นับเป็นระยะเวลาครบ 10 ปีแล้วที่ Olivier Rousteing ดีไซเนอร์ดาวรุ่งแห่งวงการแฟชั่นเข้ารับตำแหน่งดีไซเนอร์ประจำแบรนด์ Balmain หลังจากนั้นเป็นต้นมาแบรนด์เก่าแก่ของเมืองน้ำหอมก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย รูปแบบของแฟชั่นประจำห้องเสื้อถูกปรับเปลี่ยนเพื่อค้นหาความลงตัวใหม่ๆ ในขณะเดียวกันความคลาสสิกบางอย่างเช่นลาย “PB” ก็ถูกนำกลับมารังสรรค์เป็นไอเท็มชิ้นเด่นอีกครั้ง ล่าสุดโอลิวิเยร์เพิ่งให้สัมภาษณ์กับ Fédération de la Haute Couture et de la Mode ถึงเรื่องต่างๆ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาในห้องเสื้อบัลแมง โดยหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจคือรองเท้าจากคอลเล็กชั่นครูส 2022 ที่มีลักษณะคล้ายกับรองเท้าขนนุ่มฟูของ Albert Einstein

บรรยากาศการสัมภาษณ์ของ Olivier Rousteing กับ Pam Boy / ภาพ: Fédération de la Haute Couture et de la Mode 

     การสัมภาษณ์ครั้งแรกนี้ดำเนินรายการโดย Pam Boy กูรูแฟชั่นชื่อดัง เริ่มต้นด้วยการทักทายอย่างเป็นกันเองและพูดถึงช่วงชีวิตการเข้ามาเป็นดีไซเนอร์ของโอลิวิเยร์และตัวตนที่เขาถ่ายทอดลงในงานของบัลแมง ซึ่งทางดีไซเนอร์หนุ่มวัย 34 ปีกล่าวอย่างเข้าใจง่ายเกี่ยวกับรูปแบบการทำคอลเล็กชั่นที่มีความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ โดยเขาพูดถึงยอดขายในการทำคอลเล็กชั่นต่างๆ ของบัลแมงและการให้ความสำคัญกับคอลเล็กชั่นครูสที่มักทำยอดขายได้สูงสุด ดังนั้นดีไซเนอร์ไฟแรงคนนี้จึงปรับเปลี่ยนสไตล์ไปตามทิศทางของการบริโภคด้วย ไม่ใช่แค่รังสรรค์เสื้อผ้าให้สวยงามตามแนวทางศิลปะเท่านั้น

รองเท้าแตะขนฟูของ Albert Einstein ช่วงต้นยุค 1950s / ภาพ: Reddit

     อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้หลายคนอมยิ้มคือรองเท้าขนนุ่มฟูจากคอลเล็กชั่นครูส 2022 ที่มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับรองเท้าของสุดยอดอัจฉริยะแห่งศตวรรษอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ทางโอลิวิเยร์กล่าวว่า “เขาและอัลเบิร์ตไม่ได้เหมือนกันด้านความเฉลียวฉลาด แต่เหมือนกันในแง่มุมความมีสไตล์” และเขายังเล่าอีกว่าเมื่อเห็นรองเท้าคู่นี้ถูกโพสต์ลงบนอินสตาแกรมของแพม บอย ผู้ดำเนินรายการ เขาดีใจมากถึงขนาดส่งเข้ากรุ๊ปสนทนาใน WhatsApp ถึง 10 กรุ๊ป และพูดถึงช่วงเวลาตอนนั้นแบบติดตลกว่า “คุณเอาโอลิวิเยร์ไปเปรียบเทียบกับอัลเบิร์ตได้อย่างไรกัน” ถือเป็นอีกสีสันวงการแฟชั่นที่ดีไซเนอร์คนหนึ่งพูดถึงรองเท้าในตำนานที่มีความคล้ายกันกับสิ่งที่เขาตั้งใจรังสรรค์ออกมา ราวกับว่าอัลเบิร์ตและโอลิวิเยร์เดินทางข้ามเวลามาเจอกันอย่างไรอย่างนั้น

รองเท้าแตะขนฟูจากแบรนด์ Balmain ที่ Olivier Rousteing (ขวา) สวมถ่ายภาพร่วมกับนางแบบ-นายแบบของแบรนด์ / ภาพ: @olivier_rousteing

     นอกจากเรื่องรองเท้าสุดน่ารักแล้วเขายังเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ มากมายทั้งความภาคภูมิใจในการทำคอลเล็กชั่นกับ H&M ในปี 2015 ที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่เปิดขายไม่ถึง 10 นาที พร้อมทั้งเล่าถึงประสบการณ์พิเศษในการเปิดห้องเสื้อต้อนรับ Rihanna ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำเขาบ้า(ด้วยความดีใจ)ที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ส่วนเรื่องสไตล์ตลอด 10 ปีที่ดึงดูดผู้คนให้หันมามองบัลแมงนั้นเขาก็เผยว่ามันคือการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมแอฟริกันจากบ้านเกิด ความเป็นฝรั่งเศสจากพ่อแม่บุญธรรม และแง่มุมทางวัฒนธรรมอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงขนานนามนี้สิ่งนี้ว่า “Melting Pots” หรือการหลอมรวมวัฒนธรรมนั่นเอง

Olivier Rousteing สมัยวัยรุ่นที่เพิ่งรับงานในห้องเสื้อ Balmain ได้หมาดๆ / ภาพ: THE AFFLUENCER

     สุดท้ายเขายังฝากเรื่องที่น่าขบคิดในโลกปัจจุบันถึงประเด็นเรื่องแฟชั่นกับเพศว่า ตอนนี้โลกกำลังมองข้อจำกัดด้านเพศน้อยลง แฟชั่นไม่ผูกติดกับเพศสภาพเสมอไป สิ่งนี้ทำให้เขามองว่าแฟชั่นลื่นไหลไปได้กว่าเดิม และเขาจะไม่ตัดสินบุคคลใครตามจากการแต่งตัวแน่นอน เรื่องความหลากหลายพ่วงมากับคำว่า “Inclusivity” เขาเผยแง่มุมในฐานะคนรังสรรค์ผลงานแฟชั่นว่าสำหรับเขาเรื่องนี้สำคัญในโลกก็จริง แต่สุดท้ายแบรนด์ก็ต้องรักษาตัวตนเอาไว้ด้วย การตามกระแสโลกอย่างไม่ระมัดระวังอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป หากเราจับใจความได้จะทราบทันทีว่าเขาสนใจเรื่องนี้แต่งานออกแบบและคาแรกเตอร์ของบัลแมงก็ต้องสอดประสานไปอย่างสมดุลด้วยเช่นกัน ช่วงท้ายโอลิวิเยร์ยังฝากกำลังใจถึงทุกคนที่ใฝ่ฝันอยากทำงานในวงการแฟชั่นว่า “ความฝันวัยเด็กที่อยากทำงานแฟชั่นของผมไม่ใช่แค่การเป็นนายแบบหรืออินฟลูเอนเซอร์ เพราะฉะนั้นเด็กคนหนึ่งจากบอร์กโดซ์ทำได้คุณก็ทำได้”