ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกแบรนด์ต้องปรับตัวสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำเสนอความน่าตื่นเต้นให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ วันนี้ Burberry เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พรัอมให้สาวกแบรนด์ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการช็อปปิ้ง แบรนด์ดังจากอังกฤษเลือกจับมือกับ Tencent บริษัทเทคโลโนยีชั้นนำจากจีนเปิดคอนเซปต์สโตร์ในรูปแบบ Social Retail Store ครั้งแรกของโลก ณ เมืองเซินเจิ้นประเทศจีน ซึ่งร้านนี้จะมาพร้อมการเปิดประสบการณ์การช็อปปิ้งที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้าเพื่อสอดรับเข้ากับกระแสดิจิทัลของโลกยุคใหม่

การผนวกโลกดิจิทัลเข้ากับการช็อปปิ้งแบบดั้งเดิมที่เปิดประสบการณ์ในร้านให้มีสีสันขึ้นของ Burberry

     เบอเบอร์รี่ก้าวข้ามขีดจำกัดการพัฒนาหน้าร้านรูปแบบเดิมๆ ให้มีการเพิ่มเติมลูกเล่นความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น วิถีดิจิทัลจะถูกผนวกเข้ากับวิถีการช็อปปิ้งอย่างไร้ขอบเขต โดยร้านนี้จะเป็นร้านต้นแบบของร้านเบอร์เบอร์รี่ทั่วโลกต่อไปในอนาคต แบรนด์ภายใต้การนำของ Riccardo Tisci มักมีความสนุกให้เราร่วมอยู่ในเส้นทางความสร้างสรรค์อยู่เสมอ ครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องที่แบรนด์หยิบข้อมูลเรื่องการเติบโตด้านเทคโนโลยีในจีนมาพัฒนาจนเกิดเป็นความแปลกใหม่ที่ทั่วทั้งแวดวงแฟชั่นต้องจับตามอง ซึ่ง Matin Lau ประธานบริษัทเทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนา กล่าวถึงเป้าประสงค์ครั้งนี้ว่า “เรามุ่งมั่นเรื่องการพัฒนามาตลอด เราพร้อมพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เหนือความคาดหมายให้กับเบอร์เบอร์รี่ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กันไป”

ตัวอย่างการเข้า WeChat Mini Program ที่มีตัวละครแอนิเมชั่นคอยปฏิสัมพันธ์กับเรา

     การเข้าถึงความแปลกใหม่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ยากเกินไปเมื่อต้องการเปิดประสบการณ์ในร้านเบอร์เบอร์รี่ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร้านแห่งอนาคตใจกลางย่าน Bay MixC เมืองเซินเจิ้นจะทำให้ผู้เข้ามาในร้านได้ผนวกโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนได้อย่างไร้รอยต่อผ่านช่องทาง WeChat Mini Program ซึ่งลูกค้าสามารถพบเจอคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟและประสบการณ์เหนือระดับ มากไปกว่านั้นยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์สุดประทับใจผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย การเลือกของโดยมีตัวช่วยเอย หรือการเข้าใจเรื่องราวของไอเท็มชิ้นต่างๆ มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยิ่งทำให้การช็อปปิ้งในร้านระดับไฮเอนด์ยิ่งเติมเต็มความต้องการครบทุกด้านมากยิ่งขึ้น

พื้นที่ร้านที่ยังคงความละเอียดได้ไว้ครบถ้วนเช่นเดิม

     ด้วยความพิเศษทั้งหมดนี้ทำให้ร้านเบอร์เบอร์รี่ ณ เมืองเซินเจิ้นคือร้านที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถสอดประสานเข้ากับการช็อปปิ้งในวิถีดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี รสชาติของการเดินเลือกซื้อยังคงเต็มร้อยและยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้ามาอีกขั้นด้วยโลกเสมือนคู่ขนานที่เราสามารถสัมผัสมันได้พร้อมกัน องค์ประกอบที่น่าสนใจของร้านนอกจากโปรแกรม WeChat แล้ว ยังมีระบบ Social Currency ที่ทำหน้าที่เหมือนการสะสมแต้มเพื่อใช้สิทธิพิเศษกับแบรนด์ต่อไป ตัวร้านเองก็ไม่ได้พิเศษแค่เรื่องเทคโนโลยีเพราะเบอร์เบอร์รี่ให้ความสำคัญกับขนาดและความจัดเต็มเฉกเช่นทุกครั้ง ด้วยพื้นที่กว่า 539 ตารางเมตร พร้อมการตกแต่งแบบครบทุกองค์ประกอบทำให้ร้านยิ่งดูพิเศษขึ้นอีกระดับ

ระบบคิวอาร์โค้ดที่ใช้กับเสื้อเทรนช์ ไอเท็มซิกเนเจอร์ของแบรนด์

     เดินเข้ามาในความโอ่อ่ายิ่งใหญ่จะได้พบกับหน้าจอสัมผัสขนาดยักษ์ที่นำเสนอคอลเล็กชั่นล่าสุด ยังมี Trench Experience กับประสบการณ์สัมผัสเสื้อโค้ตตัวพิเศษของแบรนด์ที่สามารถเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียได้ด้วย ส่วนระบบคิวอาร์โค้ดก็มาเชื่อมต่อให้โลกดิจิทัลเชื่อมกับลูกค้าในร้านให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ห้องลองเองก็พิเศษสุดด้วยห้อง 3 รูปแบบทั้ง ลวดลายโมโนแกรม อาณาจักรสัตว์นานาชนิด และกระจกสะท้อนรอบทิศทางที่ทำให้การลองเสื้อผ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ปิดท้ายด้วย Thomas’s Café ที่เป็นเหมือนการเชื่อมต่อสังคมภายในแบรนด์เข้าหากัน เมนูต่างๆ ก็สะท้อนเรื่องวัฒนธรรมการดื่มชาทั้งในอังกฤษและจีน รวมถึงอาหารฟิวชั่น ซึ่งทั้งหมดสามารถใช้แต้ม Social Currency มาแลกของต่างๆ ภายในร้านได้อีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลคือการเปิดมิติของร้านระดับไฮเอนด์รูปแบบใหม่ที่ยังคงรักษากลิ่นอายแบบเดิมไว้อย่างครบถ้วน และเติมเต็มความทันสมัยโดยไม่ลดละมนต์เสน่ห์ของแบรนด์ไปแม้แต่นิด ร้านแห่งใหม่นี้เปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมเป็นต้นไป ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน

หน้าจอขนาดยักษ์ที่สามารถสร้างความสะดุดตาตั้งแต่เข้าร้าน

ห้องลองลวดลายกวางแบมบีที่โดดเด่นของแบรนด์

ห้องลองลวดลายโมโนแกรมอันโดดเด่น

บรรยากาศใน Thomas’s Café

บรรยากาศใน Thomas’s Café

ตัวอย่างเมนูอาหารใน Thomas’s Café

 

ภาพ: Courtesy of BURBERRY