลุคที่ดีจะทำให้ดูน่าเชื่อถือมากกว่า’ คำกล่าวนี้อาจสะท้อนค่านิยมที่ให้ความเคารพ และความน่าเชื่อตอผู้คนจากภายนอก แต่ในทางจิตวิทยาแล้ว การแต่งกายที่ดูดี เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อมด้วยท่าทีที่ดูมั่นใจมีผลต่อความประทับใจแรกพบ (first impression) และสามารถสะท้อนตัวตนของคุณได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากพูดด้วยซ้ำ อาจจะเรียกว่านี่เป็น ‘พลังของแฟชั่น’ คงจะไม่เกินไปนัก ดังนั้นถ้าหากลองเริ่มต้นวันด้วยการให้เวลากับการแต่งกายเพิ่มอีกซักนิด อาจช่วยพลิกวันที่อาจจะแย่ให้ดีขึ้นได้ และนี่คือคำแนะนำที่อยากให้คุณลองทำตาม
- หาสไตล์ที่ใช่ให้เจอ – อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะค้นเจอสไตล์ที่ใช่ และเหมาะกับตัวตนอย่างแท้จริง แต่คุณสามารถค่อยๆใช้เวลากับการค้นหา ทดลองสไตล์ใหม่ๆ โดยเริ่มจากค่อยๆปรับ แล้วฟังเสียงจากคนรอบข้างที่มีความคิดเห็นกับลุคของคุณ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องฟังตัวเองว่าคุณชอบสไตล์นั้นๆจริงหรือไม่
- หยอดความน่าสนใจลงในสไตล์ - แค่สไตล์อาจจะยังไม่พอ หากคุณต้องสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ อาจจะต้องเพิ่มบางอย่างที่เป็นจุดสนใจ เช่นการเลือกสีไอเท็มบางชิ้นให้โดดเด่นหรือ การใส่เครื่องประดับเพิ่ม
- รู้สถานการณ์ที่ต้องไป – สไตล์ที่เหมาะกับคุณอาจจะไม่ได้เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องไป แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องเปลี่ยนสไตล์ไปโดยสิ้นเชิง แต่ต้องปรับประยุกต์สไตล์ของคุณเข้ากับบริบทของสถานการณ์ที่ต้องไป
- ความมั่นใจสำคัญที่สุด – ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความมั่นใจของคุณแล้ว การสร้างความมั่นใจ และพลังบวกให้กับตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะช่วยให้คุณพร้อมรับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่แย่ก็ตาม
แม้ว่าคุณจะไม่สนใจเรื่องการแต่งกายแม้แต่น้อย ผู้คนก็ยังตัดสินคุณจากการเห็นคุณในครั้งแรก ซึ่งก็ต้องตัดสินบนการแต่งกายนั่นเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการพัฒนาทักษะ ความสามารถ และความคิดเพื่อเพิ่มคุณค่า และความน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน จึงจะทำให้คุณดูดีได้ทั้งจากภายใน และภายนอก

Chappell Roan แต่งตัวเป็นเทพีเสรีภาพขึ้นคอนเสิร์ต พร้อมกล่าวคำพูดสะเทือนอารมณ์เกี่ยวกับ 'เสรีภาพ'



