FASHION

โว้กรวบรวม 10 เทรนด์แฟชั่นมาแรงประจำแฟชั่นวีก Fall/Winter 2019 ล่าสุดที่สาว ๆ ห้ามพลาด!

10 เทรนด์แฟชั่นมาแรงประจำคอลเล็กชั่นล่าสุดหลังจบแฟชั่นวีก โว้กรวบรวมมาให้ชมแล้วที่นี่

     หลังจบเดือนแห่งแฟชั่นซึ่งประกอบไปด้วยแฟชั่นวีก 4 เมืองใหญ่เริ่มตั้งแต่นิวยอร์ก ลอนดอน มิลานและจบด้วยปารีส ตลอด 1 เดือนที่ผ่านย่อมมีโชว์และเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย และโชว์เหล่านั้นกลายเป็นคีย์หลักที่จะเซตเทรนด์แฟชั่นได้กว่าค่อนปี สีไหนมา ลายไหนปัง ซิลูเอตแบบไหนเกิด วันนี้เราจะพาหาคำตอบว่าหลังสิ้นสุดช่วงเวลาสายแฟนี้แล้วจะมีเทรนด์อะไรที่สาว ๆ ต้องคอยจับตามองไว้บ้าง

 

1.“Check” for New Trends

เรียงจากซ้ายไปขวา - Mulberry, Chanel และ Dior

     เทรนด์แรกที่เราไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของลายตารางซึ่งมาแรงมากในคอลเล็กชั่นนี้ ต้องบอกว่าไม่ว่าจะแบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่อย่าง Chloé, Dior, Mulberry และ Louis Vuitton ไปจนถึงแบรนด์อย่าง Chanel ทั้งหมดพร้อมใจกันยกทัพลายตารางหลายเนื้อผ้า สีสันและเทกซ์เจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ประกอบเข้ากับอัตลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ได้อย่างลงตัว บอกเลยว่าสาว ๆ รีบเตรียมลายตารางโดยเฉพาะทาร์ทันไว้ในตู้เสื้อผ้าได้เลยเพราะนำเทรนด์แน่นอน

 

2.Roses for LOVE

เรียงจากซ้ายไปขวา - Alexander McQueen, Valentino และ Prada

     แน่นอนว่าเทรนด์การนำเสนอด้วยลายพิมพ์และปักรูปดอกไม้ยังคงมีให้เห็นในทุก ๆ ซีซั่น โดยในแฟชั่นวีกครั้งนี้ดอกไม้ที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างยิ่งคือดอกกุหลาบ เพราะดอกที่เป็นตัวแทนของความรักปรากฏอยู่ในโชว์หลากหลายคาแรกเตอร์ตั้งแต่ Prada, Alexander McQueen และ Valentino รวมไปถึงแบรนด์สุดสร้างสรรค์อย่าง Noir Kei Ninomiya ที่หยิบเอากุหลาบจำนวนมากมาแปลงร่างกลายเป็นเฮดเดรสสุดสนุกที่ให้สาวกแฟชั่นยิ้มไปตาม ๆ กัน ต้องบอกว่าเทรนด์ดอกกุหลาบหลังจบแฟชั่นวีกครั้งนี้แรงไม่แพ้วาเลนไทน์เลยทีเดียว

 

3.Neon Glow



WATCH




เรียงจากซ้ายไปขวา - Versace, Saint Laurent และ Gucci

     สีแห่งความสดใสยังหนีไม่พ้นสีเขียวนีออนสะท้อนแสงโดยครั้งนี้พิเศษกว่าที่เคยเพราะหลายแบรนด์หยิบเอาเอกลักษณ์ความโดดเด่นตรงนี้เป็นกุญแจสำคัญในการนำเสนอเสื้อผ้าคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2019 นี้เห็นได้จากแบรนด์ Versace ที่หยิบแง่เอารายละเอียดการสะท้อนแสงมาสอดแทรกไว้กับชุดบนรันเวย์ หรือจะเป็น Gucci ที่นำเอาสีเขียวและเหลืองสะท้อนแสงมาเป็นลุคดึงดูดสายตาตั้งภายในโชว์ที่มีความน่าสนใจทั้งคอลเล็กชั่นแบบนี้ และที่ขาดไม่ได้คือ Saint Laurent กับการนำเสนอลุคช่วงท้ายโชว์ด้วยสีสันสดใสที่สะท้อนในแสงแบลกไลต์เป็นการปิดคอลเล็กชั่นโดย Anthony Vaccarello ได้น่าตื่นตาตื่นใจจนกลายเป็นเทรนด์ที่หลากหลายแบรนด์ก็หยิบยกมาทำในครั้งนี้เช่นกัน

 

4.Masculine Tailoring

เรียงจากซ้ายไปขวา - Thom Browne, Fendi และ Kwaidan Editions

     หลังจากกระแสเทรนด์งานเทเลอริ่งของผู้ชายกำลังมาในช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่ามันลามมาถึงฝั่งผู้หญิงแล้ว ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่กลิ่นอายของเสื้อผ้าที่ “แมน ๆ” เท่านั้น เพราะคอนเซปต์การออกแบบชุดสูทของผู้หญิงมันดูมีความเป็นผู้ชายมากขึ้นเฉียบคม แข็งแกร่งไม่ได้พลิ้วไหวมากนักเหมือนคอลเล็กชั่นก่อน ๆ นำทัพโดย Thom Browne ที่มาเป็นลุคผู้ชายเต็มตัวไปจนถึง Fendi ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นที่ให้กลิ่นอายความเป็นผู้หญิงอยู่แต่ก็มีลักษณะของซิลูเอตที่ดูทะมัดทะแมงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

5.Reproduced ‘80s – ‘90s

เรียงจากซ้ายไปขวา - Balenciaga, Celine, Givenchy และ Saint Laurent

     ต่อจากมาดแมนมาสู่สิ่งที่ยังอยู่หลงเหลือจากซีซั่นก่อนหน้าสำหรับซิลูเอตแบบยุค ‘80s ที่เน้นเอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดอย่างเสื้อผ้าไหล่กว้างซึ่งตอนนี้กลายเป็นอัตลักษณ์ของ Balenciaga ไปแล้ว แต่ถ้าจะหาความย้อนยุคในรูปแบบที่โมเดิร์นในเวลาเดียวกันซีซั่นนับว่าเป็นอีกครั้งที่แต่ละแบรนด์หยิบยกเทรนด์นี้มาเล่นอย่างต่อเนื่อง Celine โดยฝีมือ Hedi Slimane ก็สร้างความตื่นเต้นด้วยซิลูเอตที่เหมือนกำลังจะเก่าให้ออกมาสดใหม่พร้อมเดินทางต่อในสายแฟชั่น หรือแม้แต่ Givenchy ที่เขยิบยุคมาอีกหน่อยเลือกเอาไหล่ในแบบ ‘90s มาอวดโฉมพร้อมให้แต่งตามกันในซีซั่นนี้

 

6.Ruffle Double (Style)

เรียงจากซ้ายไปขวา - Alexander McQueen, Nina Ricci และ Elie Saab

     มาอีกนิดสำหรับรัฟเฟิลแต่เทรนด์ครั้งนี้มันไม่ได้มีแค่เดรสที่สามารถใส่ความพลิ้วไหวได้อย่างเดียวเท่านั้นเพราะรูปแบบการจับใส่เทคนิคกับผ้าล้ำหน้าไปถึงการผสมผสานกับเทรนด์เทเลอริ่งออกมาเป็นสูทที่มีความพลิ้วไหวในช่วงเอวของ Alexander McQueen กลายเป็นมิติใหม่ของทั้งเสื้อสูทและรูปแบบการจับผ้าที่เอามาประกอบ แต่ทั้งนี้ชุดเดรสสไตล์ดั้งเดิมเพิ่มเติมคือความโมเดิร์นและสีสันก็ยังคงลอยล่องรอให้สาว ๆ ไขว่คว้าจับมาใส่ตามเทรนด์ในคอลเล็กชั่นนี้

 

7.Multi-Layered

เรียงจากซ้ายไปขวา - Chanel, Givenchy และ Thom Browne

     เนื่องด้วยเป็นช่วงฤดูหนาวการใส่เสื้อผ้าหลายชั้นไม่ใช่เรื่องแปลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาและยุโรป แต่เทรนด์ใส่เสื้อผ้าหลายชั้นไม่ใช่หมายถึงการใส่ชุดข้างในแล้วตามด้วยเสื้อโค้ตสวย ๆ สักตัวเท่านั้น เพราะสิ่งที่จะทำให้สาว ๆ นำเทรนด์ไปพร้อมกับซีซั่นนี้คือรูปแบบการใส่เอาเตอร์แวร์ซ้อนกับหลากหลายเลเยอร์ด้านใน เช่นการใส่เสื้อผ้าเนื้อเดียวกันซ้อนกันหลายชั้นของ Chanel หรือจะเป็นการใส่เสื้อโค้ตทับแจ็คเก็ตหนังทับเสื้อนิตคอเต่าอีกชั้นหนึ่งของ Givenchy นี่ถือเป็นเทรนด์การจัดเรียงเลเยอร์สำหรับหน้าหนาวซึ่งจะกลายเป็นไอเดียให้สาว ๆ ใส่ตามกันในมู้ดของแฟชั่นวีกครั้งนี้

 

8.Same Tone Matching

เรียงจากซ้ายไปขวา - Stella McCartney, Louis Vuitton, Burberry และ Ann Demeulemeester

     การจับคู่สีเป็นเรื่องสำคัญของแฟชั่นในแต่ละฤดูกาลมาก แต่ส่วนใหญ่มักจะมากับการจับคู่ที่ตัดกันและแมตช์กันอยู่เสมอ ในครั้งนี้พิเศษเพราะเป็นการไล่เรียงโทนสีให้แมตช์กันมากกว่าหาคู่สี โดยสีที่ล้ำนำเทรนด์มาเลยก็เห็นจะเป็นโทนสีเขียวและเอิร์ธโทนที่คอยคุมสีของคอลเล็กชั่นให้ออกมาไปในทิศทางใกล้เคียงกัน ส่วนอีกโทนสีไฮไลต์เห็นจะเป็นสีชมพู-แดงซึ่งออกมาเป็นคู่สีที่พร้อมให้สาว ๆ ไล่สีกับเสื้อผ้าบนเรือนร่างได้อย่างสนุกสนานตามแฟชั่นเซตบนรันเวย์

 

9.Long-Lenght Coat

เรียงจากซ้ายไปขวา - Chanel, Balenciaga และ Miu Miu

     คอลเล็กชั่น Fall/Winter ทุกปีต้องมีสิ่งน่าจับตามองเป็นเสื้อโค้ตอยู่เสมอ เสื้อผ้ากันหนาวที่ใครหลายคนตามหาในครั้งนี้มันไม่ใช่เสื้อโค้ตสั้นอีกต่อไปแฟชั่นมันวิ่งมาถึงยุคของยาว(เกือบ)ลากพื้นแล้ว เตรียมการเดินกันไว้ให้ดีเพราะต่อไปเทรนด์การใส่เสื้อโค้ตจะต้องก้าวอย่างมีสเต็ปกระเถิบอย่างมีสไตล์เพราะโค้ตคอลเล็กชั่นนี้มาย้าว ยาว ๆ ๆ ไม่ว่าจะเป็นของ Chanel กับโค้ตท่ามกลางหิมะสุดหรู หรือจะเป็น  Balenciaga กับพัฟเฟอร์โค้ตบวมเต่ง และ Miu Miu กับโค้ตแขนกุดตัวยาวที่เซตเทรนด์ล้ำ ๆ ในครั้งนี้

 

10.Bucket Hat

เรียงจากซ้ายไปขวา - Dior, Valentino และ Nina Ricci

     ปิดท้ายกันด้วยเฮดเดรส...หลังจากที่ดูรูปทรง สี ลายพิมพ์และรายละเอียดต่าง ๆ ของชุดแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างที่พร้อมจะทำให้ทุกลุคสมบูรณ์ก็คือหมวก หมวกที่เรากำลังจะพูดถึงคือบักเกตแฮต หมวกรูปทรงเหมือนถังน้ำใส่ง่าย ๆ สบาย ๆ ให้อารมณ์แคชชวลแต่ในทางกลับกันช่วงแฟชั่นวีกที่ผ่านมาแบรนด์ยักษ์ใหญ่ขนทัพหมวกทรงนี้มาเพิ่มสีสันให้กับลุคต่าง ๆ อย่างมากมายหลายรูปแบบ มีแม้กระทั่งการปรับโครงหมวกจากซอฟต์แฮตสู่ทรงหมวกแบบแข็งโดย Nina Ricci จนเรามั่นใจได้เลยว่าหมวกทรงนี้มาแน่!

WATCH

คีย์เวิร์ด: PFW Trends