หลังจากการเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันต้องเลื่อนหรือยกเลิกไปโดยปริยาย งานประมูลก็เช่นกัน แต่วันนี้การประมูลกลับมาอีกครั้ง กลับมาก็เปิดหัวยิ่งใหญ่ด้วยงาน “Geneva Watch Auction: XI” ที่จัดขึ้นโดย Phillips ยักษ์ใหญ่แห่งวงการประมูล ร่วมมือกับ Bacs & Russo ณ ณ Hôtel la Reserve ระหว่างวันที่ 27-28 มิถุนายนนี้ นาฬิกาจำนวนไม่น้อยจะถูกนำมาประมูลขายอีกครั้งจากเดิมมีกำหนดการประมูลไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ต้องเลื่อนจากสถานการณ์วิกฤติของโลก

Alexandre Ghotbi หัวหน้าฝ่ายนาฬิกาของ Phillips

     “เสียงตอบรักดีมาก” Alexandre Ghotbi หัวหน้าฝ่ายนาฬิกาของบริษัทฟิลลิปส์แม่งานในครั้งนี้ตกใจเพราะไม่คิดว่าการจัดงานประมูลนาฬิกาจะเปรี้ยงปร้าง เขายังเสริมด้วยว่า “เป็นครั้งแรกหลังโควิดที่จะทำการประมูลกันแบบสดๆ มันสำคัญมาก มันคือการทดลองตลาดนาฬิกา และเรามั่นใจมากว่าจะออกมาดี เสียงตอบรับดีมากจริงๆ” เหตุผลที่เสียงตอบรับดีนี้ก็อาจจะมาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องการโหยหากิจกรรม เสน่ห์ของการประมูล ความเลื่องชื่อของงาน ณ กรุงเจนีวานี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือกองทัพนาฬิกาหลายร้อยเรือนที่ฟิลลิปส์ขนกันมาให้แข่งกันเพื่อให้นักสะสมเสนอราคากันอย่างหลากหลายนั่นเอง

ตัวอย่างนาฬิกาหลากหลายสไตล์ที่จะถูกนำมาประมูลในงานนี้

    นาฬิกาในงานดังกล่าวจะมีสิริรวมทั้งสิ้น 215 เรือน ประกอบไปด้วยนาฬิกาแบรนด์ดังมากมายอาทิ Rolex, Patek Philippe, F.P. Journe, Biver, Jaeger-LeCoultre และอื่นๆ อีกมากมาย สนนราคาเริ่มเปิดประมูลอยู่ที่ 2,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 65,000 บาท ไปจนถึง 2,400,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 78,000,000 บาทเลยทีเดียว ด้วยราคาหลายระดับทำให้กลุ่มเป้าหมายยิ่งหลากหลายขึ้น ก็ยิ่งดึงคนเข้ามามากขึ้นตามมาด้วย สาวกนาฬิกาเริ่มตาลุกวาวตั้งแต่ทางฟิลลิปส์ปล่อยลิสต์นาฬิกาออกมา เพราะถึงแม้จะไม่มีนาฬิการะดับซูเปอร์แรร์ ทว่าแต่ละเรือนก็เป็นนาฬิกาวินเทจเปี่ยมด้วยคุณค่าและแทบหาไม่ได้จากที่ไหน เพียงมันไม่ใช่นาฬิกาข้อมือของเหล่าซูเปอร์สตาร์หรือรุ่นทำพิเศษแบบอลังการเท่านั้น

Patek Philippe Ref.1518 ในคอลเล็กชั่นของ Jean-Claude Biver

     “Patek Philippe Ref.1518” ปี 1948 คือนาฬิกาที่มีราคาคาดการณ์สูงสุดในการประมูลครั้งนี้ โดยคาดว่าจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 1,200,000-2,400,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 39,000,000 - 78,000,000 บาท ซึ่งนาฬิกาเรือนเก่าแก่นี้ทำจากพิงค์โกลด์ 18เค ภายในยังมีการประดับอัญมณีชิ้นสำคัญในส่วนกลไก การทำงานของนาฬิกายังสมบูรณ์ครบถ้วน มากไปกว่านั้นการที่เป็นนาฬิกาในคอลเล็กชั่นของ Jean-Claude Biver ทำให้เรือนบอกเวลาสุดหรูเรือนนี้มีราคาพุ่งทะยานแซงเรือนๆ ทิ้งหลายช่วงตัวอยู่พอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาแพงสุดอันดับ 2 ในลิสต์คือ “Patek Philippe Ref.2499” ปี 1957 อีกหนึ่งของสะสมในคอลเล็กชั่นเดียวกันซึ่งราคาเรียกว่าตามมาไม่ห่างนัก จัดอยู่ในกลุ่มนาฬิกาแตะหลักเกือบร้อยล้านบาททั้งคู่

Rolex Cosmograph Daytona, Paul Newman John Player Special Ref.6241 กับราคาเกินหลักสิบล้าน

     มาดูฝั่ง Rolex กันบ้าง นาฬิกาที่น่าสนใจในลิสต์นี้คงหนีไม่พ้นเรือนราคาเปิดประมูลสูงสุดคือ “Rolex Cosmograph Daytona, Paul Newman John Player Special Ref.6241” เรือนบอกเวลาทองคำ 14เค หน้าปัดขนาด 37 มิลลิเมตรเอกลักษณ์ของรุ่น “Paul Newman” มาครบถ้วนพร้อมสีทองดำตัดกันอย่างลงตัว ซึ่งความพิเศษอยู่ที่นาฬิกาซีรี่ส์นี้ถูกผลิตขึ้นช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้นคือปี 1966 ถึงปี 1969  โดยมีการระบุว่าช่วงนั้นนาฬิการุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นเพียง 300 เรือนในวัสดุทองคำ 18เค แต่รุ่นนี้เป็นทองคำ 14เค ซึ่งแน่นอนว่าหายากขึ้นไปอีก ความงดงามอันลึกล้ำสนนราคาเปิดประมูลตั้งต้นประมาณ 400,000 ฟรังก์สวิส ไปจนถึง 800,000 ฟรังก์สวิส ตัวเลขกลมๆ ของหน่วยเงินบาทก็อยู่ที่ 13,000,000 ถึง 26,000,000 บาท

Jaeger-LeCoultre รุ่่น VOGUE “Etrier” ความคลาสสิกจากยุค 30s ที่ราคาเอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก

     ใครสนใจอยากชมว่ามีนาฬิการุ่นไหนบ้างสามารถคลิกเข้าชมได้ ที่นี่ ส่วนเกร็ดเล็กน้อยอีกนิดของการประมูลครั้งนี้คือ คุณสามารถเป็นเจ้าของนาฬิกาประมูลได้ในราคาไม่ถึงแสนบาท เพราะนาฬิกา Jaeger-LeCoultre รุ่น VOGUE “Etrier” สนนราคาเปิดประมูลเพียง 1,000 ฟรังก์สวิสหรือประมาณ 32,500 บาทเท่านั้น ใครเป็นแฟนนาฬิกาติดตามงานนี้ให้ดี ถึงแม้จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมประมูล แต่เราเชื่อว่าทุกคนจะได้เห็นปรากฏการณ์การเกทับกันเพื่อเรือนบอกเวลาอันทรงคุณค่าครั้งแรกหลังโควิดที่น่าสนใจอย่างแน่นอน

 

ภาพ: Courtesy of Phillips