WELLNESS

ชวนค้นคำตอบ! 8 ผลข้างเคียงที่เกิดจากการกินกล้วยเยอะเกินพอดี

กล้วยที่ว่าดีมีประโยชน์ แต่หากกินเยอะเกินไปก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน

     “กล้วย” ถือเป็นผลไม้โปรดของใครหลายคน และอย่างที่เรารู้กันดีว่ากล้วยอุดมไปด้วยเส้นใยและกากอาหาร รวมถึงยังมีวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย นอกจากนี้ผู้คนนิยมรับประทานกล้วยเพื่อให้อิ่มท้อง เรียกว่าใช้เป็นตัวช่วยสำหรับช่วงไดเอตได้เป็นอย่างดีเลย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนว่าหากเรารับประทานกล้วยมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ไม่รู้ตัว และนี่คือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหากบริโภคกล้วยมากเกินพอดี

 

 

1. น้ำหนักเพิ่มขึ้น

     เมื่อเทียบระหว่างกล้วยกับคุกกี้หรือมันฝรั่งทอดกรอบ กล้วยจะมอบพลังงานน้อยกว่า แต่ก็ยังมีแคลอรี่เพียงพอที่จะทำให้น้ำหนักขึ้นได้ โดยกล้วยใบขนาดกลางมีพลังงาน 105 แคลอรี่ ดังนั้นหากกำลังมองหาของว่างแคลอรี่ต่ำเพื่อกินแก้หิวทุก 2-3 ชั่วโมง กล้วยก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แนะนำให้เลือกรับประทานผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง เช่น แตงโม สตรอเบอร์รี่ แคนตาลูป และลูกพีช ซึ่งเป็นตัวเลือกอาหารว่างที่ดีกว่าเพราะมีแคลอรี่น้อยกว่า มีใยอาหารสูง และช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน

 

2. ไมเกรน

     หากมีปัญหากับอาการปวดไมเกรนอย่างรุนแรงอาจต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานกล้วยไปเสียก่อน เพราะกล้วยมีไทรามีน (Tyramine) เป็นสารที่พบในอาหารหลายชนิด เช่น ชีส ปลา เนื้อสัตว์ และกล้วย ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน และเนื่องจากเปลือกกล้วยมีไทรามีนมากกว่าเนื้อกล้วยถึง 10 เท่า จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการลอกเปลือกส่วนที่เป็นเส้นๆ ออกให้หมดจากผลกล้วยก่อนจะรับประทาน

 

3. ภาวะโพแทสเซียมสูง

     เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากล้วยมีโพแทสเซียมซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตามมีข้อจำกัดว่าโพแทสเซียมที่มากเกินไปนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่าภาวะโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia) ซึ่งจะพบอาการต่างๆ เช่น ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้ และหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้หัวใจวายได้ โดยเฉลี่ยแล้วกล้วยมีโพแทสเซียมประมาณ 420 มิลลิกรัม ปริมาณที่แนะนำให้บริโภควันละ 4,700 มิลลิกรัม นั่นคือกล้วย 11 ลูกเท่านั้น และไม่ควรรับประทานกล้วย 7 ลูกขึ้นไปในคราวเดียว

 

4. ฟันผุ

     เนื่องจากกล้วยมีแป้งสูงอาจทำให้ฟันผุได้หากไม่รักษาสุขอนามัยของฟันที่เหมาะสม จากการศึกษาบางชิ้นพบว่ากล้วยสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากของคุณได้มากกว่าเมื่อเทียบกับช็อกโกแลต ชะเอมเทศแดง และหมากฝรั่ง นั่นเพราะแป้งละลายช้าในปาก ในขณะที่น้ำตาลละลายเร็วกว่า ดังนั้นเมื่อรับประทานกล้วย อนุภาคของมันจะอยู่ระหว่างฟันได้นานถึง 2 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดึงดูดแบคทีเรียมากขึ้น และส่งผลให้ฟันผุมากขึ้นนั่นเอง

 

 

5. ง่วงนอน

     การรับประทานกล้วยเป็นมือเช้าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ เพราะหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากล้วยสามารถทำให้รู้สึกง่วงได้แม้จะเพิ่งเริ่มวันใหม่ก็ตาม เพราะกล้วยอุดมไปด้วยโพรไบโอติกซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จะไปลดประสิทธิภาพการตื่นตัว ซึ่งไม่เพียงจะทำให้รู้สึกง่วงนอนเท่านั้น กล้วยยังมีแมกนีเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งนี่เป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับช่วงก่อนนอน เพราะฉะนั้นการรับประทานกล้วยเป็นอาหารว่างตอนมื้อเย็นจะดีที่สุด

 

6. ปวดท้อง

     กล้วยเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ มีฤทธิ์ลดกรดตามธรรมชาติและสามารถบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาหารไม่ย่อย ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตเมือกในกระเพาะอาหารซึ่งช่วยป้องกันการระคายเคืองของเยื่อบุกระเพาะอาหาร แต่ถ้าหากรับประทานกล้วยที่ยังดิบอยู่ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือรู้สึกคลื่นไส้ไปพร้อมกับอาการปวดท้องด้วย เนื่องจากในกล้วยดิบมีแป้งในปริมาณสูง ซึ่งร่างกายจะใช้เวลานานในการย่อย หากรับประทานในปริมาณมากก็อาจมีอาการอาเจียนหรือท้องร่วงทันที

 

7. ท้องผูก

     เชื่อว่าหลายคนต้องประหลาดใจเป็นแน่เมื่อบอกว่ากล้วยทำให้ท้องผูก เพราะเป็นที่รู้กันมาโดยตลอดว่ากล้วยช่วยเรื่องการทำงานของลำไส้ และช่วยแก้ปัญหาท้องผูก แต่นั่นใช้ได้กับกล้วยที่สุกแล้วเท่านั้น ในขณะที่กล้วยดิบจะอุดมด้วยแป้งและมีกรดแทนนิกในปริมาณมากที่มีผลยับยั้งระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นตัวการเพิ่มความเสี่ยงของอาการท้องผูกได้ ดังนั้นใครที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกล้วยดิบจะดีกว่า

 

8. เกิดแก๊สและท้องอืด

     การรับประทานกล้วยมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดแก๊สและท้องอืด ซึ่งจะทำให้รู้สึกแน่นท้องและกดดันในช่องท้องจากการสะสมของแก๊สที่เคลื่อนไหวช้าๆ ในลำไส้ เนื่องจากกล้วยนั้นมีซอร์บิทอล (น้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ) รวมถึงมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งกระบวนการสลายทั้ง 2 อย่างนี้จะผลิตแก๊สไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน ซึ่งส่งผลให้บางคนมีอาการท้องอืดมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันจึงแนะนำให้แบ่งกล้วยกินทีละครึ่ง แทนที่จะกินกล้วยลูกใหญ่ทีเดียว

 



WATCH



     แม้ว่ากล้วยจะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อย แต่การรับประทานในปริมาณมากเกินไปและการรับประทานกล้วยดิบก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ทางที่ดีจึงควรรับประทานกล้วยในปริมาณที่พอเหมาะ (2 ลูกต่อวัน) และเลือกกล้วยที่สุกกำลังดี เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นตามมา

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Banana