มือศิลปินบรรจงจับแปรงและผู้กันวาดเส้นลงสีลงบนแผ่นผ้าใบเพื่อสร้างงานศิลปะฉันใด ดีไซเนอร์เค้นไอเดียนำลวดลายสีสันมาวาดประกอบกับซิลูเอตเสื้อผ้าก็ฉันนั้น ถึงคราวทั้ง 2 สิ่งจะไม่ใช่แค่การเปรียบเปรยกันอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นความลงตัวที่ถูกสอดประสานเข้าหากันอย่างมีนัยยะสำคัญ Moschino ถอดสมการนี้มาใช้กับโลกแฟชั่นอย่างเต็มตัว และในโชว์คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2020 ณ มิลานแฟชั่นวีก แบรนด์นำเสนอศิลปะบนเสื้อในชนิดที่พอเห็นก็รู้ทันทีว่านี่คืองานศิลปะของใครและถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าของแบรนด์อะไร

บรรยากาศภาพรวมบนรันเวย์ของ Moschino คอลเล็กชั่นนี้ / ภาพ: Vogue Runway

     Jeremy Scott ดีไซเนอร์ชาวอเมริกันหยิบยกเอาคอนเซปต์จากจิตรกรอัจฉริยะอย่าง Picasso มาเป็นธีมหลักของคอลเล็กชั่นนี้ วัฒนธรรมชั้นสูงและทั่วไปถูกหลอมหลวมเข้ากันอย่างไม่มีเส้นแบ่ง งานศิลปะถูกถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบหรือตีความเพิ่มเติมมากนัก เพราะแต่ละลุคที่เหล่านางแบบปรากฏกายขึ้นมาบนรันเวย์ ทุกสายตาต้องจับจ้องและค่อยๆ เพ่งสายตาตั้งใจชมราวกับเสื้อผ้าของมอสกีโนนั้นเป็นผืนผ้าใบไว้สำหรับวาดภาพ อันที่จริงก็คงใช่แต่เป็นผืนผ้าใบที่เป็นจุดสนใจตั้งแต่ไม่ลงสีเลยด้วยซ้ำ มากไปกว่านั้นกรอบรูปขนาดยักษ์เป็นเหมือนซุ้มประตูมิิติให้งานศิลปะที่ขับเคลื่อนบนตัวนางแบบได้ทะลุออกมาจากหลังเวที

เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา: ลุค Girl Before a Mirror, Girl with a Mandolin และ Harlequinn / ภาพ: Vogue Runway

     ลุคแรกก็สั่นสะท้านไปได้ทั้งโชว์เจเรมีเลือกภาพ “Girl Before a Mirror” หรือ “หญิงสาวส่องกระจก” มาวาดลวดลายลงบนชุดเบลเซอร์เดรสซึ่งเป็นการผสมผสานความเป็นเบลเซอร์ตามเทรนด์เทเลอริ่งสมยุค 2019 และกลิ่นอายความน่าสนใจของรายละเอียดที่ตัวเสื้อยาวกว่าปกเล็กน้อยพร้อมรายละเอียดการจับระบายทำให้มันดูเหมือนเป็นชุดเดรสผสมเบลเซอร์แบบที่ไม่มีใครเหมือน และยังแตกต่างขึ้นไปอีกขั้นด้วยลวดลายงานศิลปะชั้นครู สร้างความน่าตื่นเต้นต่อด้วยลุค “Harlequinn” ตัวละครในบทประพันธ์ของอิตาลียุคเก่าของ Bella Hadid และยังเซอร์ไพรส์ด้วยชุดภาพวาด “Girl with a Mandolin” ซึ่งเป็นภาพวาดชิ้นซิกเนเจอร์ของปิกาสโซในปี 1910 ของ Kaia Gerber แค่ 3 ลุคก็สะกดคนอยู่กับอยู่แบบไม่หลุดโฟกัสไปไหนแน่นอน

เซตลุคกรอบรูปสีทองพร้อมลวดลายภาพวาดของ Picasso / ภาพ: Vogue Runway

     ความบันเทิงแห่งโลกแฟชั่นไม่ใช่เพียงแค่เสื้อผ้านั้นเต็มไปด้วยสีสันและความแปลกตา แต่หมายถึงการเลือกจับจุดของศิลปะออกมาให้มีคอนเซปต์อย่างมีประเด็น ซึ่งแน่นอนว่าเจเรมีมองว่านางแบบคือผืนผ้าใบแห่งความสวยงามที่จะถูกบรรจงวาดรายละเอียดลงไป นั่นทำให้แต่ละลุคเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการรังสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุคกรอบรูปหลุยส์ที่แทบไม่ต้องเล่าถึงการเปรียบเปรยแต่นี่คือกรอบทองลงลายพร้อมรูปภาพภายในจริงๆ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งกรอบรูปสีทองอร่ามจะกลายมาเป็นลุคบนรันเวย์อวดโฉมในมิลานแฟชั่นวีก

ตัวอย่างลุคที่มีการผสมผสานงานศิลปะและวัฒนธรรมอันหลากหลาย / ภาพ: Vogue Runway

     และความน่าตื่นเต้นของโชว์ครั้งนี้อีกเรื่องแค่ศิลปะถูกจำกัดอยู่ในกรอบเพียงเพราะพื้นที่แต่ไม่ใช่เรื่องไอเดีย เราหลุดกรอบได้เสมอ เฉกเช่นเดียวกับโชว์นี้ที่ศิลปะสไตล์อิตาเลียนของสุดยอดศิลปินถูกสร้างสรรค์ออกมาให้มีกลิ่นอายผสมผสานกันหลายแง่มุม ทั้งชุดนักสู้วัวกระทิงไปจนถึงเฮดพีซชิ้นเด่นจาก Stephen Jones ถึงแม้ลายเส้นจะมีความล้ำลึกและดูเป็นวัฒนธรรมชั้นสูงแต่เราสามารถบอกได้ตรงนี้เลยว่าดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้ออิตาลีนี้กล้าที่จะปีนและผูกความคิดสร้างสรรค์เข้าไปเกี่ยวโยงได้โดยไม่กลัวจะร่วงลงมาจากความสูงส่งของแง่มุมอันสลับซับซ้อนในชิ้นงานศิลปะปิกาสโซ และนี่เป็นการเขย่าวงการศิลปะที่กำลังหลับใหลในหลายส่วนทั่วโลกว่าแท้จริงแล้วมันไม่ได้หลับ เพียงแต่คนอาจจะเบื่อการนำเสนอภาพวาดในกรอบแบบเดิมๆ แค่นั้นเอง

เซตลุคกลิ่นอายของศิลปะดนตรีในคอลเล็กชั่นนี้ / ภาพ: Vogue Runway

 

หากใครอยากชมภาพลุครันเวยืเพิ่มเติมคลิก ที่นี่