SKINCARE

'ฝ้า กระ จุดด่างดำ' แตกต่างกันอย่างไร รู้ไว้แก้ได้ไว รักษาได้ตรงจุด

ไขข้อสงสัย! ความแตกต่างระหว่าง ‘ฝ้า กระ และจุดด่างดำ’ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด

ปัญหา ‘ฝ้า กระ จุดด่างดำ’ เป็นสิ่งที่สามารถเกิดได้ทั้งบนใบหน้าและร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องเผชิญกับแสงแดด หลายครั้งที่แม้จะบำรุงโดยใช้สกินแคร์สูตรเฉพาะ ก็ยังรักษาได้ไม่หายขาด สาเหตุที่ร่องรอยเหล่านั้นยังไม่หายไป อาจเป็นเพราะเรารักษาไม่ถูกวิธี นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงควรทำความรู้จักกับ 'ฝ้า กระ จุดด่างดำ' ให้มากขึ้น เพื่อจะได้แก้ไขปัญหากันได้อย่างตรงจุด

 

ฝ้า (Melasma)

ฝ้า มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดใหญ่ เป็นสีน้ำตาลที่เข้มกว่าสีผิวของเรา มีทั้งเฉดสีน้ำตาลอ่อนไปยังน้ำตาลเข้ม  มีหลายขนาด หลายรูปทรง สามารถเกิดได้ทั่วบริเวณใบหน้า แต่จะพบมากบริเวณ โหนกแก้ม หน้าผาก คาง และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในวัย 30-50 ปี 

สาเหตุของการเกิดฝ้า

กิดจากการที่เซลล์เม็ดสีชั้นใต้ผิวหรือที่เรียกว่า ‘เมลานิน’ (Melanin pigment) ทำงานผิดปกติ เนื่องจากเมลานินนั้นมีหน้าที่ในการกรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมาก เมลานินจึงถูกผลิตออกมามากเช่นกัน ซึ่งรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ ‘รังสี UVA’ จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ 

ประเภทของฝ้า

  • ฝ้าแบบตื้น อยู่ในระดับผิวหนังกำพร้าหรือหนังชั้นนอก จะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เกิดได้ง่ายแต่ก็สามารถรักษาได้ง่ายเช่นเดียวกัน 
  • ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าหนังกำพร้า ให้สีที่เป็นน้ำตาลอมฟ้าหรืออมม่วง เนื่องจากอยู่ในระดับผิวหนังที่ลึก จึงทำให้รักษาได้ยาก

กระ (Freckles)

กระเกิดจาสาเหตุเดียวกันกับฝ้า แต่จะมีความแตกต่างจากฝ้าตรงที่ ‘กระ’ จะมีลักษณะเป็นจุดๆ สีน้ำตาลหรือดำ สามารถเกิดได้ทั้งแบบเป็นตุ่มนูน หรือจะเรียบไปกับผิว พบได้มากในบริเวณใบหน้า จมูก แก้ม หรือลำคอ

ประเภทของกระ 

  • กระตื้น เป็นจุดสีน้ำตาลอ่อนขนาดเล็ก สามารถเกิดได้ทั่วทั้งใบหน้า และสามารถจางลงได้เองหากเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานๆ
  • กระลึก เป็นกระที่เกิดในชั้นผิวที่ลึกกว่ากระตื้น ทำให้มีลักษณะเป็นจุดที่มีสีเข้มและมีขนาดใหญ่กว่า
  • กระแดด มีลักษณะเป็นจุดๆ สีน้ำตาล สาเหตุหลักเกิดจากแสงแดดและมักพบในผู้สูงอายุ
  • กระเนื้อ เป็นตุ่มที่นูนออกมาโดยจะมีสีน้ำตาลไปจนถึงเกือบดำ สามารถเกิดทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว 

 



WATCH



จุดด่างดำ (Dark Spot) 

รอยดำที่เกิดจากการอักเสบของผิว มักเกิดขึ้นจากการไปแกะสิวที่อักเสบทำให้ผิวอักเสบไปด้วย ซึ่งผิวบริเวณที่อักเสบจะเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ นอกจากนี้ตัวกระตุ้นที่สำคัญคือแสงแดดที่ทำให้รอยดำนั้นเด่นชัดขึ้น

วิธีป้องกันและวิธีรักษา

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ แนะนำให้เลือกค่า SPF 30+ และมี PA2+ ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีทั้ง UVA/UVB 
  • รับประทานอาหารที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่าง ผักใบเขียว ตระกูลเบอร์รี หรืออาหารเสริมประเภท Vitamin A,C,E จะช่วยลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้
  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือส่วนผสมที่ดูแลปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างตรงจุด
  • เข้าคลินิกเลเซอร์เพื่อทำการรักษา ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลายเทคนิค ไม่ว่าจะเป็น Laser, IPL, Mesotherapy, QS ND Yag 

1 / 3

Try this: Eucerin UltraWHITE+ Spotless Double Booster Serum (2,100 บาท)
เซรั่มจากยูเซอริน ที่มีไทอามิดอล (Thiamidol) ที่สามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำพร้อมไฮยาลูรอนที่ช่วยเสริมพลังให้ผิวอิ่มฟู กระจ่างใส

2 / 3

Try this: Nivea Luminous 630 Spotclear Treatment (990 บาท)
ทรีตเมนต์ผสานพลังไฮยาลูรอนและวิตามินอี บำรุงผิวหน้าให้ดูกระชับ นุ่มชุ่มชื้น แลดูสุขภาพดี ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำให้จางลง

3 / 3

Try this: Nivea Luminous 630 Spot Clear Sun Protect SPF50, PA+++ (699 บาท)
ครีมกันแดดที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส อันเป็นจุดกำเนิดของการเกิดฝ้า ด้วยประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากรังสี UVA และUVB พร้อม SPF50, PA+++

รู้ถึงความแตกต่างของทั้ง 'ฝ้า กระ จุดด่างดำ' กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวการสำคัญของทั้ง 3 ปัญหาคือ 'แสงแดด' ที่กระตุ้นให้รอยดำนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้สิ่งสำคัญคือต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำ และควรมีการดูแลรักษาเพิ่มเติมโดยเริ่มจากมาส์กหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ และการทาครีมที่เข้าช่วยตรงจุด ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นการไปเลเซอร์ที่คลินิกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้ค่ะ

ข้อมูล : ชลดา คร่ำมา
แปลและเรียบเรียง : วราภรณ์ หงส์วรางกูร
ภาพ : Pexels

WATCH