WELLNESS

ก้าวเข้าสู่วัย 30+ แล้วจะลดน้ำหนักอย่างไรให้ได้ผลและยั่งยืน

ต่อไปนี้คือแนวทางการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสำหรับคนวัย 30 ปีขึ้นไป

     การลดน้ำหนักเป็นเรื่องท้าทายโดยเฉพาะยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น นั่นเพราะกระบวนการเผาผลาญของร่างกายที่ช้าลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่อาจส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ของคนวัย 30 ปีขึ้นไปที่เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะต้องมีความรับผิดชอบ ทั้งการงาน ครอบครัว และภาระผูกพันอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้มีเวลาออกกำลังกายและเตรียมอาหารเพื่อสุขภาพน้อยลง นอกจากนี้ ระดับความเครียด ก็ยังนำไปสู่การรับประทานอาหารตามอารมณ์หรือการเลือกอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอายุที่มากขึ้นจะทำให้การลดน้ำหนักนั้นยากลง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ มาบรรลุเป้าหมายการมีน้ำหนักและรูปร่างที่สมส่วนกันอย่างยั่งยืนด้วยแนวทางเหล่านี้!

 

 

ตั้งเป้าหมายไปที่การมีสุขภาพที่ดีขึ้น

     แทนที่จะโฟกัสไปกับตัวเลขที่ลดลงบนตาชั่ง หรือการมีรูปร่างที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น แนะนำว่าให้ตั้งเป้าและมุ่งเน้นไปที่สุขภาพที่ดีขึ้นแทนจะดีกว่า เพราะจากการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจให้ลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค หรือเพื่อทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น มีจำนวนผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักมากกว่าผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเพื่อแค่อยากปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเท่านั้น

 

 

เลือกความยั่งยืนมากกว่าความรวดเร็ว

     การอดอาหารหรือการดีท็อกซ์อาจช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เร็ว แต่นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและลดประสิทธิภาพในการทำงาน ในขณะเดียวกันการอดอาหารยังอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและควบคุมน้ำหนักได้ยากยิ่งขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีกว่าคือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไร้มัน เมล็ดธัญพืช และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ โดยบริโภคในปริมาณที่สมดุล และมีสารอาหารเพียงพอที่ร่างกายต้องการ

 



WATCH



 

3. ออกกำลังกายด้วยกิจกรรมประจำวัน

     เมื่อพยายามที่จะลดน้ำหนัก คนส่วนใหญ่คิดว่าจะต้องออกกำลังกายหนักๆ เท่านั้น จริงอยู่ที่ว่าการออกกำลังกายเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักและสร้างสุขภาพที่ดี แต่ก็อย่าสบประมาทกับกิจกรรมประจำวัน เพราะมันสามารถช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มกล้ามเนื้อได้ โดยการเพิ่มจำนวนก้าวเดินและการนั่งให้น้อยลงในทุกวัน พอๆ กับการใช้เวลาเป็นชั่วโมงในยิมต่อสัปดาห์เสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นแนะนำให้ลองค่อยๆ เพิ่มกิจกรรมในการเผาผลาญ เช่น ปกติเดิน 1,000 ก้าวต่อวัน ให้ลองเพิ่มจำนวนก้าวเป็น 2,500 ก้าว จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับจำนวนให้มากขึ้น รู้ตัวอีกทีก็เดินได้สบายๆ 2-3 กิโลเมตรต่อวัน

 

 

ให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่เพียงพอ

     หลายๆ คนในวัย 30 ปีพยายามแบ่งเวลาให้ทั้งกับการงาน ครอบครัว และชีวิตทางสังคม ซึ่งอาจไปลดเวลานอนและส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งการนอนหลับไม่เพียงพอเรื้อรังอาจส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยจะไปรบกวนการควบคุมฮอร์โมน ทำให้เกิดความหิว ความอยากอาหารมากขึ้น และการเผาผลาญที่ช้าลง ฉะนั้นทางที่ดีจึงควรตั้งเป้าการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน ถึงจะดีต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม

 

 

รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ

     น้ำมีบทบาทสำคัญในการลดน้ำหนัก เนื่องจากน้ำจะช่วยระงับความอยากอาหาร ปรับสมดุลการย่อยอาหาร และเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เพราะฉะนั้น ควรงดหรือลดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และเน้นการดื่มน้ำเปล่า และอย่าลืมที่จะดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ (ความต้องการน้ำของแต่ละคนแตกต่างต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กิจกรรมและขนาดของร่างกาย) รวมไปถึงเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำสูง เช่น ผัก และผลไม้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกายก็ได้เช่นกัน

 

     การลดน้ำหนักสำหรับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องใช้แนวทางแบบองค์รวม ตั้งแต่การรับประทานอาหารให้สมดุล การเผาผลาญพลังงานอย่างสม่ำเสมอ ไปจนถึงการนอนหลับที่เพียงพอ และอย่าลืมว่าการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยวินัยและทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต้องให้ความสำคัญและตั้งเป้าไปที่สุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงตัวเลขบนตาชั่งที่ลดลงเท่านั้น

 

ข้อมูล : Healthline

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Diet