ไฝเกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ที่อยู่บริเวณผิวหนังชั้นกำพร้า เกิดการรวมตัวกันสร้างเม็ดสีที่มากจนผิดปกติเกิดเป็นตุ่มสีต่างๆ ตั้งแต่สีน้ำตาลไปจนถึงสีน้ำตาลดำ มักจะเกิดขึ้นกับคนผิวขาวมากกว่าผิวคล้ำ ส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายแต่ก็มีโอกาสที่ไฝจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า ‘เมลาโนมา’ ได้ บางคนจึงตัดสินใจเลเซอร์ออก เพื่อลดความเสี่ยงในส่วนนี้และเพิ่มความมั่นใจให้กับร่างกายและใบหน้าของเรา โว้กบิวตี้แนะนำวิธีการดูแลแผลหลังจากเลเซอร์ไฝ เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นในอนาคตได้

 

หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

     หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่ในบริเวณที่มีแดดจัดๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะรังสียูวีในแสงแดดอาจทำให้เกิดเม็ดสีเมลานินที่ทำให้รอยแผลคล้ำมากขึ้น ซึ่งทำให้การรักษารอยแผลเป็นหายได้ยากกว่าเดิม รวมถึงทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดที่ทำให้เกิดรอยคล้ำได้

 

ใช้ครีมรักษารอยแผลเป็น

     เมื่อแผลเริ่มแห้งควรใช้ครีมรักษารอยแผลเป็นทุกวันอย่างสม่ำเสมอ การเลือกครีมรักษารอยแผลเป็นที่ดีควรทำหน้าที่เป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิว ทำให้อากาศไหลผ่านได้ รวมทั้งป้องกันสิ่งสกปรกหรือสารเคมีเข้าสู่ชั้นบนของผิว และมีสารช่วยป้องกันแบคทีเรียไม่ให้เติบโต รวมถึงไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือทำปฏิกิริยากับแผล

 

 

งดการสัมผัสบริเวณแผล

     ไม่จับ ถู นวด หรือเกาผิวแรงๆ เพราะมือของเราเต็มไปด้วยเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมากมาย อาจทำให้เกิดหนองหรือการขยายวงกว้างของแผลได้ รวมถึงอาจทำให้แผลอักเสบหรือแผลหายช้ากว่าเดิม เมื่อแผลแห้งและเริ่มตกสะเก็ด ควรปล่อยให้แผลหลุดไปเอง ห้ามแกะเกาให้สะเก็ดหลุดเร็วขึ้นเด็ดขาด

 

ห้ามโดนน้ำหลังจากเลเซอร์เสร็จ

     ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากการเลเซอร์ใฝ ห้ามแผลโดนน้ำเด็ดขาด ซึ่งแผลสดหากโดนน้ำอาจทำให้มีอาการแสบและแผลแห้งช้ากว่าปกติได้ แนะนำให้ทำแผลวันละ 2 ครั้ง โดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดแผลให้สะอาด และทายาที่แพทย์ให้มาเพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อประมาณ 7 วัน ใช้วิธีแตะเบาๆ ไม่ใช่การถูไปมา เพราะอาจทำให้สำลีเสียดสีกับแผลและอาจเกิดการอักเสบได้ 

 

     การดูแลแผลเลเซอร์ไฝไม่ต่างจากการเลเซอร์ชนิดอื่นมากนัก เพราะเป็นการเน้นการดูแลความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน รวมถึงการใช้ครีมลดรอยแผลเป็นอย่างสม่ำเสมอจนกว่าแผลจะจางหายลง เท่านี้ก็จะสามารถลดรอยแผลเป็นได้ไม่ยากแล้ว