ในบรรดาอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดของยุคนี้ แน่นอนว่า “กรีกโยเกิร์ต” ย่อมไม่พลาดติดโผเสมอ เพราะขึ้นชื่อว่าโปรตีนสูง และมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ แถมยังมอบรสสัมผัสที่แน่นแต่นุ่มเนียน อร่อยทานเพลินได้แบบไม่รู้สึกผิด เรียกว่าเป็นอาหารที่สายเฮลตี้หยิบมาใส่ในเมนูประจำวันกันตลอด ทว่ากรีกโยเกิร์ตไม่ได้มีดีเพียงแค่นี้ แต่ยังซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้อีกมากมาย ซึ่งในบทความนี้โว้กบิวตี้จะพาไปเจาะลึกคุณค่าทางโภชนาการของกรีกโยเกิร์ตที่รู้แล้วจะทำให้อยากทานขึ้นมาทันทีเลย

1. กรีกโยเกิร์ต คืออะไร?
กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) คือโยเกิร์ตที่ผ่านกระบวนการกรองน้ำเวย์ (whey) ออกหลายรอบ ทำให้ได้เนื้อโยเกิร์ตที่แน่น เข้มข้น และมีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดาหลายเท่า โดยโครงสร้างเนื้อสัมผัสจะมีความข้นและมันกว่า มอบรสชาติที่ไม่เปรี้ยวจัด ถือเป็นอาหารที่เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่มองหาของว่างที่ช่วยให้อิ่มนานแต่ก็ยังอร่อยด้วย

2. กรีกโยเกิร์ต VS โยเกิร์ตธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร?
เชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยกันแน่ๆ ว่า ‘กรีกโยเกิร์ต’ และ ‘โยเกิร์ตธรรมดา’ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยจริงๆ แล้วจุดต่างสำคัญอยู่ที่กระบวนการผลิต คือ กรีกโยเกิร์ตจะผ่านการกรองน้ำเวย์ (whey) ออกหลายรอบ ทำให้ได้เนื้อโยเกิร์ตที่ข้นและแน่นกว่า ส่วนสารอาหารก็มีข้อดีคือให้โปรตีนสูงกว่า แต่มีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าโยเกิร์ตทั่วไป ขณะที่โยเกิร์ตธรรมดาจะยังคงมีน้ำเวย์อยู่ จึงให้เนื้อสัมผัสที่เหลวกว่าหน่อย และรสชาติมักจะเปรี้ยวกว่าเล็กน้อยด้วย

3. กรีกโยเกิร์ตมีประโยชน์อะไรบ้าง?
กรีกโยเกิร์ตมีดีแค่ไหน? ต้องบอกเลยว่ามากกว่าแค่ของว่างเฮลตี้ เพราะมันเต็มไปด้วยสารอาหารและคุณค่าที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเรื่องรูปร่าง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ควรมีติดตู้เย็นเอาไว้ไม่ขาด
- โปรตีนสูง ทานแล้วอิ่มนาน : จุดเด่นของกรีกโยเกิร์ตคือโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตทั่วไปหลายเท่า เมื่อทานแล้วจึงทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เหมาะกับคนที่ควบคุมน้ำหนักหรือกำลังสร้างกล้ามเนื้อ
- มีโพรไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลลำไส้ : กรีกโยเกิร์ตอุดมด้วยจุลินทรีย์ดี ช่วยดูแลลำไส้ให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ลดอาการท้องอืด และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ด้วย
- แคลเซียมสูง บำรุงกระดูกและฟัน : ถึงแม้กรีกโยเกิร์ตจะถูกกรองเอาน้ำเวย์ออกหลายรอบ แต่ยังคงมีแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
- ไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่ำ : เหมาะกับสายเฮลตี้ หรือคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะกรีกโยเกิร์ตมีไขมันน้อยและคาร์บน้อยกว่าโยเกิร์ตทั่วไป
- บำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก : มีวิตามินและโปรตีนที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้แลดูสดใส

4. กรีกโยเกิร์ตมีกี่แคล?
โดยทั่วไปแล้ว 'กรีกโยเกิร์ต' ทั้งแบบซื้อสำเร็จรูปและแบบทำเองจะมอบพลังงานอยู่ที่ประมาณ 90-120 กิโลแคลอรี่ ต่อ 100 กรัม ทั้งนี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามสูตรและวัตถุดิบที่ใช้ ถ้าเป็นสูตรธรรมชาติไม่เติมน้ำตาล ก็จะได้กรีกโยเกิร์ตที่โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และคาร์โบไฮเดรตน้อย
Editor’s Tips: ถ้าอยากคุมแคลให้เป๊ะ แนะนำให้อ่านฉลากที่บรรจุภัณฑ์ให้ละเอียดทุกครั้ง และเลี่ยงรสหวาน หรือสูตรที่ใส่น้ำผึ้งและผลไม้เชื่อม เพราะไม่งั้นอาจจะเจอน้ำตาลแฝงโดยไม่รู้ตัว

5. วิธีการทำกรีกโยเกิร์ตด้วยตัวเอง
ใครที่อยากลองทํากรีกโยเกิร์ตไว้กินเองที่บ้าน บอกเลยว่าทำได้ง่ายๆ ลองทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
- เตรียมโยเกิร์ตรสธรรมชาติ : เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Plain Yogurt) ที่ไม่มีน้ำตาลหรือสารปรุงแต่ง
- หาอุปกรณ์สำหรับกรอง : ใช้ผ้าขาวบางสะอาด หรือกระชอนตาถี่ วางไว้บนชามลึก เพื่อรองน้ำเวย์ที่ไหลออก หรือใช้เครื่องทำกรีกโยเกิร์ต ซึ่งเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ทั่วไปทางช่องทางออนไลน์
- กรองโยเกิร์ตในตู้เย็น : เทโยเกิร์ตลงบนผ้าขาวบางหรือกระชอน แล้วนำเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน เพื่อให้น้ำเวย์ค่อยๆ ไหลออก จนได้เนื้อโยเกิร์ตที่เข้มข้น
- เก็บใส่กล่อง : กรีกโยเกิร์ตที่กรองเสร็จแล้ว ตักใส่กล่องสะอาด ปิดฝาให้มิดชิด แช่ตู้เย็นไว้ สามารถแบ่งไว้ทานได้หลายครั้ง

6. กินกรีกโยเกิร์ตกับอะไรดี?
ถ้าอยากเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการให้ครบมากขึ้น ลองจับคู่กรีกโยเกิร์ตกับวัตถุดิบต่างๆ เหล่านี้ รับรองว่าอร่อย ทานได้ไม่เบื่อ แถมยังอิ่มท้องและได้ไฟเบอร์เพียบ
- ผลไม้สด เช่น เบอร์รี่ กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ หรือกีวี เพิ่มวิตามินและรสหวานธรรมชาติแทนน้ำตาล
- กราโนล่า หรือ ธัญพืชอบกรอบ เติมความอร่อยกรุบกรอบ แถมยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น
- ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เมล็ดเจีย หรือเมล็ดแฟลกซ์ เติมทั้งโปรตีนและไขมันดี