Photo: @matiagrace

หากอยากมีผิวหน้าที่เรียบเนียนกระจ่างใส อีกหนึ่งสเต็ปสำคัญในสกินแคร์รูทีนที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามก็คือการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ อย่างไรก็ตามสำหรับสาวๆ บางคนที่มีผิวค่อนข้างจะบอบบางและแพ้ง่าย วิธีการช่วยผลัดเซลล์จากการใช้สครับหรือที่เรียกกันว่า Physical Exfoliant อาจจะรุนแรงต่อผิวจนอาจเกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในการผลัดเซลล์ผิวก็คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวประเภท Chemical Exfoliant แทน โดยหลายๆ คนจะรู้จักกันในชื่อของกรด AHA และ BHA ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยลดสิ่งอุดตันในรูขุมขนด้วย 

วันนี้ทีมบิวตี้จะพามารู้จักกับ Lactic Acid อีกหนึ่งกรดช่วยผลัดเซลล์ผิวในตระกูล AHA ซึ่งเป็นกรดที่ละลายด้วยน้ำและจะทำงานอยู่บนบริเวณพื้นผิวหน้าของเรา (ไม่ซึมลึกลงไปทำความสะอาดรูขุมขนเท่ากรด BHA) กรดช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานนี้ช่วยเรื่องอะไรบ้างและเหมาะกับผิวแบบใด ตามมาดูกัน

 

Lactic Acid คืออะไร?

กรดแลคติกคือกรดที่พบได้ในนมและน้ำตาลจากผลไม้ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับกรด AHA เป็นกรดที่ละลายในน้ำมีโมเลกุลที่ค่อนข้างใหญ่จึงไม่ซึมลึกลงไปในผิวมาก ซึ่งเมื่อทาลงผิวกรดแลคติกจะทำงานอยู่บริเวณพื้นผิวหน้าของเรา โดยจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วแต่ติดหนึบอยู่กับผิวของเราออก พร้อมช่วยเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเนียนนุ่ม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเราด้วย

 

Lactic Acid เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน?

กรดแลคติกนั้นเหมาะกับทุกสภาพผิวรวมถึงคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นกรดช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากให้ผิวหน้ากระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ และชุ่มชื้น แนะนำว่าควรใช้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 

Lactic Acid มีกี่รูปแบบ

ในปัจจุบันสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดแลคติกจะมีให้เลือกใช้อยู่ 3 รูปแบบหลักๆ ได้แก่แบบลอกออก (Peel) แบบเซรั่ม และแบบครีมบำรุง

แบบลอกออก (Peel)

การทำงานของกรดแลคติกที่มาในรูปแบบ Peel ซึ่งเป็น Chemial Exfoliant จะช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้ลอกออก โดยความเข้มข้นของกรดแลคติกที่ผสมอยู่จะอยู่ที่ 10-20 เปอร์เซนต์ ยิ่งเปอร์เซนต์สูงก็แปลว่ายิ่งมีการผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงขึ้นนั่นเอง ดังนั้นสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้หรือมีผิวที่ระคายเคืองง่าย แนะนำว่าให้เลือกใช้เพียง 10% ก่อนจะเซฟตี้ที่สุด