สาวๆ บางคนอาจจะคิดว่าการทามอยส์เจอไรเซอร์ก็เหมือนกับการทาโลชั่นทั่วไปที่แค่ลูบไปมาก็พอ แต่จริงๆ แล้วการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ลงบนผิวหน้าอย่างถูกต้องนั้นจะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างผิวแห้งหมองคล้ำกับผิวเนียนนุ่มได้อย่างชัดเจน ฉะนั้นต่อให้มอยส์เจอไรเซอร์คุณภาพดีแค่ไหนแต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีและเลือกไม่เหมาะกับผิวของเรา ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจะไม่เต็มประสิทธิภาพ มาดูเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพของมอยส์เจอไรเซอร์ที่เราใช้อยู่ให้ทำงานกับผิวได้ดียิ่งขึ้นกัน

 

1. Exfoliate once a month

ควรขัดผิวกายและผิวหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าสักเดือนละครั้ง เพื่อเปิดทางให้ความชุ่มชื่นและสารอาการจากสกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ดียิ่งขึ้น โดยแพทย์ผิวหนังมักจะแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดเซลล์ผิวสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของกรด AHA หรือ BHA แต่ปริมาณของกรดดังกล่าวในผลิตภัณฑ์ไม่ควรเกินร้อยละ 2 และควรหลีกเลี่ยงสครับที่มีเม็ดสครับขนาดใหญ่หรือเนื้อหยาบ เพราะอาจขีดข่วนผิวจนเกิดอาการระคายเคือง

1 / 3

2 / 3

3 / 3

4. Plug in a humidifier

เครื่องพ่นไอน้ำอาจไม่ค่อยเป็นที่นิยมในเมืองร้อนแบบบ้านเรา แต่ไอน้ำนั้นจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ มอยส์เจอไรเซอร์ส่วนใหญ่มักดึงน้ำในบรรยากาศเข้ามาในผิว ถ้าอยู่ในห้องปรับอากาศทั้งวันผิวจะแห้ง ดังนั้นลองเลือกเครื่องพ่นไอน้ำที่ปรับไอน้ำเป็นแบบเย็นได้มาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก็ดี

5. Use for the wrong layer

การเรียงลำดับการลงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ควรเริ่มทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเบาที่สุดก่อนแล้วค่อยไล่ระดับไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาที่สุด โดยเริ่มจากการล้างหน้า สครับผิว มาส์ก โทนเนอร์ เอสเซ้นส์ อายครีม มอยส์เจอไรเซอร์ เฟสออยล์ ครีมกันแดด เป็นต้น 

6. For day or for night

การนำมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับการวันมาใช้กลางคืนหรือการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ผิดเวลา ผิวของเราจะมีการซ่อมแซมในตอนกลางคืน โดยจะมีการผลัดเซลล์และฟื้นฟูผิวในขณะที่นอนหลับ ด้วยเหตุผลนี้จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมในขั้นตอนการซ่อมแซมผิว ซึ่งบรรดาไนท์ครีมจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการปลอบประโลมและฟื้นฟูผิว เช่น เรตินอลและเปปไทด์ เป็นต้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับกลางคืนจะมีความหนาและบำรุงผิวได้ล้ำลึกมากกว่า ดังนั้นควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์แต่ละชนิดให้ถูกเวลา

1 / 2

2 / 2