FASHION

Vogue Italia โฉมใหม่! จะเป็นอย่างไรเมื่อออฟฟิศของโว้กถูกเทคโอเวอร์ทำเป็นงานศิลปะ

โปรเจกต์พิเศษกับการเนรมิตออฟฟิศ Vogue Italia ให้กลายเป็นงานศิลปะจากฝีมือดีไซเนอร์ทั้ง 8 กลุ่ม

     ห้องแอร์ติดหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์สีขาว แผงกั้นแบ่งส่วน คอมพิวเตอร์วางบนโต๊ะสำนักงาน เหล่านี้คงเป็นภาพจำของคำว่า “ออฟฟิศ” สำหรับใครหลายคน แต่ต้องบอกว่าชีวิตการทำงานของโว้กประเทศอิตาลีจะมีความน่าพิสมัยขึ้นอย่างมากเมื่อเหล่าดีไซเนอร์หลากหลายแขนงเข้ามาปรับแต่งออฟฟิศของโว้กให้กลายเป็นงานศิลปะชั้นยอด เปลี่ยนแปลงสำนักงานสายแฟชั่นที่คนวาดฝันไว้ว่าต้องมีโต๊ะทำงานแบบ Anna Wintour หรือมีกลิ่นอายสายแฟชั่นแบบ Karl Lagerfeld แต่เมี่อเห็นซีรีส์การจัดการตกแต่งครั้งใหญ่ครั้งนี้แล้วอาจจะต้องร้องว้าวตะลึงกับคำถามสุดฉงน “นี่หรือสถานที่ทำงาน” 

ออฟฟิศสุดเท่แบบฉบับของ JW Anderson / ภาพ:  Delfino Sisto Legnani

     โปรเจกต์การเทคโอเวอร์ออฟฟิศโว้กอิตาเลียเป็นส่วนหนึ่งของ Salone de Mobile งานแฟร์ที่มีลักษณะเปรียบเสมือน Milan Design Week ด้วยความที่ออฟฟิศของโว้กนั้นมีขนาดพอสมควรและจัดแบ่งสัดส่วนไว้อย่างดีอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงสามารถเลือกเหล่าดีไซเนอร์เข้ามาตีความ สร้างสรรค์ออกแบบกันคนละสัดละส่วนได้อย่างเต็มที่ โปรเจกต์สุดสร้างสรรค์ครั้งนี้มีคนเข้าร่วมออกแบบ 8 คนสำหรับ 8 ส่วน นอกจากสถาปนิกชื่อดังของอิตาลีแล้วยังมีนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Loewe อย่าง Jonathan Anderson ร่วมออกแบบให้กับออฟฟิศแฟชั่นนี้เช่นกัน เขาใช้วิธีผสมผสานเอาความเป็นอังกฤษแบบคลาสสิกเช่นการหยิบสีเหลืองมาทาผนังห้องสร้างความสว่างให้กับห้อง แต่ก็ทำให้ร่วมสมัยโดยการใส่โต๊ะไม้โอ๊คเรียบสุดโมเดิร์นรวมถึงการสอดแทรกอาร์ตเวิร์กเพิ่มมิติให้กับห้องทำงานขึ้นไปอีกระดับโดยฝีมือของ Anne Low

ห้องประชุมที่มีเอกลักษณ์เป็นโต๊ะหินอ่อนและโควตจาก Karl Lagerfeld ฝีมือการออกแบบของ Massimiliano Locatelli / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     Massimiliano Locatelli ดีไซเนอร์และสถาปนิกที่โดดเด่นในเรื่องการออกแบบภายในด้วยเทคนิคภาพพิมพ์ 3 มิติ ครั้งนี้เขาออกแบบห้องประชุมของโว้กอิตาเลียให้สดใหม่มากยิ่งขึ้น มีการใช้หินอ่อนหลากหลายสีไล่เรียงกัน ปรับเก้าอี้ให้ดูเรียบง่ายผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Paris' Désert de Retz โบราณสถานสำคัญของฝรั่งเศส เพิ่มเติมความสมบูรณ์ให้กับห้องสำหรับการประชุมสำคัญด้วยโควตจากสุดยอดตำนานดีไซเนอร์คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์



WATCH




ห้องพักผ่อน ทานขนมสุดน่ารักในโทนสีชมพูและความเรียง่ายของการจัดวางโดย Studio Proba / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     Studio Proba สตูดิโอการออกแบบที่มีชื่อเสียงจากมหานครนิวยอร์ก มี Alexandra Proba นำทัพในการออกแบบ การประดิษฐ์ประดอยในห้องพักเบรกไปเรื่องสำคัญฉะนั้นการออกแบบห้องนั่งเล่นของอเล็กซ์และทีมคือการใส่สีสันสดใสเพิ่มมู้ดความสดชื่น มีการใส่รูปทรงที่อสมมาตรแต่ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป สร้างความสนุกสนานในยามพักผ่อนได้อย่างดี ทางทีมกล่าวถึงห้องนี้ว่า “ห้องนี้จะทำให้คุณมีช่วงเวลาของการพักผ่อนที่สร้างสรรค์ในแบบที่คุณต้องการในวันแสนวุ่นวายในออฟฟิศโว้ก”

Ana Kraš กับพื้นที่ห้องที่เธอออกแบบภายใต้แนวคิดออร์แกนิค โมเดิร์นนิสต์ / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     Ana Kraš เฟอร์นิเจอร์ดีไซเนอร์ชาวเซอร์เบียผู้หลงใหลในสไตล์ออร์แกนิคโมเดิร์นนิสต์ ดีไซเนอร์สาวสร้างสไตล์ความเรียบง่ายและยังคงยึดคอนเซปต์ของสถานที่นั้น ๆ ได้เหมือนเดิม เธอจึงให้คำนิยามกับการออกแบบครั้งนี้ว่า “ฉันอยากได้พื้นที่บางส่วนที่ยังคงเป็นออฟฟิศอยู่” ห้องจึงออกมาในรูปแบบโล่งโปร่งเรียบง่ายมีโต๊ะกระจกและไปเน้นลูกเล่นงานศิลปะตามผนังเพื่อปรับมู้ดความสบายให้กับสถานที่ทำงานมากขึ้น

ห้อง The Golden Love ของ Storage Associati / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     Storage Associati กำลังพลิกโฉมออฟฟิศสู่ความหรูหราอลังการด้วยห้องที่เรียกว่า “The Golden Love” ห้องที่เปี่ยมไปด้วยความร่วมสมัย โทนสีทองกับเบาะเครื่องหนังดูเก่าแก่ รวมถึงโลหะทองเหลือที่ล้วนป็นตัวแทนของความเก่า ย้อนยุคและล้าสมัยในบางครั้ง แต่ด้วยการจัดวางเล่นแสงและแบ่งปันสัดส่วนของห้องทำให้ห้องความรักสีทองกลายเป็นออฟฟิศอันหรูหราที่น่านั่งทำงานที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ห้องที่มีคอนเซปต์จะผสมสานอดีต ปัจจุบันและอนาคตเข้าด้วยกัน / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     Rafael de Cárdenas / Architecture at Large ทีมสร้างสรรค์การออกแบบเรื่องสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบภายในจากนิวยอร์ก กำลังผลักดันการพัฒนาไอเดียของออฟฟิศไปอีกระดับด้วยคอนเซปต์ “Ultima Thule” จาก NASA พวกเขาอยากให้จินตนาการถึงโว้กอิตาเลียในอีก 20 ปีข้างหน้าโดยมีไอเดียของปัจจุบันและรากฐานของอดีตอยู่ “มันหมายถึงการที่คุณรู้สึกว่าเดินเข้าไปในห้องทดลองที่สามารถผูกโยงอดีต ปัจจุบันและอนาคตเข้าด้วยกันได้” เก้าอี้ตัวเล็ก ๆ สีขาว โคมไฟตั้งพื้นสุดโมเดิร์น และโต๊ะสไตล์นโปเลียนผสมผสานกลายเป็นโว้กอิตาเลียในแบบฉบับอมตะเหนือกาลเวลา

ห้อง Talent Room ในแบบฉบับของ Pierre Marie / ภาพ: Delfino Sista Legnani

     Pierre Marie สร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่า “Talent Room” ให้กับโว้กอิตาเลีย สะท้อนถึงความต้องการของปิแอร์ที่เนรมิตห้องธรรมดาสู่ห้องขับแรงบันดาลใจของเหล่าทีมงานของโว้กจากดินแดนมักกะโรนี โทนเหลือง-ฟ้าตัดด้วยลวดลายอ่อนช้อย พลิ้วไหวไหลตามสัดส่วนของห้อง ด้วยการจัดวางและลักษณะเฟอร์นิเจอร์รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งทุกรูปแบบ แปลงโฉมออฟฟิศทั่ว ๆ ไปสู่ห้องที่เข้ามานั่งเมื่อไหร่อาจจะหัวใสคิดงานได้ทันที

ห้องบรรณาธิการบริหารถูกเนรมิตให้เหมือนห้องส่วนตัวในบ้านพักสุดหรูกลางเมืองมิลานโดยคู่หู David/Nicolas / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     David/Nicolas สองคู่หูจากเมืองเบรุตประเทศเลบานอนผู้จารึกผลงานด้านการออกแบบด้วยความเรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งกลิ่นอายความพิเศษให้เหมาะกับสถานที่นั้น ๆ พวกเขามีแนวคิดอยากจะทำออฟฟิศให้เหมือนบ้าน ห้องของบรรณาธิการบริหารถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องพักแสนสบายราวกับบ้านบนตึกแมนชั่นสักที่กลางเมืองมิลาน สีเนื้อ ดำ เบจ น้ำตาลไม้ทำให้ห้องเกิดอารมณ์นุ่มนวลแต่ก็แข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ใครนั่งอยู่ในห้องนี้สามารถนิยามได้เลยว่า “คลาสสิก สง่างาม และซ่อนความบ้าในตัวไว้เล็ก ๆ”

ความพิเศษในการใส่ใจรายละเอียดของทางเดินและผนังในออฟฟิศโว้กอิตาเลียของ Pierre Marie / ภาพ: Delfino Sisto Legnani

     ผลงานทั้งหมดของเหล่าดีไซเนอร์ออกมาในรูปแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ทั้งหมดถูกสร้างสรรค์ออกมาภายใต้คอนเซปต์ออฟฟิศของบริษัทที่มีความก้าวล้ำนำสมัยด้านแฟชั่นโดยที่ไม่ละทิ้งศิลปะฉบับคลาสสิกอย่างโว้กอิตาเลีย นับเป็นงานยากที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อเนรมิตออฟฟิศสำนักงานสู่งานศิลปะขนาดใหญ่หลายห้อง ทุกห้องปรับเปลี่ยนมู้ดห้องไปในทิศทางแบบที่นักออกแบบต้องการ 100 เปอร์เซนต์และสะท้อนให้เห็นว่าคำว่า “ออฟฟิศ” ไม่ได้ผูกติดอยู่กับแค่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง สิ่งที่พวกเขากำลังทำคือการสร้างห้องทำงานแสนพิเศษจนทำให้คุณอาจจะลืมสถานที่ทำงานแบบเก่าไปโดยสิ้นเชิง นิทรรศการในออฟฟิศโว้กอิตาเลียครั้งนี้จัดถึงวันที่ 12 เมษายนตามเวลาประเทศอิตาลีเท่านั้น หากใครอยู่อิตาลีตอนนี้เราแนะนำว่าอย่าพลาด แต่ถ้าหากไม่มีโอกาสได้เดินทางไปคอยติดตามภาพต่าง ๆ จากฟีดออนไลน์ไว้เลยเพราะโปรเจกต์เทคโอเวอร์ครั้งนี้กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ

WATCH

คีย์เวิร์ด: Living Vogue Italia JW Anderson