ธรรมธัช ศรีวันทนียกุล พาคุณเหยียบย่างถนนสายแฟชั่นเส้นใหม่ของ Louis Vuitton ที่ซึ่งความรุ่งเรืองของอดีตมาบรรจบกันเพื่อมุ่งสู่โลกอนาคต

 

ช่วงเวลาของคอลเล็กชั่นครูสแวะเวียนมาทักทายอีกครั้ง ทว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ยังไม่ค่อยเป็นใจ หลายส่วนของโลกหยุดชะงักเพราะการแพร่ระบาดของโรคร้าย อย่างไรก็ดีโลกของแฟชั่นไม่เคยหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นครูสซึ่งเดินหน้าสวนทางนิยามเดิมๆ สำหรับครั้งนี้ Nicolas Ghesquière ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเมซงหลุยส์ วิตตองเก็บเกี่ยวความสวยงามของอดีตเพื่อตบเท้าเข้าสู่ดินแดนยูโทเปียในโลกอนาคต

นิโคลาส์ เกสกิแยร์นำทางเราไปยัง Axe Majeur สวนประติมากรรมขนาดใหญ่ใกล้กรุงปารีสซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของโชว์ โครงสร้างประติมากรรมเตะตาโดยรอบสร้างสรรค์ขึ้นโดย Dani Karavan ศิลปินระดับตำนานชาวอิสราเอล ผู้ผสมผสานสิ่งแวดล้อมที่เป็นธาตุต่างๆ ทั้งน้ำ สายลม แสงสว่าง ก้อนหิน และเหล็กกล้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างชวนมอง ผลลัพธ์ของสวนแห่งนี้จึงคล้ายกับเมืองในอุดมคติขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะ “ผมมองว่าโครงสร้างเหล่านี้เป็นเสมือนบานประตูที่เรียงต่อกัน คอยนำทางเราไปยังถิ่นอื่น เป็นประตูบานใหญ่ที่เปิดออกไปยังยุคสมัยและสถานที่ต่างๆ” นิโคลาส์เลือกประติมากรรมขนาดใหญ่ 4 ชิ้นจากผลงานทั้งสิ้น 11 ชิ้นภายในสวนมาเป็นรันเวย์ รวมถึง Douze Colonnes เสาหินสีขาวที่เรียงรายคล้ายโครงสร้างของวิหารโบราณ และ La Passerelle สะพานสีแดงสดที่ทอดยาวราวกับจะพาเราข้ามไปต่างมิติ

“ความรู้สึกที่เหมือนล่องลอยอยู่นอกมิติกาลเวลา ความจริงแล้วเราอาจติดอยู่ในช่วงเวลาของอนาคตที่คลุมเครือ หรือไม่ก็โลกอุดมคติในอดีต ซึ่งส่งวิสัยทัศน์ไปถึงอนาคต” โลกไซไฟ กลิ่นอายอวกาศต่างมิติ หรือการเดินทางข้ามห้วงกาลเวลานั้นเป็นธีมการออกแบบที่คนแฟชั่นล้วนทราบกันดีว่าผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจำแบรนด์ฮิตรายนี้ใช้ผลิตงานมาตลอดชีวิตการทำงานของเขา ยิ่งเมื่อย้ายมาประจำฐานทัพ (อวกาศ) ณ แบรนด์หลุยส์ วิตตอง เขาก็พัฒนาเลื่อนขั้นแนวคิดดังกล่าวไปพร้อมกับวัสดุและเทคนิคการตัดเย็บให้มีชั้นเชิงหลากหลายขึ้นไปอีก

คอลเล็กชั่นครูส 2022 ซึ่งว่าด้วยเสื้อผ้าของโลกอนาคตที่มีพื้นฐานจากอดีตในครั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดยุค Space Age ช่วงทศวรรษ 1960 โดยมีเสื้อผ้าทัวร์โลกพระจันทร์ของ André Courrèges นักออกแบบแห่งยุคเป็นต้นแบบของโครงเสื้อแบบมิดิเดรสยาวระดับเหนือเข่า รวมถึงวัสดุยอดฮิตของยุค (นั้น...ถึงยุคนี้) อย่างหนังแก้วและรองเท้าบู๊ตส้นแบน แต่เวอร์ชั่นใหม่ประจำศักราชนี้ผสมผสานกับรายละเอียดแปลกตาให้ร่วมสมัยขึ้น เช่น ช่วงแขนพองบานราวกลีบดอกไม้ (พอกะพริบตาอีกทีก็เห็นเป็นแตรทรัมเปต!) ล้อกับโครงสร้างที่แผ่บานของชิ้นงานอื่นๆ ในคอลเล็กชั่นเดียวกัน ช่วยให้ผู้สวมเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

ชุดกระโปรงสั้นทรงบัลลูนเป็นอีกหนึ่งงานออกแบบจากยุคสเปซเอจที่นำมาใช้อ้างอิง ผู้คิดค้นคือกูตูริเยร์เชื้อสายสเปน Cristóbal Balenciaga (ซึ่งนิโคลาส์เคยประจำการที่ห้องเสื้อในตำนานของเขาอยู่ยุคหนึ่ง) นิโคลาส์ดัดแปลงแพตเทิร์นให้เด่นชัดขึ้น ก่อนจะนำมาพิมพ์ลวดลายกราฟิกสไตล์วินเทจรูปทิวทัศน์เมืองอวกาศ บางชิ้นเพิ่มชายระบายกับเชือกรูดเข้าไปด้วย สาวกของดีไซเนอร์หนุ่มคงคุ้นตากับซิลูเอตนี้เป็นอย่างดีจากผลงานเก่าขึ้นชื่อในคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2006 ที่นิโคลาส์ออกแบบไว้ที่บาเลนเซียก้า ส่วนช่วงท้ายของโชว์ชุดราตรีสั้นซึ่งถักทอโดยใช้วัสดุแปลกตารูปทรงเรขาคณิต คล้ายกับภาคต่อผลงานของ Paco Rabanne อีกหนึ่งดีไซเนอร์หัวขบถที่ร่วมสมัยกับ 2 ปรมาจารย์แห่งยุคซิกซ์ตี้ส์

อีกด้านหนึ่ง ผลงานรวมฮิตจากยุคท่องอวกาศผสมเข้ากับชิ้นเด่นจากทศวรรษอื่น แจ็กเกตคอตั้งคัตติ้งคมสำหรับขบวนวงโยธวาทิตช่วง 1940 ที่มาจากเครื่องแบบของทหารยุคอาณานิคม นำมาถอดรื้อโครงสร้างโดยขยายช่วงไหล่ให้กว้าง ปรับช่วงเอวให้เล็กลง ก่อนจะเย็บตัดต่อกับผ้าหลากสี เลื่อมประดับเชือกปักหรือแบบที่แต่งด้วยซิปผ่าหน้า นอกจากนี้ นิโคลาส์ยังหยิบกางเกงไบเกอร์หนังซึ่งเป็นชิ้นซิกเนเจอร์ของตัวเองมาผสมเข้ากับลุคเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเท่กับอารมณ์เซ็กซี่ เครื่องแบบวงโยธวาทิตนี้ทำหน้าที่เสมือนการเดินหน้าสู่ความสุขในอนาคต ดังที่ดีไซเนอร์หนุ่มย้ำกับเราว่า “นี่คือคอลเล็กชั่นที่ว่าด้วยความสนุกสนานและการมองโลกในแง่ดี”

วามสนุกยังคงปรากฏให้เห็นที่พาเหรดชิ้นเด่นอย่างกระโปรงหนังและสเวตเตอร์ขนนกย้อมสีสดใส ค็อกเทลเดรสประดับเลื่อมราวกับลูกบอลดิสโก้และปีกค้างคาวของร็อกเกอร์ในทศวรรษ 1970 ซึ่งดัดแปลงให้เป็นเสื้อตัวสั้นเสริมไหล่คู่กับกระโปรงหนังย้อมสีนุ่มมือ ส่วนเครื่องหนังและกระเป๋าต่างๆ ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์นั้นใช้วัสดุและสีสันแปลกตา รวมถึงลายโมโนแกรมเวอร์ชั่นล่าสุดจากคอลเล็กชั่น Since 1854 ที่นำลวดลายดั้งเดิมมาออกแบบให้ร่วมสมัยขึ้น กรอบเหลี่ยมรูปเพชรซ้อนบนดอกไม้กลีบมนกลมขนาดใหญ่ ส่วนกลางเว้นว่างเพื่อประดับตัวอักษรย่อของแบรนด์ และมีตัวเลขสำคัญคือปีก่อตั้งที่ดีไซน์เลข 8 ให้โดดเด่นราวกับกลีบดอกไม้ ทั้งหมดทั้งมวลสื่อถึงความสุขสนุกสนาน ซึ่งเป็นตั๋วใบสำคัญที่จะพาเราไปสู่โลกยูโทเปียในแบบฉบับของนิโคลาส์

1 / 7

2 / 7

3 / 7

4 / 7

5 / 7

6 / 7

7 / 7