ช่างภาพ: เอกรัชต์ อุบลศรี
สไตลิสท์: สลาลี สมบัติมี
ผู้ช่วยสไตลิสท์: ฐนวัฒน์ นิธิธนัยพงศ์, รัชพนธ์ เจริญกุศล
นายแบบ: ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร
แต่งหน้า: รัตนโชติ โพธิ์ขำ
ทำผม: ทัศน์ เลิศมโนรัตน์
เรื่อง: ปวีณา บัลลพ์วานิช
บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์
Vogue: นี่เป็นการพลิกบทบาทของบอย อะไรทำให้ตัดสินใจรับงานเรื่องนี้
Boy: ซีรีส์ คมเดือน เป็นซีรีส์วาย จริงๆ ตอนที่พี่หมู (พลพัฒน์ อัศวะประภา-รอเครดิตพี่หมู) ติดต่อมาผมก็ไม่ได้ใช้เวลาในการตัดสินใจนานมาก ด้วยหลายๆ เหตุผล อย่างแรกที่สำคัญที่สุดก็คือตัวบทกับคาแร็กเตอร์ที่เล่นมีความเข้มข้นของการเชือดเฉือนกันของตัวละครที่เกี่ยวกับแวดวงการเมือง เพราะ คมเดือน เป็นซีรีส์กึ่งๆ ตีแผ่การเมืองไทยที่ผมคิดว่าเขากล้านำเสนออย่างตรงไปตรงมา ผมเลยรู้สึกว่ามันน่าจะสนุกและเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างอัปเดตในโลกปัจจุบัน ในส่วนของความเป็นซีรีส์วายผมคิดว่าเป็นการแสดงปกติ สำหรับผมผมว่ามันไม่ได้ยากอะไรในการมาเล่น แค่เป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไปจำกัดเพศมันก็เท่านั้น และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่เราก็อยากลองในฐานะที่เป็นนักแสดงต้องทำให้ได้ในทุกๆ บทบาท
V: ตัวละครที่ได้รับมีคาแร็กเตอร์ค่อนข้างห่างจากชีวิตจริง บอยเตรียมตัวอย่างไร
B: หนึ่งคือเรื่องอายุ เราไม่ต้องปรับเพราะเล่นเท่าอายุจริง ก่อนที่จะรับเล่นก็มีถามไปหลายจุด เช่นเรื่องอายุ เพราะส่วนใหญ่ซีรีส์วายที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านี้จะเป็นแนววัยรุ่นมากกว่า แค่ถามพี่หมูไปว่าเราจะมีคนดูหรือ พี่หมูเขาก็เล่าสิ่งที่น่าสนใจคือมันเป็นเรื่องราวความรักที่ต่างวัย และที่ถามว่าตัวละครตัวนี้ห่างจากตัวผมมากไหม จะบอกว่าห่างก็ห่างนะ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น จะเป็นเรื่องของอาชีพมากกว่า อาชีพนักแสดงมันห่างไกลจากการเป็น สส. (หัวเราะ) แต่ในแง่ของความเป็นคนของประชาชนมันเหมือนกัน คือต้องการแรงซัปพอร์ตจากประชาชนเหมือนกัน ซึ่งผมสามารถหยิบจุดนี้มาเป็นแรงผลักดันของตัวละครได้ประมาณหนึ่ง ทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้ไม่ยาก ที่เหลือเป็นเรื่องของคาแร็กเตอร์ว่านักการเมืองต้องมีคาแร็กเตอร์แบบไหน ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเมืองสมัยก่อนตั้งแต่ยุค 2475 และดูคลิปในสภาอยู่แล้ว ด้วยความที่เราติดตามการเมืองและชอบดูทำให้เราสามารถเก็บรายละเอียดของคาแร็กเตอร์นักการเมืองได้ ผมดูคลิปเยอะมากว่าเวลานักการเมืองเขาพูดเขาพูดอย่างไร มาดเขาต้องเป็นแบบไหน
V: การปรับตัวในการทำงาน ความยากง่าย รวมถึงการปรับตัวในการทำงานร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่าย
B: ปรับตัวไม่ยากเพราะก็เหมือนเราไปทำงานทั่วไป ซึ่งทีมงานก็ค่อนข้างเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการปรับตัวเข้ากับนักแสดงอย่างเบน อย่างแรกเลยผมกลัวน้องเขาจะเกร็ง และเรื่องนี้เป็นซีรีส์วายครั้งแรกของผมด้วย ผมเจอน้องครั้งแรกผมก็เดินเข้าไปกอดน้องเลย พยายามละลายพฤติกรรมให้เร็วที่สุด เพื่อน้องเขาจะได้ไม่เกร็งและผมอยากทำให้ความสัมพันธ์ของเราใกล้ชิดสนิทกันเพราะเราต้องเล่นด้วยกัน และอีกอย่างคือเบนเขาเคยเล่นซีรีส์วายมาก่อนเขาก็จะรู้มากกว่าเรา คือการเข้าบทพระนางมันไม่เหมือนซีรีส์ปกติ การที่ผมได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้มันทำให้ผมได้เปิดโลกใหม่ทางการแสดงทำให้เรารู้ว่าอ๋อ โลกของซีรีส์วายมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เลยอย่างซีรีส์ชายหญิงเวลามีพ่อแง่แม่งอนหรือบางทีเป็นฉากที่เราโกรธผู้หญิง อย่างไรก็ตามมันต้องมีความทะนุถนอมในฐานะที่เขาเป็นเพศหญิง แต่พอเป็นโลกของซีรีส์วายมันคือผู้ชายกับผู้ชายทะเลาะกัน บางทีอาจไม่ต้องมีการทะนุถนอมกันในเบอร์นั้น เช่น พูดคำหยาบได้ หรืออาจจะต่อยกันได้ แต่ซีรีส์ชายหญิงพระเอกจะตบนางเอกไม่ได้ (หัวเราะ) ตรงนี้แหละที่ผมต้องปรับตัวเพราะผมจะติดการทะนุถนอม
V: นอกจาก คมเดือน บอยมีงานอะไรอีกไหมในช่วงนี้
B: จริงๆ มีถ่ายซีรีส์อยู่อีกหนึ่งเรื่องแต่ยังเป็นความลับอยู่ และกำลังจะมีซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องของทางโมโนเหมือนกันชื่อ สี่เสือ มีทำธุรกิจเปิดร้านใหม่ด้วย ช่วงนี้เลยค่อนข้างยุ่งพอสมควร
V: สิ่งที่บอยได้เรียนรู้จากการทำงานที่ผ่านมาและอยากส่งต่อให้คนอื่นๆ ทั้งคนที่อยากเข้ามาทำงานตรงนี้และคนที่มีเราเป็นแรงบันดาลใจ
B: สำหรับผมแล้วพอยุคเปลี่ยน พฤติกรรมหรือการเข้าสังคมก็เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย ซึ่งไม่ใช่แค่เด็กยุคใหม่ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นก่อน คนรุ่นก่อนก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเด็กยุคนี้ สำหรับผมไม่ว่าเวลาหรือเจเนอเรชั่นจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรต้องมีคือทัศนคติที่ดีในการทำงานไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม รวมไปถึงความตั้งใจในการทำงานและต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เรื่องของการให้ความเคารพผู้ใหญ่ด้วย การที่เราอ่อนน้อมถ่อมตนต่อรุ่นพี่ ผมว่าทัศนคติกับการเคารพผู้ใหญ่เป็นสิ่งสำคัญในทุกๆ อาชีพ
เบน-บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร
Vogue: จุดเริ่มต้นการทำงานในวงการของเบน
Ben: จริงๆ ผมไม่เคยมีแพลนที่จะเข้ามาในวงการ เมื่อก่อนผมค่อนข้างเป็นคนอินโทรเวิร์ตและไม่เคยสนใจงานแสดง พอมีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศแคนาดาก็เปิดโลก ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมกล้าทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น พอกลับมาได้มาแคสติ้งซีรีส์เรื่อง ค่อยๆ รัก ก็ได้เล่น แล้วก็ได้เล่น คมเดือน ต่อเป็นเรื่องที่สองเลย
V: จากวันแรกถึงวันนี้คิดว่าพัฒนาการของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง
B: ถ้ามองย้อนกลับไปผมเปลี่ยนค่อนข้างเยอะเลย ความคิดผมโตขึ้น เปิดรับอะไรใหม่ๆ มากขึ้น อาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้เปลี่ยนมาก เพราะเป็นเรื่องของตัวเรา แต่จริงๆ ผมคิดว่าคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพียงแต่ไม่ได้สังเกตมันเท่านั้นเอง
V: อยากให้เล่าถึงตัวละครที่ได้รับ มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างเพื่อรับบทนี้
B: ในเรื่องผมเล่นเป็น สส.วี ซึ่งคาแร็กเตอร์ห่างจากตัวผมมากๆ วิธีการเตรียมตัวของผมคือไปศึกษาเรื่องการเมืองให้เยอะขึ้น มีไปเวิร์กช็อปค่อนข้างเยอะ ได้เวิร์กช็อปกับพี่บอยด้วย ก็เลยเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าคาแร็กเตอร์จะประมาณนี้ อันดับแรกเลยคือตัวละครตัวนี้ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งตัวผมค่อนข้างเด็กมากและยิ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วย ยิ่งห่างไกลตัวผมมากๆ แต่ผมคิดว่าเป็นความท้าทายเพราะเราต้องทำให้คนเชื่อ ตัวผมเองก็ต้องมั่นใจในตัวละครเหมือนกัน ซึ่งการไปทำเวิร์กช็อปช่วยได้มากๆ
V: การปรับตัวในการทำงานกับทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่าย
B: ไม่ยากครับ เพราะเราแค่เปิดรับ ผมเป็นคนที่ไม่มีข้อจำกัดอะไรมาก มีอะไรมาผมก็เปิดรับ ทำให้ผมเข้ากับคนอื่นได้ง่าย อีกอย่างพี่ๆ ทีมงานใจดีกันทุกคน ส่วนการปรับตัวให้เข้ากับนักแสดงคนอื่นๆ ตอนแรกผมเกร็งมากที่จะได้มาเล่นกับพี่บอยเพราะพี่เขาอยู่ในวงการมานาน ประสบการณ์เยอะ แต่ผมแค่เรื่องที่สองเอง (หัวเราะ) แล้วต้องมาประกบคู่กันก็ยิ่งเกร็งเพราะรู้สึกเกรงใจเขาอยู่
V: ถ้าอย่างนั้นเล่าถึงการทำงานกับพี่บอยให้ฟังหน่อยได้ไหม
B: พี่บอยน่ารักมาก คือเกินความคาดหมายของผม เพราะตอนแรกเลยผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะเป็นอย่างไร เราจะคุยอะไรกับพี่เขาดี แต่พอพี่บอยมาถึงพี่เขาเฟรนด์ลี่มาก คุยง่าย คำแรกที่พี่บอยบอกคือ “เราหน้าเหมือนกันเลย” (หัวเราะ) ที่บ้านผมก็พูดว่าหน้าคล้ายกัน ตอนอยู่ที่กองพี่บอยเขาชอบแซวผมเรื่องอาหารเพราะผมกินเยอะ ผมชอบกินยั่วเขาเพราะตอนนี้พี่บอยกินคลีนแต่ผมกินไก่ทอด ผมชอบไปถามเขาว่า “พี่กินไหม” หรือพวกเฟรนช์ฟรายผมก็ชอบไปยั่วพี่เขา อยากให้เขาหลุด (หัวเราะ)
V: มองอนาคตตัวเองในวงการนี้อย่างไรบ้าง มีอะไรที่อยากทำอีกไหม
B: จริงๆ ผมอยากลองทุกๆ ศาสตร์ของการแสดง ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบการแสดงมากขึ้น อยากแสดงให้หลากหลายบทบาท อันนี้เป็นความคิดสำหรับตอนนี้นะ ไปทำเวิร์กช็อปช่วยได้มากๆ
V: การปรับตัวในการทำงานกับทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่าย
B: ไม่ยากครับ เพราะเราแค่เปิดรับ ผมเป็นคนที่ไม่มีข้อจำกัดอะไรมาก มีอะไรมาผมก็เปิดรับ ทำให้ผมเข้ากับคนอื่นได้ง่าย อีกอย่างพี่ๆ ทีมงานใจดีกันทุกคน ส่วนการปรับตัวให้เข้ากับนักแสดงคนอื่นๆ ตอนแรกผมเกร็งมากที่จะได้มาเล่นกับพี่บอยเพราะพี่เขาอยู่ในวงการมานาน ประสบการณ์เยอะ แต่ผมแค่เรื่องที่สองเอง (หัวเราะ) แล้วต้องมาประกบคู่กันก็ยิ่งเกร็งเพราะรู้สึกเกรงใจเขาอยู่
V: ถ้าอย่างนั้นเล่าถึงการทำงานกับพี่บอยให้ฟังหน่อยได้ไหม
B: พี่บอยน่ารักมาก คือเกินความคาดหมายของผม เพราะตอนแรกเลยผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะเป็นอย่างไร เราจะคุยอะไรกับพี่เขาดี แต่พอพี่บอยมาถึงพี่เขาเฟรนด์ลี่มาก คุยง่าย คำแรกที่พี่บอยบอกคือ “เราหน้าเหมือนกันเลย” (หัวเราะ) ที่บ้านผมก็พูดว่าหน้าคล้ายกัน ตอนอยู่ที่กองพี่บอยเขาชอบแซวผมเรื่องอาหารเพราะผมกินเยอะ ผมชอบกินยั่วเขาเพราะตอนนี้พี่บอยกินคลีนแต่ผมกินไก่ทอด ผมชอบไปถามเขาว่า “พี่กินไหม” หรือพวกเฟรนช์ฟรายผมก็ชอบไปยั่วพี่เขา อยากให้เขาหลุด (หัวเราะ)
1 / 2
2 / 2
V: มองอนาคตตัวเองในวงการนี้อย่างไรบ้าง มีอะไรที่อยากทำอีกไหม
B: จริงๆ ผมอยากลองทุกๆ ศาสตร์ของการแสดง ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบการแสดงมากขึ้น อยากแสดงให้หลากหลายบทบาท อันนี้เป็นความคิดสำหรับตอนนี้นะ
V: ฝากผลงานกับแฟนๆ
B: ตอนนี้ผมโฟกัสแค่ คมเดือน เพราะเป็นบทที่ค่อนข้างมีความยาก เลยไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น ผมทุ่มให้กับซีรีส์เรื่องนี้หมดเลยใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ส่วนผลงานอื่นๆ อยากให้รอติดตามครับ
เปิดบทสัมภาษณ์พิเศษ 'น้ำตาล-ทิพนารี' จากพิธีกรสู่การผันตัวมาเป็นนักแสดง ผู้คร่ำหวอดในวงการมา 11 ปี
เจาะลึกแรงบันดาลใจ! เบื้องหลัง PIPATCHARA x SHOKUBUTSU คอลเล็กชั่นรักษ์โลกจุดเปลี่ยนวงการแฟชั่น
