Vogue Beauty Thailand

BEAUTY TREATMENT

เลือกน้ำมันนวดหน้าอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

ค้นหาน้ำมันนวดหน้าที่ตอบโจทย์ทุกความกังวล เพราะแต่ละสภาพผิวต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน

โดย Vogue Thailand
30 กันยายน 2568

 “น้ำมันนวดหน้า” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการผ่อนคลาย แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลุกความเปล่งประกายจากภายใน สัมผัสแห่งความหรูหราที่หยดลงบนผิวสามารถสร้างทั้งความสมดุล ความชุ่มชื้น และบำรุงล้ำลึกได้อย่างน่าทึ่ง แต่ความลับที่แท้จริงอยู่ที่การเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เพราะผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวบอบบาง ต่างต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน โว้กบิวตี้จะพาคุณไปรู้จักศิลปะของการเลือกน้ำมันนวดหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท

 

Article

 

ผิวแห้ง (Dry Skin)

ผิวแห้งคือสภาพผิวที่มักขาดเกราะปกป้องตามธรรมชาติ ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย เกิดความรู้สึกตึง แห้งลอก หรือดูหมองไม่สดใส การเลือกใช้น้ำมันนวดหน้าจึงเป็นเสมือน “การเติมอาหารให้ผิว” ด้วยกรดไขมันที่เข้มข้นและสามารถซึมซาบลึกลงสู่ชั้นผิว เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นานยิ่งขึ้น

น้ำมันนวดหน้าที่เหมาะกับผิวแห้ง ได้แก่

  • น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil) : อุดมด้วยวิตามินอีและกรดไขมันโอเมก้า ช่วยฟื้นฟูและมอบความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก
  • น้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil) : เนื้อสัมผัสเข้มข้น ซึมซาบได้ดี ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มและยืดหยุ่นขึ้น
  • น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น (Virgin Coconut Oil) : มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยลดอาการแห้งลอก พร้อมสร้างสัมผัสผิวที่อิ่มฟู

 

Article

 

ผิวมัน (Oily Skin)

หลายคนที่มีผิวมันมักกังวลว่าการใช้น้ำมันจะยิ่งทำให้หน้ามันวาวหรือก่อให้เกิดสิว แต่ความจริงแล้วการเลือกใช้น้ำมันที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและซึมซาบไวกลับช่วย “ปรับสมดุล” ให้ผิวได้อย่างน่าประทับใจ น้ำมันที่เหมาะกับผิวมันจะช่วยควบคุมการผลิตซีบัมตามธรรมชาติ ลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรงขึ้นโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะ

น้ำมันที่เหมาะกับผิวมัน ได้แก่

  • น้ำมันโจโจบา (Jojoba Oil) : โครงสร้างใกล้เคียงกับน้ำมันที่ผิวผลิตเอง จึงซึมง่าย ไม่อุดตัน และช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนผิว
  • น้ำมันองุ่น (Grapeseed Oil) : เนื้อสัมผัสเบามาก มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ ช่วยลดการอุดตันและปรับผิวให้ดูเรียบเนียน
  • น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) : มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิว แต่ควรใช้ในปริมาณเหมาะสมหรือเจือจางก่อนเสมอ

 

Article

 

ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวผสมถือเป็นสภาพผิวที่ท้าทายที่สุด เพราะมีทั้งบริเวณที่มันง่ายอย่าง T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) และบริเวณที่แห้งหรือขาดความชุ่มชื้น เช่น บริเวณแก้ม การเลือกน้ำมันนวดหน้าสำหรับผิวประเภทนี้จึงควรเน้นที่การ “สร้างสมดุล” โดยต้องให้ความชุ่มชื้นเพียงพอกับโซนแห้ง ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้โซนมันรู้สึกหนักหรืออุดตัน

น้ำมันที่เหมาะกับผิวผสม ได้แก่

  • น้ำมันสวีทอัลมอนด์ (Sweet Almond Oil): เนื้อสัมผัสบางเบา ช่วยเติมความชุ่มชื้นได้โดยไม่ทำให้ผิวมันเกินไป เหมาะกับผิวที่ขาดความสมดุล
  • น้ำมันแมคคาเดเมีย (Macadamia Oil): อุดมด้วยกรดไขมันที่ใกล้เคียงกับน้ำมันธรรมชาติของผิว จึงช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนและซึมซาบได้ดี
  • น้ำมันเมล็ดกุหลาบ (Rosehip Oil): อุดมด้วยวิตามินเอและซี มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิว ลดรอยดำ และเสริมความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี

 

Article

 

ผิวบอบบาง แพ้ง่าย (Sensitive Skin)

สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย การเลือกใช้น้ำมันนวดหน้าจำเป็นต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะผิวประเภทนี้มีแนวโน้มจะเกิดการระคายเคือง รอยแดง หรืออาการอักเสบได้ง่าย น้ำมันที่เหมาะสมจึงควรเป็นชนิดที่บริสุทธิ์ ไม่มีการแต่งกลิ่น ไม่ผสมสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และต้องมีคุณสมบัติที่ช่วยปลอบประโลมผิวโดยตรง

  • น้ำมันที่เหมาะกับผิวบอบบาง ได้แก่น้ำมันคาโมมายล์ (Chamomile Oil): มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบและปลอบประโลมผิวที่ระคายเคือง พร้อมกลิ่นหอมอ่อนโยนตามธรรมชาติที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
  • น้ำมันคาลันดูล่า (Calendula Oil): อุดมด้วยสารต้านการอักเสบและแอนติออกซิแดนท์ ช่วยบรรเทาผิวแพ้ง่ายและเสริมการฟื้นฟูของผิว
  • น้ำมันอาร์แกนสกัดเย็น (Cold-Pressed Argan Oil): เนื้อสัมผัสเบาแต่เข้มข้นด้วยวิตามินอีและกรดไขมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิวโดยไม่ก่อการระคายเคือง

 

Article

 

ผิวที่เริ่มมีริ้วรอย (Mature Skin)

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติจะทำงานช้าลง ทำให้ความยืดหยุ่นลดลง เกิดริ้วรอย ร่องลึก หรือความหมองคล้ำที่เห็นชัดกว่าวัยหนุ่มสาว การเลือกน้ำมันนวดหน้าสำหรับผิวที่เริ่มมีริ้วรอยจึงควรเน้นไปที่ชนิดที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันจำเป็น เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ พร้อมฟื้นฟูให้ผิวกลับมาดูมีชีวิตชีวา

น้ำมันที่เหมาะกับผิวที่มีริ้วรอย ได้แก่

  • น้ำมันโรสฮิป (Rosehip Oil): อุดมด้วยวิตามินเอและกรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนขึ้น
  • น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil): มีคุณสมบัติช่วยเสริมความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว เหมาะกับการดูแลผิวที่เริ่มสูญเสียความกระชับ
  • น้ำมันทับทิม (Pomegranate Oil): มีสารต้านอนุมูลอิสภาพเข้มข้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปกป้องผิวจากความร่วงโรย

 

Photo : Canva.com