ปี 2021 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำของแบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสระดับตำนาน Louis Vuitton เนื่องจากเป็นโอกาสครบรอบ 200 ปีชาตกาลของผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง หลุยส์ วิตตอง (วันที่ 4 สิงหาคม 1821) ที่เหล่าสายแฟ(ชั่น)อาจจะคุ้นชินในฐานะของแบรนด์เสื้อผ้าอันดับต้นของโลก ทว่าความจริงที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนก็คือ หลุยส์ วิตตอง ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยกิจการตัดเย็บเสื้อผ้าเฉกเช่นหลายๆ แบรนด์ หากคือผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ และหีบใส่ของสำหรับชาวฝรั่งเศสในยุคนั้น ที่นิยมใช้หีบใส่ของใช้ต่างๆ ตั้งแต่เครื่องใช้ เครื่องประดับ ไปจนถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ ก่อนที่ในปี 1997 คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าจริงจังครั้งแรกของแบรนด์จะถือกำเนิดขึ้น หลังจากที่องค์กร LVMH ได้เข้าซื้อกิจการ และว่าจ้างให้ Marc Jacobs มานั่งกุมบังเหียนดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนแรก

     ตลอดเวลาที่ หลุยส์ วิตตอง รับใช้ชาวปารีเซียงมาเป็นเวลาแสนนาน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1854 บนถนน Rue Neuve des Capucines ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผลงานสร้างสรรค์ของแบรนด์ได้พัฒนาเรื่อยไปตามกระแสนิยมของสังคม จากหีบใส่ของกลายเป็นกระเป๋าถือ ที่หลายคนไม่เคยรู้เลยว่าเบื้องหลังกระเป๋าถือหลายรุ่นเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับคนดังมากมาย เริ่มต้นที่สุภาพสตรีคนแรกที่เปลี่ยนภาพจำให้กับแบรนด์ หลุยส์ วิตตอง จากแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำหีบ ก้าวกระโดดไปสู่แบรนด์หีบสำหรับชนชั้นสูงในฝรั่งเศส นั่นคือราชินี Eugenia de Montijo ใน Napoléon Bonaparte หรือจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ที่เรียกใช้หลุยส์ วิตตอง ให้เข้าไปทำหีบสำหรับเก็บเครื่องใช้ของราชวงศ์จนเป็นที่พูดถึงแบบปากต่อปาก สร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่าขุนนาง และชนชั้นสูงอีกหลายคน ที่เชื่อใจเรียกใช้ หลุยส์ วิตตอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระนั้นนอกจากราชินีแห่งฝรั่งเศสแล้ว ยังมีดีไซเนอร์หญิงชื่อก้องโลกอีกคนที่สร้างจุดเปลี่ยนให้กับกระเป๋าของ หลุยส์ วิตตอง เอาไว้ด้วยเช่นกัน เธอคนนั้นคือ Coco Chanel

Audrey Hepburn กับกระเป๋ารุ่น Keepall สั่งทำพิเศษ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของกระเป๋ารุ่น Speedy 25

 

     มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า โคโค่ ชาเนล คือลูกค้าชั้นเยี่ยมของ หลุยส์ วิตตอง มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขนาดที่ว่าในปี 1925 เธอยังได้สั่งให้ทำกระเป๋ารุ่นพิเศษเพื่อเธอเอาไว้ใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะ กระนั้นจะมีสักกี่คนเล่าที่รู้ว่ากระเป๋ารุ่นพิเศษใบนั้นจะถูกพัฒนาโดยฝีมือของ Gaston-Louis Vuitton ในปี 1934 และกลายมาเป็นกระเป๋าที่ขายดิบขายดีรุ่นหนึ่งของแบรนด์ในชื่อว่า “Alma” ในเวลาต่อมา ไม่เพียงเท่านั้นเพราะยังมีสุภาพสตรีอีกหนึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง และให้กำเนิดกระเป๋ารุ่นฮอตของ หลุยส์ วิตตอง นั่นคือ Audrey Hepburn ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง หลังจากประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s ในปี 1961 เธอได้สั่งทำกระเป๋ารุ่น Keepall กับ หลุยส์ วิตตอง โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีขนาดเล็กพอเหมาะกับตัวเธอ ซึ่งในเวลานั้นกระเป๋ารุ่นดังกล่าวผลิตเพียง 3 ขนาดเท่านั้นคือ 40, 35 และ 30 ซึ่งก็ยังดูเทอะทะเมื่อเทียบกับรูปร่างของนักแสดงหญิง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของแบรนด์ระดับมืออาชีพเสียเมื่อไหร่ ผลลัพธ์ที่ออกมาในครั้งนั้นก็คือกระเป๋าขนาด 25 ที่ดังเป็นพลุแตกทันที หลังจากที่เหล่าปาปารัซซี่จับภาพออเดรย์ที่กำลังถือกระเป๋าดังกล่าวได้ จนทำให้แบรนด์ หลุยส์ วิตตอง ต้องไฟเขียวให้พัฒนากระเป๋ารุ่นนี้ต่อ และกลายเป็นต้นกำเนิดของกระเป๋ารุ่น "Speedy 25" ในที่สุด

     นอกจากเรื่องเล่าของสุภาพสตรีทั้ง 3 คนนี้ ที่เกี่ยวโยงกับกระเป๋าดังหลายรุ่น ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารุ่น Noé ที่แท้จริงแล้วไม่ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นกระเป๋าสวยงามทั่วไป ทว่าจุดกำเนิดของมันคือกระเป๋าทรงบักเก็ตใบแรกของโลกที่เอาไว้ใส่ขวดแชมเปญต่างหาก หรือกระทั่งเรื่องของลายพิมพ์โมโนแกรมรุ่นออริจินัลที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นได้ไม่นาน เพื่อจุดประสงค์ป้องกันการลอกเลียนแบบ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นแบรนด์ถูกลอกเลียนแบบจากช่างชาวฝรั่งเศสหลายเจ้า จนกระทั่งในปี 1888 ได้มีการออกลายพิมพ์ตารางหมากรุก Damier มา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่เป็นผล จนต้องมาลงเอยที่ลายโมโนแกรมรุ่นออริจินัลที่ประกอบไปด้วยลายดอกไม้ และตัวอักษร LV ในปี 1896 โดยฝีมือการออกแบบของ Georges Ferréol Vuitton ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงเป็นอาหารอันโอชะของเหล่านักก็อปเช่นเคย

     อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบังเหียนของ หลุยส์ วิตตอง เปลี่ยนมือไปสู่ Nicolas Ghesquière แล้วเรียบร้อย ดีไซเนอร์ที่ขึ้นชื่อว่าฮอตที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง ผู้เข้ามาพลิกโฉมครั้งสำคัญให้ หลุยส์ วิตตอง รุดหน้ากลายเป็นที่ต้องการของเหล่าสายแฟ(ชั่น)รุ่นใหม่อย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ ซึ่งในปีนี้แบรนด์ก็ยังจะร่วมเฉลิมฉลองให้กับวาระครบรอบ 200 ปีชาตกาลของ หลุยส์ วิตตอง ด้วยโปรเจกต์แคมเปญสุดพิเศษมากมายตลอดทั้งปี 2021 ที่เหล่าสายแฟ(ชั่น)ต้องตามดูอย่างใกล้ชิด