“วันนี้ค่อนข้างเสียงดังหน่อยนะครับ” ดีไซเนอร์หนุ่มหล่อแห่งเบอร์เบอร์รี่ออกตัวทันทีที่แขกคนสำคัญทั้งเหล่าบรรณาธิการ ดารา เซเลบริตี้ และลูกค้าของแบรนด์ทยอยเดินเข้านั่งใน Old Sessions House ย่าน Clerkenwell กลางกรุงลอนดอน สถานที่ที่เขาเลือกให้เป็นรันเวย์ใหม่ประจำฤดูกาลนี้ อาคารเก่าอดีตศาลว่าความคดีในศตวรรษที่ 18 ซึ่งทั้งสองชั้นได้รับการบูรณะพร้อมเปิดให้ใช้งานหลังจากปิดตายมากว่า 100 ปี ประเดิมด้วยอีเวนต์ใหญ่ของเบอร์เบอร์รี่ที่เริ่มต้นด้วยแฟชั่นโชว์ประจำคอลเล็กชั่น “September 2017” ในแบบ See-Now/Buy-Now ที่ทั้งเบอร์เบอร์รี่และตัวคริสโตเฟอร์ยังคงยึดมั่น แม้จะมีแบรนด์ดังรายอื่นๆ ที่ใช้ระบบ “เห็นปุ๊บซื้อปั๊บ” หลายต่อหลายรายพากันถอดใจหันไปพึ่งพาการนำเสนอผลงานในรูปแบบเดิม ประมาณการณ์ว่านั่นเป็นเพราะยอดขายโดยรวมของแบรนด์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 13% จากต้นปีที่ผ่านมาด้วยมูลค่ารวม 478 ล้านปอนด์

โชว์ Burberry คอลเล็กชั่น September 2017 ณ Old Sessions House ย่าน Clerkenwell กรุงลอนดอน / ภาพ: Courtesy of Burberry

คงต้องขอบคุณเหล่าขาช็อปชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังคงคลั่งไคล้กระเป๋าเป้ผ้าไนลอนของแบรนด์อย่างไม่ลดละ รวมไปถึงค่าเงินปอนด์ที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแส Brexit และการนำของซีอีโอคนล่าสุดของแบรนด์คือ Marco Gobbetti “นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่ดีที่สุดสำหรับเบอร์เบอร์รี่ในวงการแฟชั่น ซึ่งตัวผมตั้งใจที่จะสานต่อรากฐานที่คริสโตเฟอร์และทีมงานทุกคนสร้างไว้ ด้วยการนำเสนอและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” อาจกล่าวได้ว่านี่คือช่วงเวลาเป็นใจของแบรนด์ที่น่าจะเป็นไปด้วยดี

แต่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรที่น่าหงุดหงิดใจเกิดขึ้น เพราะเสียงดังที่คริสโตเฟอร์พูดถึงเมื่อตอนต้นนั้นก็คือเสียงของเหล่าผู้ประท้วงกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ที่จงใจเลือกโชว์เบอร์เบอร์รี่มาเป็นเวทีประท้วงการใช้ขนสัตว์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นของอังกฤษ ที่น่าตลกก็คือเสื้อผ้าของแบรนด์ทั้งหมดนั้นล้วนแต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการทำร้ายสัตว์แม้แต่น้อย เหตุผลเดียวที่เกิดการประท้วงขึ้นหน้าโชว์ก็เพราะเหล่าคนดังที่มาร่วมโชว์นี้กันอย่างคับคั่ง นำทีมโดยบรรณาธิการผิวสีคนใหม่ของโว้กอิดิชั่นอังกฤษ Edward Enninful ผู้ควงบรรณาธิการรับเชิญคนดัง Kate Moss และ Naomi Campbell มาเปิดตัวพร้อมกัน รวมถึงแขกเด็ดๆ ทั้ง Cara Delevingne, Anna Wintour, Jourdan Dunn และ Derek Blasberg

(เรียงจากซ้ายไปขวา) Jourdan Dunn, Cara Delevingne, Naomi Campbell และ Kate Moss ทั้งหมดในชุด Burberry / ภาพ: Courtesy of Burberry

 (เรียงจากซ้ายไปขวา) Edward Enninful, Naomi Campbell และ Kate Moss ทั้งหมดในชุด Burberry / ภาพ: Courtesy of Burberry

“ผมชอบความยิ่งใหญ่อลังการของอาคารนี้และผมคิดว่ามันเป็นตัวแทนของสิ่งที่เราพยายามจะบอกเล่าในคอลเล็กชั่นนี้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือความยิ่งใหญ่ที่แฝงไว้ด้วยความขลังจากอดีต” คริสโตเฟอร์เล่าถึงผลงานที่เขาเริ่มต้นจากการไปหยิบเอาภาพถ่ายผลงานของช่างภาพชาวอังกฤษชื่อดังกว่า 30 คนจากศตวรรษที่ 20 กว่า 200 ภาพซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของสังคมต่างชนชั้นมารวบรวมเป็นนิทรรศการใหญ่ในชื่อ Here We Areภายใต้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับช่างภาพดังในยุคนี้อย่าง  Alsdair McLellan และภัณฑารักษ์ Lucy Kumara Moore ซึ่งจัดแสดงภาพผลงานของช่างภาพดังทั้ง Brian Griffin, Roger Mayne, Dafydd Jones, Shirley Baker จนถึงดีไซเนอร์รุ่นน้องเพื่อนรักคนใหม่ของเขา Gosha Rubchinskiy ที่เพิ่งร่วมมือกันปลุกชีพเสื้อเทรนช์โค้ตลายตารางอันโด่งดังให้กลับมาเป็นของฮิตระดับเวตติ้งลิสต์ไปหมาดๆ        

 ลุคจากโชว์ Burberry คอลเล็กชั่น September 2017 / ภาพ: Courtesy of Burberry

Kaia Gerber นางแบบสาวลูกสาว Cindy Crawford จากโชว์ Burberry คอลเล็กชั่น September 2017 / ภาพ: Courtesy of Burberry

เสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งของชายและหญิงในคอลเล็กชั่นนี้มีจุดเด่นตรงการนำลายตารางบนผ้าแกเบอร์ดีนอันโด่งดังและเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นในยุคแรกจนมาถึงจุดต่ำสุดในยุคของเหล่าเด็กอันธพาลแก๊ง Chav ที่เอามาใช้เป็นยูนิฟอร์มป่วนเมืองก่อนที่จะถูกเอากลับมาปัดฝุ่นใหม่  ไล่ตั้งแต่การหยิบเสื้อโค้ตกันฝนมาใส่สีสันให้ดูสดใสบนวัตถุดิบใหม่ๆ อย่างผ้ายางโปร่งบางที่เปิดเผยให้เห็นชุดเสื้อและกระโปรงผ้าถักนิตลายตาราง สไตลิ่งด้วยหมวกแก๊ป กระเป๋าสะพายลายตาราง และเข็มกลัดจิวเวลรี จนได้มาซึ่งภาพใหม่ที่แสดงให้เห็นความขบถด้วยแอตติจูตสไตล์พังก์ร็อกแฝงไว้ด้วยความหรูหราถือตัว เป็นความขัดแย้งที่เข้ากันได้ดีและดูสดใหม่สมความตั้งใจ ภายใต้พาเหรดนายแบบและนางแบบรุ่นใหม่นำทีมโดยสาวน้อยสุดฮอต Kaia Gerber

Backstage จากโชว์ Burberry คอลเล็กชั่น September 2017 / ภาพ: Courtesy of Burberry

แฟชั่นโชว์ Burberry คอลเล็กชั่น September 2017 / ภาพ: Courtesy of Burberry

“ผมอยากให้มันออกมาดูจริง อาจจะทางการน้อยลง ดูกระด้างมากขึ้น คล้ายๆ กับการแต่งกายของชนชั้นแรงงานทางตอนเหนือของเมืองตามที่ผมเห็นจากภาพถ่ายต่างๆ ที่รวมมาเป็นแรงบันดาลใจของผมตั้งแต่แรก” ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นการตั้งใจสะท้อนภาพความหลากหลายของแฟชั่นแบบอังกฤษ โดยเน้นไปที่แนวคิดแบบขบถของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กลายมาเป็นรากฐานสำคัญทำให้แฟชั่นลอนดอนยังคงความสดใหม่น่าสนใจเสมอมา และคงไม่แปลกหากเราจะยกย่องว่านี่คืออีกหนึ่งความสดใหม่จากเบอร์เบอร์รี่ที่ตั้งใจนำเสนอผ่านการตีความที่ผสมทั้งศิลปะ ไลฟ์สไตล์ และแนวคิดเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นแฟชั่นพร้อมใช้พร้อมสวมทันที...โดยไม่ต้องรอ “ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใส่ความเป็นตัวเองไปในช่วงเวลาและสถานการณ์ปัจจุบัน ภายใต้มุมมองที่สดใหม่” คริสโตเฟอร์ เบลีย์ยืนยัน

เรื่อง: มานิตย์ มณีพันธกุล